หวยไม่ถึงมือผู้พิการเพราะมีนอมินีหรือไม่ รวมข้อสงสัยปมจัดสรรโควตาสลากฯ ให้ผู้พิการ

ที่มาของภาพ : Getty Images

Article Files

    • Author, นงนภัส พัฒน์แช่ม
    • Feature, ผู้สื่อข่าว.

“อาชีพของคนพิการ เวลาจบจากกีฬาแล้วมันไม่มี ทางเลือกมันไม่มี สิ่งที่เป็นที่พึ่งเดียวได้ก็คือสลากฯ” ศุภชัย สงพินิจ นักกีฬากรีฑาคนพิการอดีตทีมชาติไทย เปิดเผยกับ.

เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่เขาร้องเรียนกับหน่วยงานต่าง ๆ หลังพบข้อผิดสังเกตในการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลภายในสมาคมที่ดูแลนักกีฬาผู้พิการทางสายตาเช่นเขา โดยเฉพาะกรณีที่มีการจัดสรรโควตาที่ได้รับจากรัฐ ไปไม่ถึงมือนักกีฬาผู้พิการ แต่ไม่ได้รับความคืบหน้า

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกตั้งคำถามอีกครั้ง โดยเฉพาะส่วนที่มีการจัดสรรให้กับสมาคม มูลนิธิ และองค์กรต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อผู้พิการ หลัง สส.ฝ่ายค้านออกมาเปิดประเด็นว่าทั้งมี “นอมินี” รวบสลากฯ ไปจำหน่ายโดยไม่ได้จัดสรรผลประโยชน์ไปถึงผู้พิการตามที่ควรจะเป็น

ขณะที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลชี้แจงว่าได้ยึดมั่นในการจัดสรรสลากอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และพร้อมรับข้อร้องเรียนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

.รวบรวมข้อร้องเรียนและคำชี้แจงเท่าที่ปรากฏจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ว่ามีข้อสงสัยใดบ้างที่ถูกตั้งคำถาม และข้อกล่าวหาใดที่ยังไม่ได้รับความกระจ่าง

หลักเกณฑ์การจัดสรรโควตาหวยให้กับผู้พิการ

เว็บไซต์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุข้อมูลไว้ว่า ในจำนวนสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดละ 1.05 ล้านเล่ม หรือ 105 ล้านใบนั้น มีการแบ่งสัดส่วนให้กับ “คนพิการ” โดยตรง 7,408 เล่ม หรือคิดเป็น 0.71% นอกจากนี้ยังจัดสรรให้ส่วนที่เรียกว่า “สมาคม มูลนิธิ องค์กร พิการ” อีก 145,095 เล่ม หรือคิดเป็น 13.82% ซึ่งการจัดสรรโควตาส่วนนี้เองที่กำลังถูกตั้งคำถาม

กองสลากระบุบนเว็บไซต์ว่า คุณสมบัติของตัวแทนจําหน่ายประเภท “สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรการกุศลต่าง ๆ” จะต้องเป็นองค์กร/หน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการ, มีเอกสารที่แสดงการช่วยเหลือ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิการ และต้องแสดงรายชื่อสมาชิกผู้พิการที่รับสลากไปจำหน่ายไม่น้อยกว่า 75% ของจำนวนสลากที่รับไปจำหน่าย

นอกจากนี้ยังระบุเงื่อนไข อาทิ ให้หน่วยงานดังกล่าวจะต้องมีสมาชิกเป็นผู้พิการที่มีเอกสารรับรองจากหน่วยงานของรัฐ, มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กร มีกิจกรรมทางสังคมด้านสาธารณประโยชน์ด้านต่างๆ รวมถึงกิจกรรมเพื่อการจัดสวัสดิการให้กับสมาชิก รวมทั้งต้องบริหารจัดการสลากให้กับสมาชิกภายในองค์กรให้เกิดความเป็นธรรม โดย “หากมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการจัดสรรสลาก หรืออื่นใดก็ตาม สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขอสงวนสิทธิ์ในการจ่ายสลากให้แก่องค์กรจนกว่าจะได้ข้อยุติ”

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุด

Finish of ได้รับความนิยมสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติกลับมีข้อร้องเรียนว่าบางหน่วยงานไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กองสลากระบุไว้

เสียงสะท้อนอดีตนักกีฬาทีมชาติผู้พิการทางสายตา

ที่มาของภาพ : ศุภชัย สงพินิจ/handout

ศุภชัย สงพินิจ (เสื้อสีส้ม) นักกีฬากรีฑาผู้พิการทางสายตา ลงแข่งขันกีฬาผู้พิการในนามทีมชาติไทยมาตั้งแต่ตอนที่เขาอายุ 12 ปี

“โควตามันเพิ่งเข้ามาจริง ๆ ที่ผมเพิ่งมารู้เหมือนกัน มันได้มาตอนปี 57-58 ครับ โควตาสลากฯ ที่ได้มาเป็นชุดใหญ่ ๆ” ศุภชัย สงพินิจ นักกีฬากรีฑาคนพิการอดีตทีมชาติไทย เปิดเผยกับ.

นักกีฬากรีฑาวัย 41 ปีรายนี้ บอกว่าเขาได้ร่วมงานใกล้ชิดกับ “สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย” มาร่วม 20 ปีแล้ว นับตั้งแต่ก่อนติดทีมชาติชุดเยาวชนเมื่อตอนที่เขาอายุ 12 ปี และเข้าแข่งขันในนามตัวแทนประเทศไทยจนคว้าเหรียญทองในระดับอาเซียนมากว่า 30 เหรียญ แต่ที่ผ่านมากลับไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใด ๆ จากการที่สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เหมือน “ผู้จัดการ” ของนักกีฬาตาบอด ได้รับจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลเลย

“ปี 58 เรายังไม่รู้ครับ นักกีฬาทุกคนไม่มีใครรู้ว่ามีโควตาตรงนี้ จนวันนึงก็คือ เราเพิ่งมารู้ตอนเราไปเห็นเอกสารจากกองสลาก จากสมาคมอื่นว่า สมาคมเรามีสลากฯ อยู่ด้วย” ศุภชัยเล่า เขากล่าวเสริมว่าเขาเพิ่งรู้ว่าสมาคมฯ ได้รับจัดสรรโควตาสลากฯ ก็ราวปี 2565 – 2566 แล้ว

ที่มาของภาพ : ศุภชัย สงพินิจ/handout

ศุภชัย (ซ้าย) คว้า 3 เหรียญทองในการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ เมื่อปี 2566 ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งล่าสุดของเขาในนามตัวแทนทีมชาติไทย

เมื่อทราบว่าสมาคมฯ มีโควตาสลากฯ ศุภชัยจึงสอบถามไปว่าเขาจะสามารถขอรับสลากฯ ส่วนหนึ่งไปจำหน่ายต่อได้บ้างหรือไม่ แต่ได้รับการตอบกลับว่าเขาต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมก่อน

“เขาบอกว่าเราไม่เป็นสมาชิก เราเป็นแค่นักกีฬา” ศุภชัยกล่าว “ที่ผ่านมา เราคิดว่าการที่ว่าเราขึ้นทะเบียนกับการกีฬาแห่งประเทศไทย หมายถึงว่าคุณก็ต้องรับเราเป็นสมาชิกแล้วโดยปริยาย เพราะว่าคุณมาดูแลผลประโยชน์ สิทธิต่าง ๆ ของนักกีฬา ตามที่การกีฬาฯ หรือสปอนเซอร์ให้มาทุกอย่าง มันต้องผ่านคุณ”

“ในเมื่อสมาคมเป็นคนดูแลแล้ว ตามบริบทแล้วมันก็เท่ากับว่า ก็ต้องรับเราเข้าเป็นสมาชิกหรือเปล่า” ศุภชัยย้อนเล่าถึงข้อสงสัยของเขาในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาสอบถามเรื่องนี้กับผู้ที่มีชื่อเป็นสมาชิกของสมาคมฯ เขาก็ได้ทราบว่าแม้แต่นักกีฬาที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกของสมาคมฯ อย่างถูกต้อง ก็ไม่ได้รับสลากฯ ไปจำหน่าย นั่นทำให้เขาเริ่มสืบหาข้อมูลอย่างจริงจังจนได้เห็นรายชื่อตัวแทน 157 คนที่รับสลากฯ จากสมาคมฯ ไปจำหน่ายต่อ ซึ่งเป็นรายชื่อที่เขาไม่คุ้นเคยว่าเกี่ยวข้องกับวงการกีฬาเลย

“ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการกีฬาเลยครับ เป็นวงจรของคนปกติบ้าง เป็นอะไรที่เขาเอามาอ้างว่านี่ก็คือสมาชิกผู้ที่มีรายได้น้อย ขาดโอกาส” ศุภชัยกล่าว “นักกีฬาทีมชาติถ้านับคนได้ ของกรีฑาทุกประเภทของผู้พิการทางสายตา มันไม่ถึง 200 คนหรอกครับ ที่นับได้มันไม่มีใครได้สลากฯ ตรงนั้นมาขาย ยังไม่เห็น”

“สิ่งที่เราอยากเห็นก็คือ คนที่ถือสลากฯ 50 เล่ม โอนจ่ายเงินให้กับสมาคมทั้ง 50 เล่มหรือเปล่า หรือว่าเป็นรายชื่อแค่แอบอ้างมาเฉย ๆ ทั้ง 157 รายชื่อ มันต้องเอาตรงนั้นมาแสดง เพราะว่านี่มันเป็นการที่คุณเอาหวยไปขายเป็นก้อน แล้วเอารายชื่อเขามาสมอ้างรับหรือเปล่า เราตั้งข้อสังเกตไว้อย่างนี้” เขาระบุ

ศุภชัยเล่าว่า เขารวบรวมหลักฐานทั้งรายชื่อตัวแทน 157 คน รวมถึงรายการเดินบัญชีธนาคารของนายกสมาคมฯ ที่พบว่ามียอดเงินเข้ารายเดือนหลัก 20 ล้านบาท ไปร้องเรียนกับหลายตัวงานมาตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ถูกหน่วยงานโยนกันไปมา และไม่ได้รับความคืบหน้ากลับมา

.ติดต่อสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทยเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจนกระทั่งบทความชิ้นนี้เผยแพร่

“ตลอดระยะเวลา 2 ปี ผมไปกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ ไปผู้ตรวจการแผ่นดิน ไป ปปง. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผมว่าผมไปมาทุกหน่วยงานแล้วนะครับ กระทรวงการคลัง ป.ป.ท. อะไรพวกนี้ผมไปมาหมดแล้ว” นักกีฬากรีฑาผู้พิการทางสายตาเล่า

“ร้องไปก็คือมันก็เงียบ บางคนเขาก็บอกว่า รูปแบบแบบนี้คือมันอยู่นอกเหนืออำนาจของเขาบ้าง แล้วก็เขาต้องมอบอำนาจจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งมันทำให้เราเข้าถึงความยุติธรรมตรงนี้ยากครับผม” ศุภชัยกล่าว “อันนี้มันไม่ใช่หน่วยงานของฉัน อันนี้ไม่รับ ท่านต้องไปอีกที่หนึ่ง อะไรประมาณนี้ ซึ่งเราไม่รู้เลยว่า สรุปแล้วคือใครรับผิดชอบ”

โควตาหวยสมาคมกีฬาคนตาบอดฯ

สมาคมกีฬาคนบอดแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในองค์กรที่ ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.เขต ลาดพร้าว-บึงกุ่ม กรุงเทพมหานครพรรคประชาชน ออกมาตั้งคำถามถึงการจัดสรรผลประโยชน์จากโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ทางองค์กรได้รับ ซึ่งเขาระบุว่าได้โควตางวดละอย่างน้อย 2,647 เล่ม

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา เขาโพสต์ภาพที่มีลักษณะเหมือนกับรายการเดินบัญชีธนาคารกรุงไทยของ MR.AMคาดแถบดำ ที่แสดงยอดเงินเข้ารายการหนึ่ง 10 ล้านบาท ขณะที่ยอดเงินฝากรวมมีกว่า 200 ล้านบาท โดย ร.ท.ธนเดช ตั้งคำถามในโพสต์ดังกล่าวว่า “ที่สมาคมกีฬาคนตาบอด เขาดูแลโควตาหวยของคนตาบอดกันยังไง ทำไมผู้บริหารสมาคม เงินเข้าเดือนละ 10-20 ล้าน รวยเอา รวยเอา” อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวถูกคาดแทบดำหลายช่วง ทำให้ไม่ปรากฏวันที่ในการทำธุรธรรมดังกล่าวว่าเป็นวันที่เท่าไหร่

ก่อนที่ต่อมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นี้จะทยอยโพสต์ภาพที่มีลักษณะเหมือนเอกสารต่าง ๆ ตามมาอีกหลายชุด โดย.รวบรวมข้อสังเกตของเขาได้ดังนี้

  • กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เคยสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่าสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทยจำหน่ายสลากฯ ให้แก่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิก ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมฯ และฝ่าฝืน พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 74 ขณะที่ต่อมานายกสมาคมฯ ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่การกีฬาแห่งประเทศไทย และระบุว่าจะให้ผู้จำหน่ายสลากมาสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่ง ร.ท.ธนเดช มองว่าเป็น “วิธีแก้ปัญหาแบบย้อนแย้ง”
  • รายชื่อ “สมาชิกม้า” (คำที่ ร.ท.ธนเดช ใช้โดยหมายถึงตัวแทนที่ได้รับสลากจากสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย) ซึ่งเขาอ้างว่ามีสมาชิกที่ไม่ใช้ผู้พิการทางสายตา และมีชื่อได้รับโควตาสลากจากสมาคมฯ แต่ไม่เคยได้รับสลากฯ จริงมาขาย มีเพียงรถมารับไปเซ็นชื่อที่กองสลากในช่วงต้นเดือนและกลางเดือน โดยแลกกับค่าตอบแทนครั้งละ 500 บาท
  • มีสมาคมเกี่ยวกับผู้พิการที่ใช้ที่อยู่เดียวกัน หรือใช้เบอร์ติดต่อเดียวกันกับสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย โดยบางสมาคมมีชื่อผู้บริหารหมุนเวียนกันอยู่ในกลุ่มเดิม และนายกสมาคมหนึ่งในกลุ่มนี้เป็นผู้บริหารบริษัทจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล

.ติดต่อสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย เพื่อประสานขอสัมภาษณ์ผู้บริหารของสมาคมฯ ถึงรายละเอียดการบริหารโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลและการบริหารรายได้ที่มาจากสลากกินแบ่งรัฐบาล

เราได้รับอีเมลตอบกลับจากสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทยว่า “ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูล อีกทั้งผู้แทนสมาคมฯ ที่สามารถให้ข้อมูล ขณะนี้อยู่ในการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถให้ข้อมูลได้”

.ส่งอีเมลกลับไปอีกครั้งเพื่อขอคำชี้แจงในกรณีต่าง ๆ ที่ผู้บริหารสมาคมฯ ถูกตั้งคำถาม เรายังไม่ได้รับการตอบกลับจนกระทั่งบทความชิ้นนี้เผยแพร่

ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยกับ.เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ว่ากรณีของสมาคมกีฬาคนตาบอดฯ กองกิจการอำนวยความยุติธรรมของกรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบแล้วพบข้อเท็จจริงบางส่วนว่ามีการนำสลากฯ ไปจำหน่ายให้กับบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมจริง

เขาระบุว่ากรณีนี้ทาง DSI ได้พิจารณาข้อกฎหมายแล้วพบว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาแห่งประเทศไทยที่มีอำนาจในการสั่งปรับปรุงแก้ไข จึงส่งเรื่องไปให้การกีฬาแห่งประเทศไทยดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ พร้อมทั้งจะแจ้งผลการตรวจสอบไปให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในฐานะหน่วยงานเจ้าของสลากฯ รับทราบด้วยเพื่อแก้ไขปัญหาอีกทางหนึ่ง

ที่มาของภาพ : กรมสอบสวนคดีพิเศษ

ตัวแทนกลุ่มนักกีฬาตาบอดยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย จากข้อสงสัยเรื่องการจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อ 4 ก.ย. 2567

โควตาหวยองค์การทหารผ่านศึกฯ

นอกจากสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย ร.ท.ธนเดช ยังตั้งคำถามถึงการจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาลขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ อผศ. ซึ่งได้รับโควตาสลากฯ 10,988 เล่มต่องวด หรือ 1,098,800 ใบต่องวด แต่กลับไม่ถูกจัดสรรถึงมือของทหารผ่านศึกเลย

เขาเริ่มออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 1 ในสภาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยตั้งคำถามกรณีองค์การทหารผ่านศึกแจ้งต่อกองสลากว่ามีทหารผ่านศึกลงทะเบียนรับสลากไปจำหน่ายต่อทั้งสิ้น 203 คน แต่ในทางปฏิบัติ อผศ. กลับรวบโควตาดังกล่าวมาบริหารและจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง ซึ่ง อผศ. ได้กำไรจากส่วนนี้ปีละกว่า 200 ล้านบาท แต่กลับปันผลให้กับทหารผ่านศึกตามชั้นบัตรต่าง ๆ รวมราวปีละ 57 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเขาตั้งคำถามถึงการบริหารรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลของ อผศ. ว่ามีการจัดสรรปันส่วนให้กับทหารผ่านศึกอย่างเหมาะสมหรือไม่

5 เดือนที่ไม่ได้รับคำตอบจากองค์การทหารผ่านศึก สส.พรรคประชาชนผู้นี้ออกมาเน้นย้ำเรื่องที่เขาเคยตั้งคำถามอีกครั้ง

“องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกให้ภาคเอกชนมาบิดเหมาโควตาครับ ก็คือเขามีอยู่ 10,988 เล่มต่องวด เขาแบ่งให้กับสมาคมทหารผ่านศึกผู้พิการประมาณ 4,200 เล่ม แล้วอยู่ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกโดยสำนักงานจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งและบุหรี่อีกราว 6,700 เล่ม” ร.ท.ธนเดช บอกกับ.ถึงวิธีการจัดสรรโควตาสลากฯ ของ อผศ. เท่าที่เขารับทราบมา

“จริง ๆ โควตามันควรจะแจกจ่ายให้กับทหารผ่านศึกหรือว่ามีวิธีใดที่มันดีกว่านี้ แต่ว่าสิ่งที่เขาบริหารคือเขาให้ภาคเอกชนมาเป็นผู้ค้าร่วม ก็คือมาประมูลโควตาเหล่านี้ออกไปจำหน่าย แล้วก็เอาเงินปันผลให้กับทหารผ่านศึก ซึ่งปันผลเป็นรายปี แล้วปีละต่ำมาก ๆ ก็คือปีละ 13,700 บาทต่อปี ต่อทหารผ่านศึกบัตรชั้นหนึ่ง 1 คน” เขาระบุ

ร.ท.ธนเดช เชื่อว่า วิธีการรวบโควตาสลากฯ แล้วจำหน่ายให้กับเอกชนเช่นนี้ ขัดกับวัตถุประสงค์และหลักเกณฑ์ของกองสลากที่ระบุให้ต้องแสดงรายชื่อสมาชิกผู้พิการที่รับสลากไปจำหน่ายไม่น้อยกว่า 75% ของจำนวนสลากที่รับไปจำหน่าย ซึ่งเขายังรอคำชี้แจงจาก อผศ. อยู่

ที่มาของภาพ : พรรคประชาชน

ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภาเมื่อ 12 พ.ย. เรียกร้องให้ผู้อำนวยการกองสลากและ รมว.คลัง เร่งแก้ไขปัญหาโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล

ก่อนหน้านี้ (4 พ.ย.) เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ ได้รายงานการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.กานต์นาท นิกรยานนท์ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ ซึ่งยืนยันว่า ทางองค์การฯ ได้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกต้องตามระเบียบ และเป็นไปตามข้อตกลงกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยองค์การทหารผ่านศึกพร้อมพูดคุยตอบข้อซักถามของ ร.ท.ธนเดช หากมีการทำเรื่องประสานผ่านทางกระทรวงกลาโหมอย่างเป็นทางการ

ก่อนที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ร.ท.ธนเดช จะเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กของเขาว่าได้รับการประสานนัดหมายจากกระทรวงกลาโหมเพื่อชี้แจงเรื่องนี้แล้ว ในวันที่ 13 พ.ย. เวลา 15.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม

ภายหลังการพูดคุย เขาเปิดเผยกับ.ว่า ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ ยืนยันกับเขาว่าต้นทุนสลากฯ ของ อผศ. ที่เขาคิดคำนวณนั้นถูกต้องแล้ว ส่วนส่วนต่างกำไรที่หักจากการปันผลให้ทหารผ่านศึกแล้วนั้น อผศ. ได้นำมาใช้เป็นค่าบริหารองค์กรและเป็นค่าใช้จ่ายภายใน

. ติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ ผ่านทางอีเมลที่ระบุบนเว็บไซต์ขององค์การฯ ไปเช่นกัน แต่ไม่ได้รับการตอบกลับจนกระทั่งบทความชิ้นนี้เผยแพร่

สส. พรรคประชาชน ตั้งคำถามมีสมาคมม้าหรือไม่

ก่อนหน้านี้ ร.ท.ธนเดช ได้เผยแพร่รายชื่อของมูลนิธิ/สมาคม/องค์กรต่าง ๆ รวม 901 แห่ง ซึ่งเขาระบุว่าเป็นรายชื่อหน่วยงานซึ่งได้รับการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลในห้วง 7-8 ปีที่ผ่านมา หลังรัฐบาล คสช. ล้ม “5 เสือกองสลาก” โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่านับจากช่วงเวลานั้นก็มี สมาคม องค์กร และมูลนิธิ สาธารณกุศล เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่าบางสมาคมอาจเป็นเพียง “สมาคมม้า” ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อขอรับผลประโยชน์จากโควตาสลาก โดยไม่ได้มีภารกิจสาธารณประโยชน์ตามที่ควรจะเป็นหรือไม่

ในบรรดารายชื่อเหล่านี้ .สังเกตว่า มีองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ และสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทยรวมอยู่ด้วย โดยในบางจังหวัดมีสมาคมคนพิการอยู่หลายสมาคม ยกตัวอย่างเช่น สมุทรปราการ พบว่ามี 13 สมาคม, ปทุมธานี มี 10 สมาคม, ลำพูน มี 9 สมาคม ฯลฯ ซึ่งเรายังไม่ได้ติดต่อสมาคมต่าง ๆ ตามรายชื่อเหล่านี้ไป

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจำนวนองค์กรต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรโควตาจากที่ สส.พรรคประชาชน นำมาเปิดเผย แตกต่างจากคำชี้แจงล่าสุดของ พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อ 5 พ.ย. ที่ระบุว่าปัจจุบันได้จัดสรรโควตาให้สมาคม องค์กร มูลนิธิ รวมทั้งสิ้น 860 แห่ง

ร.ท.ธนเดช อธิบายกับ.ว่า ที่ตัวเลขของกองสลากมีจำนวนน้อยกว่า เพราะมีบางสมาคมที่ปัจจุบันถูกตัดโควตาไปบ้างแล้ว ซึ่งรายชื่อของเขาคือรายชื่อหน่วยงานที่เคยได้รับการจัดสรรโควตาโดยรวม โดยเขาไม่ขอเปิดเผยว่าได้รายชื่อเหล่านี้มาอย่างไร

.สอบถามสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อขอให้ยืนยันรายชื่อดังกล่าวเช่นกัน รวมทั้งสอบถามไปถึงเกณฑ์การจัดสรรสลากฯ ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ว่าพิจารณาอย่างไรว่าจะให้โควตาสลากฯ แต่ละหน่วยงานงวดละกี่เล่ม และมีวิธีการตรวจสอบสมาคมที่ได้รับสลากฯ ไปอย่างไรบ้าง ซึ่งเรายังไม่ได้รับคำตอบจนกระทั่งบทความชิ้นนี้เผยแพร่

อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดคำชี้แจงของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อวันที่ 5 พ.ย. นั้น ได้เน้นย้ำถึงคุณสมบัติและเงื่อนไขในการจัดสรรสลากฯ ให้กับตัวแทนจำหน่ายประเภทนิติบุคคล สอดคล้องกับที่.รายงานไปข้างต้น

“สำนักงานฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ให้กับสมาคม องค์กร มูลนิธิ ด้วยความโปร่งใส และเป็นแนวปฏิบัติเดียวกันโดยเคร่งครัด ซึ่งตัวแทนนิติบุคคลแต่ละแห่งต้องนำไปจัดสรรกับสมาชิกด้วยความเป็นธรรมตามวัตถุประสงค์ โดยสำนักงานฯ ยินดีให้เข้ามาตรวจสอบการจัดสรรโควตาสลาก ตลอดจนสามารถร้องเรียนประเด็นการจัดสรรสลาก เพื่อให้สำนักงานฯ เข้าไปตรวจสอบตัวแทนเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศของสำนักงานฯ” พ.ท.หนุน ระบุ

ด้าน ร.ท.ธนเดช มองว่าคำชี้แจงนี้ คือการ “ลอยตัวเหนือปัญหา” โดยเขาเปิดเผยว่าเขากำลังทำเรื่องเพื่อขอพบกองสลากเพื่อสอบถามเรื่องการจัดสรรโควตาสลากฯ เช่นกัน

“เรื่องนี้กองสลากลอยตัวเหนือปัญหาเกินไป” สส.ฝ่ายค้านผู้นี้ระบุ เขามองว่าด้วยอำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่ กองสลากสามารถตรวจสอบและเพิกถอนสิทธิ์องค์กรที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการรับจัดสรรโควตาสลากฯ ได้ทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้มีใครไปร้องเรียน “คือมาถึงวันนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่กองสลากจะไม่รู้ปัญหา คุณไม่จำเป็นต้องรอให้ใครไปร้องครับ คุณตรวจสอบได้เลย”

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงข่าวผลการพิจารณาปัญหาการจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่ผู้พิการทางสายตา ภายหลังได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจง โดยพบการจัดสรรสลากให้กับผู้พิการของบางสมาคมไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกำหนด คณะกรรมาธิการฯ จึงมีมติให้ตรวจสอบสัญญาการจำหน่ายสลากของสมาคมที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพิ่มเติม พร้อมจะเชิญผู้แทนสมาคมและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงเพิ่มเติม

ที่มาของภาพ : Getty Images

ด้านนักกีฬากรีฑาผู้พิการทางสายตา คาดหวังว่ากระแสข่าวในช่วงนี้จะทำให้เรื่องที่เขาผลักดันมาสองปีเป็นผลสำเร็จได้ และโควตาหวยไปถึงมือผู้พิการจริง ๆ มากขึ้น

“ท่านจะเห็นได้เลยว่า เดี๋ยวนี้มันจะมีกลุ่มผู้พิการหลาย ๆ คนที่ประกอบอาชีพเช่น การร้องเพลง หรือว่าการขายของที่ระลึกอะไรต่าง ๆ บางคนก็คือเป็นนักกีฬาทีมชาติ” ศุภชัยบอกกับ.

“ทำไมนักกีฬาทีมชาติ คนพิการไทย คนพิการทางสายตามาเรียกร้องเรื่องโควตาสลาก คุณต้องเข้าใจก่อนว่ากีฬาทีมชาติคนปกติกับทีมชาติคนพิการมันไม่เหมือนกันนะครับ” เขาระบุ “คนปกติจบจากการแข่งขันแล้ว มีการรับราชการทหาร ตำรวจ นู่นนี่นั่น มันมีอาชีพ มีทางเลือกเยอะ แต่อาชีพของคนพิการ เวลาจบจากกีฬาแล้วมันไม่มี ทางเลือกมันไม่มี สิ่งที่เป็นที่พึ่งเดียวได้ก็คือการค้าขายสลาก ในเมื่อคุณได้มาแล้ว เขาก็หวังว่าอันนี้ก็คือเป็นที่พึ่งของเขาในการที่จะเอามาเลี้ยงปากท้อง”

ศุภชัยเล่าว่า รายได้ของนักกีฬาทีมชาติผู้พิการเช่นเดียวกับเขา มีอยู่แค่ 2 ส่วน คือเบี้ยเลี้ยงที่ได้รับช่วงเก็บตัว 3-6 เดือนก่อนแข่ง ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทยจัดสรรให้กับสมาคมฯ วันละ 900 บาทต่อคน แต่ต้องหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าอาหาร-ที่พักด้วย เหลือที่เขาได้รับเป็นเงินวันละ 300 บาท นอกจากนี้จะได้ต่อเมื่อแข่งชนะและได้เงินอัดฉีด ซึ่งเป็นส่วนที่นักกีฬาแบกรับความเสี่ยง

“ถ้าเราไม่มีรายได้เราก็ต้องเก็บวันละ 300 นั่นแหละ เก็บไว้” ศุภชัยกล่าว “คุณภาพชีวิตมันต่ำ เราไม่ได้ดูถูกอาชีพ แต่ว่ามันทำให้… ดูแล้วมันน่าจะมีอะไรที่มันดีกว่านี้”

“ท่านที่รับผลประโยชน์ตรงนั้น เหมือนสลากฯ ท่านก็ยังรับอยู่เหมือนเดิม จบแมตช์ท่านก็ยังค้าขายสลากได้ ท่านได้ผลประโยชน์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิมครับ แต่พวกผมที่แบกความเสี่ยงแล้วก็เป็นฟันเฟืองอยู่ข้างล่าง ผมไม่ได้อะไรเลย” เขากล่าวทิ้งท้าย