ปลัด อบต.โคกม่วง แจงรถตัดหญ้า1.3 ล.ใช้งานได้จริง-เอาร้านแฟนรับซื้อขยะเพื่อช่วยโครงการ

ปลัด อบต.โคกม่วง อยุธยา แจงจัดซื้อรถตัดหญ้า 1.3 ล. เป็นไปตามระเบียบ เผยมีอุทธรณ์ แต่กรมบัญชีกลางชี้ขาดแล้วถูกต้อง ส่วนโครงการธนาคารขยะ ยอมรับดึงธุรกิจครอบครัวเข้ามาจริง แต่ทำไปเพื่อการันตีตลาด ไม่ได้หวังฟันกำไร

สำนักข่าวอิศรา . ได้รับการร้องเรียนให้ตรวจสอบการดำเนินงานของ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกม่วง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใน 3 ประเด็นหลักที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใส เช่น การจัดซื้อครุภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ การเอื้อประโยชน์ให้เครือญาติในการประมูลงานก่อสร้างถนน และผลประโยชน์ทับซ้อนในโครงการธนาคารขยะ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ติดต่อไปยัง นายโฆษิต ช่วยภักดี ปลัด อบต. ดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

นายโฆษิต

ในช่วงแรกมีความต้องการรถยี่ห้อคูโบต้า เพราะมีชื่อเสียงและคุณภาพ แต่เมื่อเปิดประมูล บริษัทอัลฟ่าชนะด้วยราคาที่ต่ำกว่า จึงต้องดำเนินการตามระเบียบ โดยที่ผ่านมามีผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการจัดซื้อ แต่คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา และคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างฯ (กรมบัญชีกลาง) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคำอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น และยืนยันว่าการจัดซื้อของ อบต. ถูกต้อง

ส่วนประเด็นเรื่องคุณภาพและการซ่อมบำรุงนั้น นายโฆษิต ชี้แจงว่า รถถูกใช้งานมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2567 การส่งซ่อมล่าสุดเป็นการซ่อมบำรุงตามรอบปกติ ไม่ใช่การชำรุดเสียหายจนใช้งานไม่ได้ และปัจจุบันได้นำกลับมาใช้งานที่สำนักงานตามปกติแล้ว

ส่วนเรื่องการล็อกสเปกหรือฮั้วประมูลงานก่อสร้างถนน โดยให้บริษัทเครือญาติผู้บริหารเข้ามารับงาน นายโฆษิต กล่าวว่า ทุกโครงการใช้วิธี e-bidding มีการแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย

นายโฆษิต กล่าวถึงกรณีที่ผู้รับเหมาอาจเป็นญาติกับผู้บริหารท้องถิ่นนั้น ว่า เป็นเรื่องปกติในสังคมต่างจังหวัดที่คนอาจรู้จักกัน แต่บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ร้บงานเฉพาะที่ อบต. แห่งนี้ที่เดียว แต่ยังตระเวนประมูลงานในพื้นที่อื่น ๆ เช่น สระบุรี หรือ หนองปลิง ด้วย

“ผมอยากให้สื่อมวลชนเข้ามาดูเอกสารสัญญาจ้างที่ อบต. ได้เลย เพื่อดูว่ามีบริษัทไหนเข้ามาแข่งบ้าง และใครเป็นผู้ชนะ ทุกอย่างตรวจสอบได้ตามเอกสาร” นายโฆษิต กล่าว

ส่วนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในโครงการธนาคารขยะ มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเครือญาติเข้ามารับซื้อและกำหนดราคาเองนั้น นายโฆษิต กล่าวยอมรับว่า ร้านที่เข้ามารับซื้อขยะรีไซเคิลจากธนาคารขยะของชุมชน คือ ‘ร้านของแฟนตนเอง' ซึ่งเป็นร้านในเครือวงษ์พาณิชย์ สาขาภาชี

อย่างไรก็ตาม นายโฆษิต ชี้แจงถึงเหตุผลว่า การนำร้านของครอบครัวเข้ามาทำในช่วงแรก (ดำเนินการมาประมาณ 1 ปีเศษ) เพื่อต้องการวางระบบและช่วยประคองโครงการให้เดินหน้าไปได้ เนื่องจากปริมาณขยะใน 12 หมู่บ้าน มีมูลค่าการซื้อขายรวมเพียงเดือนละประมาณ 30,000 บาท ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับผู้ประกอบการรายอื่น การให้ร้านของแฟนเข้ามาช่วยรับซื้อจึงเป็นการการันตีว่าขยะจะมีที่ระบายแน่นอน

“ผมแจ้งในที่ประชุมตลอดว่า ในช่วงแรกขอให้ร้านนี้ช่วยดูก่อน แต่ถ้าโครงการเดินได้แล้ว หากใครมีร้านอื่นแนะนำ หรือให้ราคาดีกว่า ก็พร้อมถอยให้ทันที ไม่ได้ผูกขาด หรือยึดติดว่าต้องเป็นร้านนี้” นายโฆษิต ระบุ

นายโฆษิต ยืนยันว่า โครงการนี้มีความโปร่งใส ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 7 กองทุนต้นแบบของจังหวัดที่ได้รับงบสนับสนุนจาก พอช. และมีการทำบัญชีรายงานรายรับ-รายจ่ายให้ชุมชนทราบทุกเดือน