
ปปง.เปิดปฎิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติในกัมพูชา อายัดทรัพย์ 289 รายการ มูลค่าหมื่นล้าน มีแกนนำรายใหญ่ ‘เฉิน จื้อ-ก๊ก อาน’ ร่วมกันก่อเหตุฉ้อโกงประชาชนรูปแบบไฮบริดเสียหายมหาศาล ขณะที่ CIB เตรียมขอศาลออกหมายจับบุคคลกลุ่มนี้ ประมาณ 40 คน มีชื่อ ‘ยิมเลียก-เบนสมิธ' รวมอยู่ด้วย
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่าเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณี ปปง.ดำเนินการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์และฟอกเงินข้ามชาติ ที่มีฐานปฏิบัติการใหญ่อยู่ในราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมทั้งสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวนกว่า 289 รายการ รวมเป็นมูลค่าประมาณ 10,165 ล้านบาท โดยมีผู้ถูกอายัดทรัพย์สินได้แก่
1. นายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) กับพวก สำนักงาน ปปง. ได้ตรวจสอบพบข้อมูล
เครือข่ายการฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล โดยมีฐานใหญ่อยู่ในกัมพูชา เชื่อมโยง นายเฉิน จื้อ กับพวก เป็นผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Maintaining Community (Prince Community) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติในประเทศกัมพูชา กลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมในแต่ละคดี มีความเกี่ยวข้องกันและใช้วิธีการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิดโดยเปลี่ยนสภาพระหว่างเงินตราในแต่ละประเทศกับสินทรัพย์ดิจิทัล และตรวจสอบพบบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในคดีนี้ และมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงกันไปสู่บุคคลที่อยู่ในเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นขบวนการลวงลวงในลักษณะ ไฮบริดสแกม ใช้การลวงลวงในหลายรูปแบบ หลายขั้นตอน เพื่อลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร
ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 102 รายการ (เช่น ที่ดิน เงินสด สินค้าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ) รวมมูลค่าประมาณ 373 ล้านบาท
2. นายก๊ก อาน (MR.KOK AN) กับพวก สืบเนื่องจากกรณีการจับกุมผู้กระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน ราย น.ส.ปาริฉัตต์ แซ่เอี๊ยว กับพวก กรณี น.ส.ชาล็อต ออสติน (ผู้เสียหาย) ได้ถูกคนร้ายลวงลวงได้รับความเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลพบความเชื่อมโยงกลุ่มผู้กระทำความผิดในลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายใหญ่ ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการในราชอาณาจักรกัมพูชา เช่น อาคาร 25 ชั้น อาคาร18 ชั้น อาคาร Hiso และอาคาร Crown Casino มีขบวนการให้เจ้าของบัญชีม้าสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันการทำธุรกรรม โดยมีนายก๊ก อาน สัญชาติกัมพูชา เป็นเจ้าของสถานที่
พบข้อมูลเครือข่ายการฉ้อโกงประชาชนที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีการรับโอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร และเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมาซื้อทรัพย์สิน ใช้ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจำนวนมากในประเทศไทย ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 90 รายการ (เช่น ที่ดิน และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 467 ล้านบาท
3. นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ได้ลวงลวงผู้เสียหายว่าพบข้อมูลการส่งสินค้าซึ่งมีสิ่งของผิดกฎหมายจากจังหวัดเชียงรายไปที่ประเทศจีน และผู้เสียหายมียอดเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเกี่ยวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมายต้องถูกตรวจสอบบัญชีธนาคาร จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบข้อมูลว่า นางสาวแตงไทยฯ ได้รับมอบอำนาจให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของ นายยิม เลียก หรือ MR. LEAK YIM ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดทายาทเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่ลวงลวงผู้เสียหายเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดมูลฐาน พบข้อมูลการทำธุรกรรมนางสาวแตงไทยฯ เชื่อมโยงไปยังบุคคลและนิติบุคลจำนวนมาก รวมทั้งมีข้อมูลการโอนเงินไปยัง นายเบน สมิธ หรือ MR. SMITH BEN ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน มีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสมือนว่ามีการดำเนินธุรกิจ และใช้บริษัทในการถือครองทรัพย์สินแทนตนเอง และบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินและการถือครองทรัพย์สินในลักษณะที่มีความซับซ้อนสูง
ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 66 รายการ (เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท
4. นายเอื้ออังกูร สันติรักษ์โยธิน กับพวก กรณี กลุ่มมิจฉาชีพชักชวนให้ประชาชนลงทุนเทรดหุ้น ผ่านกลุ่มไลน์ชื่อ กลยุทธ์การลงทุน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สอนการลงทุน ให้ข้อมูลผลกำไร เป็นลักษณะการจูงใจเพื่อให้ร่วมลงทุนจนหลงเชื่อจึงตัดสินใจเข้าลงทุนด้วยผ่านแอปพลิเคชัน ULELA Max จากการสืบสวนขยายผล จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีการนำเงินที่ได้จากการลวงลงทุนมีการนำไปเปลี่ยนแปลงเป็นเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (USDT) จากนั้นได้มีการโอนเหรียญไปยังกระเป๋าดิจิทัล เชื่อโยงไปยังเครือข่ายของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ กลุ่มบริษัทสัญชาติกัมพูชา คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 31 รายการ (เงินสด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 46 ล้านบาท

นายยิม เลียก และนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 3 ธันวาคม 2568 กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) จะมีการขอศาลออกหมายจับบุคคลกลุ่มนี้ประมาณ 40 คน มี นายยิม เลียก และนายเบน สมิธ รวมอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้บุคคลทั้งสองไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว












