
‘ฮิวแมนต์ไรท์วอทช์’ ออกแถลงการณ์ชี้ไทยส่งตัวนักเคลื่อนไหวเวียดนามกลับ ปท.เป็นการละเมิดพันธกรณีสิทธิรุนแรง ชี้เวียดนามส่งตำรวจมาข่มเหงชนกลุ่มน้อยลี้ภัยในไทย และตำรวจไทยก็ให้ความร่วมมือ วอนนานาชาติเร่งดำเนินการพากลุ่มเสี่ยงออกจากไทยไปประเทศปลอดภัย
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่าเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. องค์กรฮิวแมนต์ไรท์วอทช์ (Human Rights Scrutinize )หรือ HRW ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ไทยได้ส่งตัวนายวาย ควิญ บดาป (Y Quynh Bdap) นักกิจกรรมสิทธิมนุษยชนชาวมอนตาญาร์ (Montagnard) กลับประเทศเวียดนาม โดยบังคับให้เขากลับด้วยความเสี่ยงว่าจะถูกทรมานและถูกละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง
นายบดาป อายุ 33 ปี ถูกส่งตัวกลับเวียดนามเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2568 หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ของไทยในปี 2567 มีคำพิพากษายืนยันว่าเขาสามารถถูกส่งตัวกลับได้ ก่อนหน้านั้นตำรวจกองตรวจคนเข้าเมืองของไทยจับกุมเขาที่กรุงเทพฯ ในปี 2567โดยมีคำร้องขอจากทางการเวียดนามเพื่อส่งตัวกลับ
นายบดาป อาศัยอยู่ในไทยตั้งแต่ปี 2561 และได้รับการขึ้นทะเบียนผู้ลี้ภัยโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) การส่งตัวเขากลับจึงขัดต่อหลักการไม่ควรส่งกลับ (nonrefoulement) ซึ่งห้ามส่งคนกลับประเทศที่มีความเสี่ยงจะถูกประหารชีวิต ถูกทรมาน หรือถูกข่มเหง
“รัฐบาลไทยได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการทรมาน และพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเปิดเผย ด้วยการส่งตัว Y Quynh Bdap กลับเวียดนาม ซึ่งเขาต้องเผชิญโทษจำคุกหลังการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรม และความเสี่ยงต่อการถูกทรมาน” นางเอเลย เพียร์สัน (Elaine Pearson) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนต์ไรท์วอทช์กล่าว และกล่าวอีกว่า “ความเต็มใจของรัฐบาลไทยในการช่วยเวียดนามปราบปรามนักกิจกรรมสิทธิมนุษยชนถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ”
รัฐบาลเวียดนามได้ข่มเหง นายบดาป มาเป็นเวลานาน โดยสื่อของรัฐเวียดนามกล่าวหาว่าเขามาจากครอบครัวที่มี “ประวัติ” ต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และกล่าวหาว่าปู่ของเขาเป็น “มือปืนรับจ้าง” ให้กับสหรัฐในช่วงสงครามเวียดนาม ส่วนพ่อของเขาถูกจำคุก 3 ปีฐาน “ยุยงให้เกิดการประท้วงสาธารณะ”
ในปี 2559 นายบดาป เดินทางไปประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับเสรีภาพทางศาสนา แต่เมื่อกลับเวียดนาม เขาถูกตำรวจควบคุมตัว 7 วันและสอบสวนเกี่ยวกับการเดินทาง จากนั้นเขาถูกติดตามและถูกลอบสอดแนมอย่างเข้มงวด จึงหนีไปยังกรุงเทพฯ ในปี 2561
ในไทย นายบดาป ได้ก่อตั้งกลุ่ม Montagnards Stand for Justice หรือกลุ่มมอนตาญาร์เพื่อความยุติธรรมเพื่อปกป้องและส่งเสริมสิทธิในเสรีภาพทางศาสนาและสิทธิอื่นๆ ของชาวมอนตาญาร์ ในพื้นที่เทือกเขากลางของเวียดนาม ชนกลุ่มน้อยมอนตาญาร์เผชิญกับการถูกข่มเหงทางการเมือง การบังคับเลิกความเชื่อทางศาสนา การปิดโบสถ์คริสเตียนที่จัดขึ้นในบ้าน และการถูกสอดแนมอย่างต่อเนื่องจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเวียดนาม
ในเดือนมิถุนายน 2566 หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงในจังหวัดตั๊กลัก รัฐบาลเวียดนามได้ดำเนินคดีกับชาว มอนตาญาร์หลายสิบคน รวมถึงคนอื่นๆที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดย นายบดาป ถูกตั้งข้อหาในกระบวนการพิจารณาคดีแบบกลุ่มในเดือนมกราคม 2567 ในศาลเคลื่อนที่ที่มีผู้ต้องหาประมาณ 100 คน ซึ่ง นายบดาป ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวล 10 ปีโดยไม่มีตัวเขาอยู่ในห้องพิจารณาคดี (จำเลยขาด)
ในเดือนมีนาคม 2567 รัฐบาลเวียดนามดำเนินการโดยไม่เสนอหลักฐานชัดเจนได้กล่าวหากลุ่ม Montagnards Stand for Justice และ Montagnard Give a boost to Community ว่าเป็น “องค์กรก่อการร้าย” ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในตั๊กลัก และกิจกรรมอาชญากรรมต่อต้านรัฐ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามได้เดินทางมายังประเทศไทย และสอบถามชาวมอนตาญาร์จำนวนมากในสองชุมชนใกล้กรุงเทพฯ โดยมีการข่มขู่และเรียกร้องให้พวกเขากลับประเทศเวียดนาม มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีอาญาและถูกส่งตัวกลับเวียดนาม
ตำรวจไทยจับกุม นายบดาป ในเดือนมิถุนายน 2567 ตามคำร้องขอส่งตัวของเวียดนาม โดยในระหว่างการพิจารณาคดีส่งตัวและอุทธรณ์เขาถูกขังอยู่ในเรือนจำจนถึงวันที่ถูกส่งตัวกลับเวียดนามในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568
รายงานของฮิวแมนต์ไรท์วอทช์ ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ระบุว่า รัฐบาลเวียดนามได้เพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามข้ามชาติในประเทศไทย โดยเฉพาะชาวชนกลุ่มน้อยผู้ลี้ภัย และเจ้าหน้าที่ไทยได้มีส่วนในการกระทำละเมิดเหล่านี้ด้วยการร่วมมือกับตำรวจเวียดนาม และอนุญาตให้ตำรวจเวียดนามสอบสวนผู้ลี้ภัยในไทย นักกฎหมายด้านการเข้าเมืองและผู้ลี้ภัยเชื่อว่ารัฐบาลเวียดนามกดดันไทยให้กักขังผู้ลี้ภัยอย่างไม่มีกำหนดเพื่อบังคับให้พวกเขาร่วมมือกับตำรวจเวียดนาม
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้วิจารณ์การใช้ข้อหาก่อการร้ายในการพิจารณาคดีแบบกลุ่มของชาวมอนตาญาร์s ในปี 2566 และการใช้พยานหลักฐานจากการทรมาน โดยกล่าวว่า การโจมตี นายบดาป ในฐานะสมาชิกของ Montagnards Stand for Justice เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกปฏิบัติและการปราบปรามที่ทวีความรุนแรงต่อชาวชาวมอนตาญาร์ นอกจากนี้ ฮิวแมนต์ไรท์วอทช์ ไม่มีข้อมูลว่า นายบดาป มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุความรุนแรงในตั๊กลักหรือไม่ แต่พิจารณาว่าการพิจารณาคดีของเขาในเวียดนามเป็นการพิจารณาที่ไม่เป็นธรรมและกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาหลังถูกส่งตัวกลับประเทศ
จนถึงวันนี้ ทางการเวียดนามยังไม่ได้ยืนยันชัดเจนว่ากักขัง นายบดาป หรือไม่
นอกจากนี้ฮิวแมนต์ไรท์วอทช์ เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกดดันเวียดนามให้เปิดเผยสถานะและยอมให้เข้าถึงตัว นายบดาป เนื่องจากความเสี่ยงที่จะถูกทรมาน และเน้นว่าการส่งตัว นายบดาป กลับเวียดนามของไทยขัดต่อกฎหมายป้องกันการทรมานและการบังคับให้สูญหายของตนเอง รวมถึงพันธกรณีด้านหลักการไม่ส่งกลับ (nonrefoulement) ภายใต้กติการะหว่างประเทศที่ไทยเป็นสมาชิกด้วย
นางเพียร์สัน กล่าวว่า กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยไม่เต็มใจที่จะเคารพกฎหมายระหว่างประเทศและปกป้องนักกิจกรรมสิทธิมนุษยชนจากต่างประเทศที่อยู่อาศัยในไทย และแนะนำให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือคนที่เสี่ยงในไทยไปยังประเทศที่ปลอดภัย













