
“มันคือความทุกข์ทรมานล้วน ๆ ไม่มีอะไรอื่นเลย” เสียงชาวกาซาต้องดิ้นรนถึงขั้นเอาธนบัตรชำรุดมาซ่อมแซม เพื่อซื้อของประทังชีวิต

- Writer, โยลานด์ เนลล์
- Feature, ผู้สื่อข่าวภูมิภาคตะวันออกกลาง
- Writer, มาลัก ฮัสซูเนห์
- Feature,
- Reporting from รายงานจากนครเยรูซาเลม
ในตลาดที่คึกคักของเมืองกาซาซิตี ช่างซ่อมเงินกำลังตรวจสอบธนบัตรสีเหลืองมูลค่า 100 เชเกล (ประมาณ 970 บาท) ที่ชำรุดอย่างเชี่ยวชาญ เขาค่อย ๆ ดัดให้เรียบ และเติมสีที่ซีดจางด้วยดินสออย่างระมัดระวัง
บารา อาบู อัล-เอาน์ ควรจะกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้เขากลับต้องหาเลี้ยงชีพที่โต๊ะเล็ก ๆ ที่ตั้งริมถนน แลกกับเงินจำนวนเล็กน้อย ด้วยการช่วยให้เงินสดสามารถใช้หมุนเวียนต่อไปได้
การซ่อมธนบัตรกลายเป็นธุรกิจใหม่ที่กำลังเฟื่องฟูในกาซา
นับตั้งแต่เกิดการโจมตีอิสราเอลซึ่งนำโดยกลุ่มฮามาสเมื่อปี 2023 อันนำมาสู่การเสียชีวิตของผู้คน ทำให้เกิดสงครามที่รุนแรงตามมา และอิสราเอลได้หยุดการส่งธนบัตรพร้อมกับปัจจัยสิ่งของส่วนใหญ่
ธนาคารส่วนใหญ่ถูกทำลายจากการโจมตีของอิสราเอล และธนาคารหลายแห่งถูกปล้นสะดม แม้ว่าบางสาขาจะกลับมาเปิดอีกครั้งหลังจากมีการหยุดยิvเมื่อ 7 สัปดาห์ก่อน แต่ตู้เอทีเอ็มก็ยังคงไม่สามารถใช้งานได้
ทว่าผู้คนยังต้องใช้เงินสดเพื่อซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็น ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงต้องหันไปพึ่งพาพ่อค้าเงินตรานอกระบบ ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมสูงมากในการแปลงเงินโอนดิจิทัลเป็นเงินสด นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์และแอปพลิเคชันโอนเงินเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
นั่นหมายความว่าธนบัตรทุกใบที่ยังมีอยู่ย่อมมีความสำคัญมากกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเก่าหรือขาดแค่ไหน ตรงนี้เองที่บาราเข้ามามีช่วย
เขากล่าวว่า “เครื่องมือของผมเรียบง่าย ได้แก่ ไม้บรรทัด ดินสอ ดินสอสี และกาว”
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุดEnd of ได้รับความนิยมสูงสุด
“การหยุดยิvไม่ได้ทำให้สถานการณ์ทางการเงินเปลี่ยนไป สิ่งที่ผมทำตอนนี้คือการรับใช้ผู้คนและช่วยเหลือพวกเขา”

เศรษฐกิจของฉนวนกาซาล่มสลายอย่างรุนแรงตลอด 2 ปีของสงครามอันหนักหน่วง จนรายงานฉบับใหม่ของสหประชาชาติระบุว่าประชากรทั้งหมดกว่า 2 ล้านคน ถูกผลักเข้าสู่ความยากจน
ตอนนี้ผู้คน 4 ใน 5 คน กำลังตกงาน จากข้อมูลของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (Ubctad) และแม้แต่ผู้ที่ยังมีรายได้หรือเงินออมก็ยังลำบากในการเข้าถึงเงินสด
“มันคือความทุกข์ทรมานล้วนๆ ไม่มีอะไรอื่นเลย” นูมัน เรย์ฮาน ผู้ต้องอพยพมาอยู่ในเมืองกาซาซิตีจากเมืองจาบาเลียทางตอนเหนือของฉนวนกาซา พร้อมข้าวของเพียงเล็กน้อย กล่าว และเสริมว่า “ขาดรายได้ ขาดเงิน ไม่มีเงินสดจากธนาคาร”
ในช่วงต้นสงคราม การโจมตีของอิสราเอลมุ่งเป้าไปที่ธนาคาร โดยเจ้าหน้าที่อิสราเอลกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับฮามาส
ห้องนิรภัยของธนาคารถูกปล้นโดยกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ซึ่งบางกลุ่มคาดว่าเป็นฮามาส ทั้งนี้หน่วยงานการเงินปาเลสไตน์ (Palestine Monetary Authority – PMA) เคยระบุว่า มีเงินสดมูลค่าประมาณ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,760 ล้านบาท) ถูกขโมยไป
โคแกต (Cogat) ซึ่งเป็นหน่วยงานป้องกันประเทศของอิสราเอลที่ควบคุมจุดผ่านแดนของกาซา ยืนยันว่าทำตามคำสั่งทางการเมือง “และเนื่องจากฮามาสพึ่งพาเงินสดเพื่อรักษากิจกรรมทางทหาร” อิสราเอลจึงไม่อนุญาตให้เงินสดเข้าสู่พื้นที่กาซา

ที่มาของภาพ : Anadolu by process of Getty Photography
ซาคาเรีย อาจูร์ ซึ่งเป็นเจ้าของแผงขายของในอีกตลาดหนึ่งของเมืองกาซาซิตี บอกว่าการขาดเงินสดหมุนเวียน “สร้างปัญหาทั้งกับผู้ขายและผู้ซื้อ” เนื่องจากผู้คนไม่อยากรับธนบัตรที่เก่าและเปราะบางอีกต่อไป เพราะเสี่ยงเสียมูลค่า “แม้จะแค่มีรอยขีดเล็ก ๆ หรือมีเทปติดอยู่บนธนบัตร”
“ลูกค้าบางคนมาหาผมเพียงเพราะต้องการแตกเงินย่อยสำหรับค่าเดินทาง แต่ผมไม่มีเงินทอน”
“เหรียญ 10 เชเกลแทบจะหาไม่ได้ และแม้จะมี ก็แทบไม่มีค่าเพราะเงินเฟ้อจากวิกฤตเงินสด” เขาบอก
ตอนนี้มีแถวยาวหน้าธนาคารแห่งปาเลสไตน์ในเมืองกาซาซิตี ซึ่งเป็น 1 ใน 9 สาขาของห้าธนาคารที่กลับมาเปิดทำการ
ลูกค้าสามารถทำได้เพียงเปิดใช้งานบัญชีที่ถูกระงับ เปิดบัญชีใหม่ หรือสมัครใช้แอปฯ ของธนาคารเท่านั้น
อัสมา อัล-ลาดา ต้องการเปิดบัญชีเพื่อรับเงินโดยตรงจากญาติที่อยู่ต่างประเทศ เธอบอกว่า “กระบวนการทั้งหมดคือความวุ่นวายและผู้คนแน่นขนัด”
“เราตื่นตั้งแต่ 06.00 น. และทิ้งลูก ๆ ไว้ในเต็นท์ เราทิ้งทุกอย่างเพียงเพื่อมาที่ธนาคาร”

ที่มาของภาพ : NurPhoto by process of Getty Photography
ในเมืองข่าน ยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งธนาคารได้รับความเสียหายหนักเกินกว่าจะกลับมาเปิด อาบู คาลิลเพิ่งกลับจากการเดินทางไปฉนวนกาซาตอนกลาง หลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันต่อสำหรับการเข้าคิว เขาก็ไม่สามารถเข้าไปในธนาคารที่นั่นได้ และรู้สึกสิ้นหวังกับการต้องกลับไปเข้าแถวรออีกครั้ง
ชายสูงวัยคนนี้ได้รับเงินเดือนประมาณ 2,000 เชเกลต่อเดือน (ราว 19,600 บาท) จากองค์การบริหารปาเลสไตน์ แต่เขาบอกว่าเกือบครึ่งของรายได้ต้องจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมให้กับผู้ขายหรือพ่อค้าเงิน
“คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียม มันไม่มีทางเลือกอื่น” เขาบ่น
ในช่วงที่เกิดสงคราม นักธุรกิจรายย่อยจำนวนมากที่เคยให้บริการโอนเงินและแลกเปลี่ยนเงินเริ่มคิดค่านายหน้าหรือค่าคอมมิชชันสูงขึ้น สำหรับการแปลงเงินโอนอิเล็กทรอนิกส์เป็นเงินสด บางครั้งสูงถึง 50% แม้ว่าล่าสุดจะลดลง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเงินสดอย่างเร่งด่วน
พ่อค้าเงินรายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อบอกเราว่า อัตราค่าคอมมิชชันถูกกำหนดโดยกลไกตลาด
“งานของเราผูกติดกับกิจกรรมทางการตลาดและการนำเข้าสินค้าและความช่วยเหลือ” เขากล่าว
“เมื่อมีสินค้าหรือความช่วยเหลือเข้ามา และมีการซื้อขายคึกคัก ค่าคอมมิชชันจะลดลงอย่างมาก บางครั้งต่ำถึง 20% แต่เมื่อจุดผ่านแดนปิด อัตราก็จะสูงขึ้น”

ที่มาของภาพ : Anadolu by process of Getty Photography
การโอนเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร ซึ่งเจ้าของร้านและแผงขายของคิดค่าธรรมเนียมเล็กน้อย กลายเป็นทางออกยอดนิยมสำหรับชาวกาซาในการซื้อสินค้า แม้แต่ของชิ้นเล็ก ๆ
หน่วยงานการเงินปาเลสไตน์ (PMA) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลได้เปิดตัวระบบชำระเงินที่อนุญาตให้ทำธุรกรรมระหว่างบัญชีธนาคารท้องถิ่นได้ทันที สำหรับผู้ที่ไม่มีบัญชี โดยทางธนาคารปาเลสไตน์เสนอให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และระบุว่าตอนนี้มีผู้ใช้มากกว่า 500,000 คนในกาซา
ธุรกรรมเหล่านี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตหรือแอปพลิเคชัน โดยใช้เพียงบริการส่งข้อความบนโทรศัพท์มือถือทั่วไป
หน่วยงานด้านมนุษยธรรม รวมถึงยูนิเซฟ และโครงการอาหารโลก ใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งความช่วยเหลือทางการเงินโดยตรงไปยังครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือ
ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ทางยูนิเซฟระบุว่าสามารถโอนเงินสดให้กับประชาชนประมาณ 1 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก และให้ความสำคัญกับเด็กที่เปราะบาง รวมถึงเด็กที่ถูกตัดแขนขา เด็กกำพร้า และแม่ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
“โดยพื้นฐานแล้ว คุณสามารถไปที่ร้านขายของชำและใช้โทรศัพท์เป็นบัตรชำระเงิน คุณสามารถซื้อของด้วยโทรศัพท์ได้” โจนาธาน คริกซ์ จากยูนิเซฟอธิบาย
“สิ่งนี้ช่วยให้ติดตามได้อย่างละเอียดว่ามีการใช้เงินอย่างไร จากสิ่งที่เราสังเกต 99% ของผู้รับผลประโยชน์ใช้ซื้ออาหารและน้ำเป็นอันดับแรก อันดับสองคือของใช้เพื่อสุขอนามัย เช่น สบู่ และอันดับสามคือไฟฟ้าผ่านเครื่องปั่นไฟ”
คริกซ์กล่าวว่าเคยเห็นครอบครัวหนึ่งต้องซื้อมะเขือเทศ 2 กิโลกรัมในราคาเกือบ 80 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,560 บาท) และหอมหัวใหญ่ 5 กิโลกรัมในราคา 70 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,240 บาท)
ฮานัน อาบู จาเฮล ซึ่งอพยพจากกาซาซิตีและอาศัยอยู่ในค่ายที่อัล-ซาไวเดห์ในกาซาตอนกลางกับครอบครัวใหญ่ เพิ่งได้รับเงิน 1,200 เชเกล (ราว 11,800 บาท) จากยูนิเซฟ เธอใช้มันซื้อของพื้นฐาน เช่น ข้าว ถั่วเลนทิล และพาสต้า
แต่เธอกล่าวว่า “ลูกๆ ของฉันต้องการผัก ผลไม้ เนื้อ และไข่ ลูกชายคนเล็กอยากกินไข่มาก แต่ฉันไม่สามารถซื้อได้เพราะราคายังสูง และฉันต้องดูแลความต้องการของคน 12 คน”
แผนสันติภาพ 20 ข้อของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา สัญญาว่าจะมี “แผนพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นกาซา” โดยจัดตั้ง “คณะผู้เชี่ยวชาญที่เคยมีส่วนสร้างเมืองมหัศจรรย์สมัยใหม่ที่รุ่งเรืองในตะวันออกกลาง”
แผนดังกล่าวมองเห็นการลงทุนใหม่และ “แนวคิดการพัฒนาที่น่าตื่นเต้น” ที่สามารถ “สร้างงาน โอกาส และความหวังสำหรับอนาคตกาซา” แต่ไม่มีรายละเอียดว่าจะเริ่มสร้างการเติบโตและความมั่นคงอย่างไร
ในขณะที่หน่วยงานการค้าของสหประชาชาติเตือนว่ากาซากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้

ที่มาของภาพ : Anadolu by process of Getty Photography
กลับมาที่เมืองกาซาซิตี บารา อาบู อัล-เอาน์ ยกธนบัตรที่กำลังซ่อมขึ้นส่องกับแสงอย่างเชี่ยวชาญ เขายังมีลูกค้าอีกหลายคนรออยู่ เพราะป้ายของเขาที่ประกาศรับซ่อมเขียนว่า “ด้วยความเป็นมืออาชีพสูงและไม่ใช้เทปกาว”
ขณะที่บาราทำงานต่อไป เขาโหยหาการกลับไปใช้ชีวิตปกติพร้อมโอกาสทำงานที่มีกำไรมากกว่า
“ผมแค่อยากให้สงครามนี้จบลงอย่างสิ้นเชิง” เขากล่าว “ความหวังของผมคือได้รู้สึกโล่งใจในที่สุด เพื่อที่ผมจะได้กลับไปเรียนและทำงานตามวุฒิการศึกษา”
“ในกาซา เราแค่เอาตัวรอด เราไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว”














