ศาลฎีกาฯพิพากษา‘นิรุช ศรีนวลจันทร์’ เลขาฯนายก อบจ.สมุทรสาคร จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นตำแหน่ง อ้างป่วยโรคเบาหวาน รักษาตัวนอน รพ. กลับร่วมงานบวชลูกชาย พักอยู่บ้าน ใช้ชีวิตได้ปกติ วินิจฉัย ไม่สมเหตุสมผล ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี ปรับ 4,000 บาท
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่า นายนิรุช ศรีนวลจันทร์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายก อบจ.สมุทรสาคร ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
รายละเอียดดังนี้
เปิดรายละเอียดคำพิพากษาฉบับเต็ม
คดีหมายเลขดำที่ อม 21/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อม 38 /2567 วันที่ 11 ธันวาคม 2567 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายนิรุช ศรีนวลจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167
ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาครั้งแรก ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทน่งการเมือง พ.ศ. 25260 มาตรา 59 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 33 วรรคสาม และศาลออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหา ต่อมาผู้ถูกกล่าวหามาศาลและให้การรับสารภาพ
ยื่นตอนรับตำแหน่ง – ตอนพ้นไม่ยื่น อ้างป่วยเบาหวานต้องเข้าผ่าตัด รพ.
พิเคราะห์คำร้องประกอบเอกสารในสำนวน และคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตามที่มีอยู่จริงต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งแล้ว ในส่วนกรณีพ้นจากตำแหน่งนั้น ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ 2 เมษายน 2566 แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ดำเนินการภายในกำหนด ต่อมาผู้ร้องมีหนังสือ 2 ฉบับ แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องภายใน 30 วัน และ 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ดำเนินการแต่อย่างใด
ผู้ร้องจึงมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหาโดยวิธีการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 3 สิงหาคม 2566 และชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า เหตุที่ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาป่วยเป็นโรคเบาหวานและเกิดแผลติดเชื้อที่เท้าและต้นขาทั้งสองข้าง ต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 23 ถึง 30 กันยายน 2565 และวันที่ 1 ถึง 19 มิถุนายน 2566 ต่อมาผู้ร้องพิจารณาแล้วมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง
ร่วมงานบวชบุตรชาย-พักรักษาตัวที่บ้าน ใช้ชีวิตปกติ ไม่ป่วยถึงขนาดยื่นบัญชีฯไม่ได้
ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร หรือไม่
เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร จึงเป็นผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องเมื่อเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มาตรา 102 (9) มาตรา 105 และ ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 25661 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาเคยยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งมาก่อนแล้ว แสดงว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบรายละเอียดและที่มาแห่งทรัพย์สินของตนและหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว ทั้งที่ผู้ร้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาโดยมีหนังสือ 2 ฉบับ แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาให้ดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายใน 30 วัน และ 15 วัน นับแต่วันที่ ได้รับหนังสือ แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับไม่ดำเนินการใด ๆ ซึ่งการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินเพื่อป้องปรามผู้ใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ
การที่ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า เหตุที่ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาป่วยเป็นโรคเบาหวานและเกิดแผลติดเชื้อที่เท้าและต้นขาทั้งสองข้าง เข้ารับการผ่าตัดและพักรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 23 ถึง 30 กันยายน 2565 และวันที่ 1 ถึง 19 มิถุนายน 2566 แต่ผู้ถูกล่าวหาก็ชี้แจงรับว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้ไปร่วมงานอุปสมบทของบุตรชาย ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 และพักอาศัยอยู่บ้านพักในจังหวัดสมุทรสาคร จนถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 อันแสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ได้เจ็บป่วยถึงขนาดไม่สามารถดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินได้ ข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่สมเหตุสมผล ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพแล้ว
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นตามมาตรา 114 วรรคสอง (1) มีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามมาตรา 81 วรรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม และการกระทำของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาครตามมาตรา 167 ด้วย
ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอการลงโทษ 1 ปี
พิพากษาว่า นายนิรุช ศรีนวลจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30. (คดีหมายเลขแดงที่ อม 38/2567 วันที่ 11 ธ.ค.2567)
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรายอื่นก่อนหน้า
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )