‘สุรเชษฐ์ ประชาชน’ อัดงานคมนาคมรัฐบาล ‘แพทองธาร’ โปรเจ็กต์ไฮสปีด 3 สนามบิน ชี้เลื่อนไม่มีจุดหมาย ซัด ‘สุริยะ’ โมฆะบุรุษไร้ราคาชี้แจงแทน ส่วนโครงการทางด่วน 2 ชั้น ค้านเด็ดขาด เป็นการเอื้อเอกชน ชี้รอหมดสัปทานดีที่สุด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 มีนาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายใน 2 ประเด็น ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน นับตั้งแต่เซ็นสัญญาตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 2562 ก็ยังไม่ได้เริ่มต้นก่อสร้างแต่อย่างใด โครงการนี้ให้สิทธิ์ทุนใหญ่ระดับแสนล้านบาทเท่านั้น โครงการนี้มัดรวมงานหลายประเภทไว้ด้วยกันทั้งสิทธิ์การเดินรถ ก่อสร้างงานรถไฟ และงานอสังหาริมทรัพย์ เป็นการให้สิทธิ์มัดรวมและให้โอกาสทุนใหญ่ผูกขาดหาทางบริหารจัดการ จัดจ้างผู้ประกอบการที่เก่งในแต่ละประเภทเอาเอง ถ้าทุนใหญ่ไม่ขยับ ทุกอย่างก็นิ่ง แล้วมันใช่เรื่องหรือไม่ที่รัฐบาลต้องเอาผลประโยชน์ไปล่อใจให้ได้รับผลประโยชน์เพิ่ม เมื่อเซ็นแล้วก็ควรทำตรามสัญญา ถ้าไม่ทำตามก็ควรโดนลงโทษ ไม่ใช่มาร่วมมือกันหากินผลประโยชน์ส่วนเพิ่มจากการแก้สัญญา ซึ่งเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย โดยรูปแบบสัญญาที่ลงทุนกันเป็นการให้เอกชนรับความเสี่ยงทั้งหมด
ส่วนที่มีการอ้างถึงสงครามรัสเซียยูเครนหรือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รัฐมีอำนาจช่วยเหลือแต่ต้องไม่น่าเกียจ และควรแยกเจรจาให้ชัดเจนว่าจะเยียวยาอย่างไร ซึ่งไม่จำเป็นต้องแก้สัญญา และไม่จำเป็นต้องช่วยอย่างไร้ขอบเขต แต่ทราบว่าการแก้ไขสัญญามีการเปลี่ยนเงื่อนไขสำคัญในสัญญา เพราะตอนประมูลมาก็ชนะด้วยเงื่อนไขเดิม ถ้าเปลี่ยนเงื่อนไขก็ควรประมูลใหม่
ทั้งนี้ โครงการมีความเสี่ยงสูง รัฐจึงอุดหนุนสูงมากทั้งเงินอุดหนุนก่อสร้าง 159,830 ล้านบาท การยกที่ดินมักกะสันและศรีราชาของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการพัฒนาเพิ่ม รวมถึงการออกค่าเวนคืน การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ประเด็นคือ สัญญาเซ็นไปแล้ว รับเงื่อนไขไปแล้วทำไมไม่เริ่มงาน
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า การออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP: Learn about to Proceed) ยังติดขัดการได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ก่อน ทำให้โครงการนี้เลื่อนแล้ว เลื่อนอยู่ เลื่อนต่อ เพราะเอกชนผู้รับสัมปทานเล่นเกมยื้อเวลาไม่ยอมส่งเอกสารตามกำหนด ขอขยายเวลาออกไปเรื่อยๆ จนล่าสุดกำหนดอยู่ที่ 22 พ.ค. 2567 แต่เอกชนก็ไม่ส่งเอกสาร จึงเชื่อว่าเพื่อนนายใหญ่หลบเลี่ยงการทำสัญญาข้อที่ 6.1(3) ยังไม่ได้บัตรส่งเสริมการลงทุนจาก BOI และทำให้รฟท.ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้
“ถามว่าทำไมเอกชนถึงไม่ยอมส่งเอกสาร ก็มีในงานข่าววงในว่า เอกชนยังไม่อยากเริ่มงาน เพราะหนี้สินเต็มเพดานขาดสภาพคล่องทางการเงินหนักมาก จึงอยากแก้สัญญา เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง ทำไมนักการเมืองไม่รักษาผลประโยชน์สาธารณะแต่ฟังทุนใหญ่ ทำไมต้องฟังนายใหญ่ให้ช่วยทุนใหญ่” นายสุรเชษฐ์ระบุ
นายสุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเคยกล่าวในที่ประชุมสภาว่าจะไม่เลื่อนไม่แก้สัญญา แต่สุดท้ายก็เลื่อนและแก้ไขสัญญาอยู่ ใครสั่งให้กลับลำ นายกรัฐมนตรีรู้เรื่องนี้หรือไม่ ทุนใหญ่ นายใหญ่ นายน้อย ใครสั่งให้กลับลำ จนวันนี้นายสุริยะกลายเป็นโมฆะบุรุษไปแล้ว
นอกจากนี้เอกชนก็ถือว่าทำผิดสัญญาไปแล้วเพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าใช้สิทธิ์รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ มูลค่า 10,678 ล้านบาท ซึ่งต้องจ่ายภายในวันที่ 24 ต.ค. 2564 แต่รัฐบาลก็อุ้มทุนใหญ่ด้วยการทำ MOU ไม่ต้องจ่ายเงินแต่ให้สิทธิ์เดินรถไปพลางก่อน นี่คือการเกาหลังกันระหว่างทุนใหญ่กับรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่ควรเล่นในเกมเงื่อนไข BOI ของเอกชน
ขณะเดียวกัน การแก้สัญญาโดยเฉพาะการจ่ายเงินอุดหนุนแบบสร้างไปจ่ายไป ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินแสนกว่าล้านไวขึ้น 5 ปี รัฐบาลสามารถทำบนสัญญาเดิมได้ โดยมีการทุจริตเชิงนโยบาย เพื่อเอื้อประยชน์ให้ทุนใหญ่คว้าสัมปทานไปก่อน แล้วค่อยมาแก้สัญญากัน
@ค้านผุด Double Deck แลกสัมปทานใหม่ 22 ปี
นายสุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า อีกประเด็นคือ การผลักดันโครงการขยายสัมปทานทางด่วน ปัจจุบันทางด่วนศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) คือทางด่วนที่ทำรายได้ให้เอกชนมากสุด ควรกลับมาเป็นของรัฐนานแล้ว แต่เกิดการหาเหตุขยายสัมปทาน ทำให้ประชาชนจ่ายค่าผ่านทางเข้ากระเป๋านายทุนนานขึ้น และรัฐบาลนี้พยายามผลักดันการทำโครงการทางด่วนสองชั้น (Double Deck) จากงามวงศ์วาน – พระราม 9 โดยรวบเอาทางด่วนสายต่างๆเป็นสัมปทานเดียวประเคนให้เอกชนแลกกันระยะเวลา 22 ปี ซึ่งไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริง รถลงพื้นราบไม่ได้ จะเกิดการผลาญงบประมาณเกินจำเป็น เป็นการขยายพื้นที่จอดรถทางอากาศ โอกาสคุ้มค่าคุ้มทุนน้อยมาก เพราะต้นทุนระยะทาง 17 กม.ในวงเงิน 34,000 ล้านบาท ตกกิโลเมตรละ 2,047 ล้านบาท แพงไม่มีประโยชน์
“เป็นการหาเหตุมาขยายสัมปทานทางด่วนเดิมทั้งระบบออกไปให้นานขึ้นอีก นี่ไม่ใช่การเก็บตังค์เพิ่มในช่วงที่ตั้งใหม่ แต่เป็นการหาเหตุมาเจาะถุงเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เอาเงินก้อนใหญ่ไปประเคนให้นายทุน นอกจากนี้ยังมีการยื้อการส่งข้อมูลให้คณะกรรมาธิการฯ อีกด้วย ทางออกที่ดีที่สุดคือ เอาทางด่วนกลับมาเป็นของรัฐ” นายสุรเชษฐ์กล่าว
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )