จเรตำรวจแห่งชาติแจงสื่ออังกฤษ เชื่อมีอย่างน้อย 30-40 ขบวนการอาชญากรจีน ดำเนินศูนย์ฉ้อโกงฝั่งเมียนมา คาดตอนนี้มีเหยื่อทำงานสแกมเมอร์อย่างน้อย 1 แสนคน แต่ต้องพิจารณาให้ดี เพราะบางส่วนสมัครใจไปทำงานหลอกลวงแลกเงินจำนวนมาก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีสถานการณ์สแกมเมอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาว่า พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตำรวจ) และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ (ศตคม.ตำรวจ) ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวการ์เดียนของอังกฤษเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเชื่อว่าน่าจะมีขบวนการอาชญากรจีนอย่างน้อย 30-40 ขบวนการที่กำลังดำเนินศูนย์ฉ้อโกงในฝั่งเมียนมา
จเรตำรวจแห่งชาติกล่าวต่อไปว่าในตึกเหล่านี้อาจมีผู้คนอาศัยอยู่ถึง 10,000 คน หรืออาจจะถึง 30,000-50,000 คน หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าจะถึง 100,000 คน โดยตอนนี้มีการระบุสัญชาติคนงานในศูนย์ฉ้อโกงไปแล้วร่วม 30 สัญชาติ แม้ส่วนมากจะมาจากจีนก็ตาม
พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ไทยจะไม่รับตัวแรงงานศูนย์ฉ้อโกงเหล่านี้จากภายในเมียนมา แต่จะนำตัวพวกเขาเมื่อพวกเขาถูกย้ายไปยังฝั่งไทย
อนึ่งก่อนหน้านี้กองกําลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรกับรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งควบคุมพื้นที่ที่มีศูนย์กลางการหลอกลวงหลายแห่งบอกกับเอเอฟพีว่าจะเนรเทศผู้คน 10,000 คนที่เชื่อมโยงกับศูนย์ฉ้อโกงต่างๆ
โดยรายงานจากสหประชาชาติระบุว่าผู้คนหลายแสนคนถูกหลอกลวงค้ามนุษย์เข้ามาในภูมิภาคนี้จากทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดมักจะได้รับคํามั่นสัญญาว่าจะได้งานทำในสํานักงานที่สะดวกสบาย เมื่อพวกเขามาถึงพวกเขาจะถูกควบคุมตัวและถูกบังคับให้สร้างรายได้โดยการหลอกลวงทางออนไลน์โดยกําหนดเป้าหมายเป็นเหยื่อทั่วโลก การวิจัยโดยสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกาประเมินว่าการหลอกลวงเหล่านี้สร้างรายได้ทั่วโลก 6.39 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ของรายได้เหล่านี้คิดเป็นมูลค่า 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯเกิดขึ้นในกัมพูชา เมียนมาร์ และลาว
พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่าคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับผู้ที่ถูกหลอกลวงให้ทำศูนย์ฉ้อโกงนั้นควรต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะว่า “บางคนสมัครใจไปที่นั่นและทํางาน พยายามหลอกลวงคนอื่น รับเงินจํานวนมากแล้วกลับไป” แต่ก็มีกรณีอื่นๆที่มีผู้คนถูกบังคับให้เป็นอาชญากรและถูกใช้ความรุนแรง
สำนักข่าวการ์เดียนได้รายงานทิ้งท้ายว่าอาชญากรจีนที่ปฏิบัติการหลอกลวงในเมียนมาก็เชื่อกันว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับปฏิบัติการที่คล้ายคลึงกันในกัมพูชาเช่นกัน การดำเนินกิจกรรมอาชญากรรมดังกล่าวได้แพร่กระจายไปในพื้นที่ของภูมิภาคที่มีการปกครองอ่อนแอ
อีกทั้งการส่งตัวเหยื่อกลับประเทศต้นทางได้สร้างภาระอย่างมากให้กับประเทศไทย ซึ่งเผชิญกับความท้าทายในการขนส่งและรองรับผู้ถูกส่งตัวชั่วคราว อีกทั้งสถานทูตบางแห่งยังไม่ได้ให้คํามั่นว่าจะให้ทุนในการช่วยเหลือการส่งตัวพลเมืองของตนกลับประเทศ
เรียบเรียงจาก:https://www.theguardian.com/world/2025/feb/21/myanmar-rip-off-call-centre-compounds
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )