‘ณัฐพงษ์’ กล่าวปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ชี้นายกฯหนีความจริง หนีหน้าที่ หนีความจริง กล่าวหานิติกรรมอำพรางเลี่ยงภาษีปมหุ้น ส่วนมาตรการหลายอย่างไม่เห็นผล ซัดไม่ได้เป็นเหยื่ออีกต่อไป เพราะไปทำดีลจนประเทศเสียเวลา 20 ปี ที่ดินเขาใหญ่ก็กังขาเพราะก่อนปี 62 ไม่ได้อนุญาตให้ทำประโยชน์ ไม่หยุดเอาใจกลุ่มทุน ขณะที่ ‘วันนอร์’ นัดลงมติพรุ่งนี้ (27 มี.ค. 68) 10 โมงเช้า
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 มีนาคม 2568 ้เมื่อเวลา 21.32 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธาน แจ้งต่อที่ประชุมว่า เมื่อไม่มีผู้อภิปรายแล้ว ตามข้อบังคับที่ 178 วรรค 3 ประกอบข้อ 75 ผู้เสนอคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะได้สรุปอีกครั้งหนึ่งก่อนจะมีการลงมติ
โดยก่อนที่นายณัฐพงษ์จะกล่าว ประธานสภาฯย้ำต่อผู้สรุปว่า ต้องสรุปข้อความทั้งหมดที่ได้มีการกล่าวไว้ ทั้ง 2 วัน 2 คืน จะนำประเด็นใหม่ขึ้นมาสรุปอีกไม่ได้ เนื่องจากภายหลังสรุปแล้ว จะไม่อนุญาตให้ผู้ใดได้อภิปรายอีกแล้ว ยกเว้นว่า จะสรุปในประเด็นใหม่ ทางฝ่ายรัฐบาลก็อาจจะขอชี้แจง เพราะเป็นประเด็นใหม่ ขอให้ทำความเข้าใจ
@ถามนายกฯไหนล่ะทางออกจากวิกฤตการเมือง
ต่อมานายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากคำชี้แจงตามข้อบังคับที่ประธานสภาได้นำเสนอในที่ประชุมเมื่อสักครู่นี้ ภายหลังจากที่สรุปญัตติเสร็จ คิดว่าน่าจะมีการใช้สิทธิ์จากฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีชี้แจงเพิ่มเติม เพราะนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเอง ก็ได้เปิดประเด็นใหม่หลายประเด็น ซึ่งพวกตนไม่ได้เสนอในญัตติเช่นเดียวกัน และจริงๆ เวลาฝ่ายค้านก็มีค่อนข้างเหลือ วันนี้ยังมีเวลาอีกประมาณก่อนเที่ยงคืน จึงอยากให้ประธานสภาให้เวลาพวกเราให้ได้มากที่สุด เพราะนานๆ ครั้ง เราจะมี คณะรัฐมนตรี และในนายกรัฐมนตรีมานั่งในสภาแห่งนี้ จะได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
นายณัฐพงษ์ อภิปรายสรุปญัตติ ว่า วันนี้ขอขอบคุณสมาชิก ประธาน คณะรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เวลาร่วมกัน 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็มีการฝากตนหลายเรื่อง จึงอาจจะใช้การอภิปรายครั้งนี้ สื่อสารกับนายกรัฐมนตรีโดยตรงผ่านประธานไป เนื่องจากนายกรัฐมนตรี เปิดประเด็นใหม่ ที่ไม่ได้อยู่ในญ้ตติว่า พรรคตน และพรรคนายกรัฐมนตรี หรือพรรคเพื่อไทย เราอยู่ในหัวอกเดียวกันใช่หรือไม่ ท่านบอกว่า เราโดนนิติสงคราม โดนยุบพรรค มาเหมือนๆ กัน คำถามคือ นายกรัฐมนตรีจะออกจากปัญหานี้อย่างไร ท่านบอกแล้วว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วไหนการแก้ ทำไมไม่เหมือนกับที่ท่านพูดไว้เมื่อสักครู่
“อย่าอ้างเรื่องข้อกฎหมายว่า มีความเห็นแตกต่างเรื่องการทำประชามติ ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเหตุผลบังหน้าอยู่ เบื้องหลังเป็นเหตุผลทางการเมือง เฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เจตจำนงของนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงไหน” นายณัฐพงษ์กล่าว
สำหรับคุณสมบัติด้านความรู้ความสามารถของนายกรัฐมนตรี ท่านตอบในที่ประชุมว่าท่านพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สมัยท่านเป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชน ท่านอาจสามารถใช้การสั่งได้มากกว่า แต่การฟังเยอะๆ ในสภาให้มากกว่าการพูด จะช่วยเพิ่มวุฒิภาวะได้ อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติเรื่องการขาดเจตจำนงทางการเมือง ต้องถามนายกรัฐมนตรีว่า เหตุผลที่ท่านมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองตอนนี้คืออะไร
@20 ปี เสียเวลากับ ‘ทักษิณ’
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีเล่าประวัติชีวิตส่วนตัวที่ผ่านมา ตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารปี 2549 ความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา สมาชิกในห้องนี้ล้วนเข้าใจความรู้สึกดี แต่ท่านเหมือนพยายามมาเล่าว่า ตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งที่ทุกคนในประเทศนี้ เป็นผู้ถูกกระทำจากความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่ผ่านมา ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนเดียวในฐานะลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
“หากท่านจะใช้ความเป็นบุตรสาว ตั้งคำถามถึงความเป็นบุตรสาวของคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อทักษิณ ชินวัตร ดูสิครับ จุดยืนของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ครอบครัวของคนเสื้อแดงที่ต้องสูญเสียไป ลูกสาวของเขารู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าหลายคนรู้สึกโกรธ เศร้า หมดหวังกับการเมืองที่เป็นอยู่วันนี้ ถ้าเราจะเอาเรื่อง 20 ปีที่แล้วมาเล่า ก็จะวกเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้ สำหรับตนเอง ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปี หากจะให้พูดโดยสรุปแค่ 2 ประโยคว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย คือประโยคที่ว่า 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยสูญเสียไปทุกอย่าง เพื่อเอานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกนอกประเทศ จะเกิดขึ้นจากใครนั้น คิดเอง แต่ 20 ปีผ่านมา ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง เพื่อเอา นายทักษิณ กลับมาในประเทศนี้” นายณัฐพงษ์กล่าวอีก
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯกล่าวว่า นี่แหละคือสิ่งที่เราพยายามสื่อสารว่า ดีลแลกประเทศคืออะไร และเป็นสิ่งที่กล่าวหาท่าน ซึ่งความจริงไม่ใช่การกล่าวหา เพราะคิดว่าเป็นข้อเท็จจริงว่าท่านได้ไปร่วมขบวนการกับพวกเขา (อำนาจเก่า) แล้ว และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นี่แหละคือการอภิปรายบนพื้นฐานข้อเท็จจริง
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ท่านพยายามโยนคำกลับมาว่า พวกเราเป็นผู้ประดิษฐ์วาทกรรม ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ เพราะครั้งนี้เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อกล่าวหาท่านก็ต้องชี้แจง แต่มองในมุมหนึ่ง ท่านบอกว่าท่านกำลังทำหน้าที่ กำลังเรียนรู้ แต่ท่านกลับนำข้อกล่าวหามาโยนใส่พวกตนที่กำลังทำหน้าที่ มันถูกต้องหรือไม่ มองว่าเป็นตรรกะที่ย้อนแย้ง การแสดงออกด้วยการกดคนอื่น ถือเป็นภาวะผู้นำที่ดีหรือไม่ ท่านบอกว่าเรามีแต่เรื่องเก่า แต่เรื่องเก่าที่ผิดหลายเรื่อง ทำไมท่านถึงไม่แก้สัมปทานทางด่วน ค่าไฟฟ้าแพง เหมืองทองอัครา แม้ไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ หรือในรัฐบาลชุดนี้ แต่ในเมื่อท่านอยู่ในอำนาจแล้ว ทำไมจึงไม่ออกมายืนยันกับพวกเราว่าจะแก้ไข
นายณัฐพงษ์กล่าวถึงคำว่า ดีล ที่ท่านอ้างว่าเป็นเรื่องปกติในการเมือง ดีลอย่างไรให้โปร่งใสให้เป็นประโยชน์ เราจึงต้องกล่าวหาว่า เหตุและผลในการตัดสินใจทางนโยบายแต่ละด้าน เหตุผลที่ต้องโกหกประชาชนที่เคยสัญญาไว้คืออะไร ลองอธิบายให้เราเข้าใจโลกการเมืองที่เป็นจริงมากขึ้น แต่ท่านไม่เคยนำเหตุผลจริงๆ มาคุยกัน เพราะท่านพูดไม่ได้ เพราะพูดไปแล้วไม่มีใครที่จะเข้าใจ เพราะเป็นดีลที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ แต่ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม
@ย้อนนายกฯ ถ้าไม่เอามาเปิดโปง คงไม่คิดเรื่องเสียภาษี
นายณัฐพงษ์ ได้ไล่เรียงประเด็นต่างๆ เช่น คำถามเรื่องภาษีการรับให้ ซึ่งมีคำถามว่า หากเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ไม่ลุกขึ้นมาถามคำถามนี้ ท่านวางแผนจะจ่ายภาษีเมื่อไหร่ หรือจะรอไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีกำหนดชำระและดอกเบี้ย
ทั้งนี้ โดยสามัญสำนึกของวิญญูชน ถ้าทุกคนในประเทศนี้มีหุ้นแบบเดียวกับนายกรัฐมนตรี และใช้วิธีเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีทั้งประเทศ วิญญูชนมองว่า เป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ประเทศไทยจะจัดเก็บภาษีมรดกจากกรณีนี้ได้กี่บาท แล้วจะมีไว้ทำไม ประเด็นนี้ไม่ต้องเลี่ยงโวหาร แต่ขอเรียกว่าเป็นธุรกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
สำหรับกรณีปลาหมอคางดำ ที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่ารัฐบาลที่ผ่านมามีมาตรการแก้ไข และเคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต อีกทั้งมีการตั้งงบประมาณไว้ 98 ล้านบาทในการแก้ปัญหา แต่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ไม่ได้ถามว่า ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ แต่ถามว่าเมื่อไรที่รัฐบาลชุดนี้จะบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา นำบริษัทที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้มารับผิดชอบ เหตุใดเราถึงต้องนำงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากบริษัทนั้น
ส่วนเรื่องฝุ่น พีเอ็ม 2.5 นั้น นายกรัฐมนตรีเลือกตอบโดยการใช้จำนวนจุดความร้อนที่หายไป ทั้งที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า พื้นที่เผาไหม้เพิ่มขึ้น ดังนั้น ตัวชี้วัดจึงต้องเริ่มให้ถูกจุด ไม่เช่นนั้นนายกรัฐมนตรีก็จะเอาตัวเลขที่ดูดีขึ้นมาลวงประชาชน
ด้านปัญหาค่าไฟแพง นายกรัฐมนตรีก็ใช้เทคนิคเดิมตอบว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยซื้อไฟฟ้าเพิ่ม แต่ก็จะยังสืบสานแผนที่ผิดๆ ต่อไปหรือไม่ ขณะที่บิดาของนายกรัฐมนตรีมีภาพไปตีกอล์ฟกับกลุ่มทุนพลังงาน เหตุใดจึงตั้งคำถามไม่ได้ หรือเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า ขอให้นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นตอบว่าจะปรับปรุงเรื่องนี้หรือไม่
@สส.รัฐบาลประท้วง
ผู้สื่อข่า่วรายงานว่า ระหว่างที่นายณัฐพงษ์กล่าวสรุป ได้มี สส. พรรคร่วมรัฐบาลหลายคน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เช่น นางสาวจิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่, นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ ประท้วงและคัดค้านว่า ผู้นำฝ่ายค้าน ได้ตั้งคำถามใหม่ ทั้งที่การอภิปรายจบไปแล้ว และรัฐบาลไม่สามารถตอบได้อีก โดยมี สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นแย้ง ขณะที่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นแสดงความเห็นด้วยกับ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน
ท้ายที่สุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมขณะนั้น วินิจฉัยว่า เป็นการสรุปข้อกล่าวหาที่ผ่านมาในการอภิปราย แต่ขอให้ณัฐพงษ์ไม่เปิดประเด็นใหม่ และไม่ต้องตั้งคำถาม เพราะฝ่ายรัฐบาลจะไม่ได้ตอบแล้ว ขอให้สรุปเนื้อหา ก่อนที่จะถึงเวลา 23.00 น.
นายณัฐพงษ์ จึงยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีสามารถใช้สิทธิ์พาดพิงตอบคำถามตนได้เสมอ เพราะจะมีการพาดพิงนายกรัฐมนตรีตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภาแล้ว จนทำให้มีเสียงโห่จากสมาชิกในห้องประชุม นายวันมูหะมัดนอร์ จึงห้ามไม่ให้โห่ และระบุอีกกว่า นายณัฐพงษ์สามารถใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับได้
จากนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวถึงเรื่องที่ดิน Thames Valley คือเรื่องโฉนดที่ดิน ซึ่งยังยืนยันว่าไม่ถูกต้อง ขณะที่การประกอบธุรกิจโรงแรมถูกต้องหรือไม่นั้น โรงแรมแห่งนี้เริ่มธุรกิจตั้ง 2557-2562 จึงไม่แน่ใจว่าถูกกฎหมายหรือไม่ เพราะได้รับอนุญาตจริงคือปี 2562 ส่วนประเด็นเรื่องชั้น 14 ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่นายกรัฐมนตรีอยู่ในพยานรู้เห็นสถานะของคุณพ่อตนเองมาตลอด เราอยากได้คำตอบว่าทักษิณป่วยเป็นอะไรแน่จึงทำให้ได้รักษาตัวที่ชั้น 14 สำหรับเรื่องคอลเซนเตอร์ มีการอภิปรายมานาน แต่ยังสงสัยว่าเรื่อง พ.ร.ก. ที่กำหนดการร่วมรับผิดชอบของสถาบันการเงิน เมื่อใดจะออกมาสักที ก็ยังไม่ได้คำตอบ
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า อย่างน้อยถ้านายกรัฐมนตรีจะแสดงออกว่ามีเจตจำนงทางการเมืองจริง เราอยากได้ยิน 3 ข้อจากรัฐบาล คือเมื่อไรที่รัฐบาลชุดนี้ ที่เราตั้งชิ่อว่า ดีลแลกประเทศ จะหยุดเอาใจกลุ่มทุน กลุ่มอำนาจเดิม เลิกบิดเบือนกฎหมาย เปลี่ยนดำเป็นขาว และยังคงรอนายกรัฐมนตรีใข้สิทธิพาดพิงอยู่ แต่ท่านก็ไม่มา จึงน่าเสียดายที่ประชาชนไม่ได้รับฟังคำตอบจากนายกรัฐมนตรี
“ผมขอกล่าวหานายกรัฐมนตรีให้เกิดความเสียหาย ว่านายกรัฐมนตรีจงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนเพื่อหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองในฐาะนายกรัฐมนตรี ท่านไม่มีความรู้ความสามารถ ท่านไม่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา เลือกหยิบตัวเลขดีๆ มาบอกสังคม ท่านหนีความจริง ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ทำให้ตนไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งได้อีกต่อไป” นายณัฐพงษ์ ทิ้งท้าย
จากนั้น ประธานในที่ประชุมระบุว่า ตามข้อบังคับการอภิปรายไม่ไว้วางไม่สามารถกระทำในวันเดียวกับการลงมติได้ จึงนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 26 มีนาคม เพื่อลงมติไม่วางใจ ก่อนจะปิดการประชุมในเวลา 22.25 น.โดยตลอดทั้ง 2 วันใช้เวลาอภิปรายทั้งสิ้น จำนวน 32 ชั่วโมง 32นาที
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )