“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เปิดความเป็นอยู่เด็กในชุมชนแออัด ภายใต้วิกฤต PM2.5

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

ลัดดา ลังสุวรรณ อาศัยในชุมชนวัดดวงแข กับลูกชายวัย 6 ขวบ

Article info

  • Author, นงนภัส พัฒน์แช่ม
  • Characteristic, ผู้สื่อข่าว.

สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ใน กรุงเทพมหานครเพิ่งเริ่มเบาบางลงตั้งแต่เมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) หลังจากที่อยู่ในเกณฑ์สีส้ม-แดง คือเริ่มมี-มีผลกระทบต่อสุขภาพ มาตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่ายังคงต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. ที่การระบายอากาศจะต่ำลงอีกครั้ง

สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในช่วงต้นปี กลายเป็นปัญหาซ้ำ ๆ ที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศ ท่ามกลางความพยายามต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาที่ยังไม่เห็นผลชัดเจน . พาดูชีวิตในชุมชนแออัดที่มีเด็กและเยาวชนจำนวนมาก ว่าพวกเขาใช้ชีวิตและรับมืออย่างไรภายใต้วิกฤต PM2.5

ชีวิตที่เลี่ยงฝุ่นไม่ได้

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

ลัดดา ลังสุวรรณ แม่บ้านวัย 48 ปี พา. ดูห้องเช่าที่เธอพักอาศัยอยู่กับสามีและลูกชายวัย 6 ขวบ ห้องขนาด 2×3 เมตร บนชั้น 3 ของอาคารขนาดเล็กในชุมชนวัดดวงแข ชุมชนแออัดใกล้สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เป็นทั้งที่กินและที่นอนของทั้ง 3 ชีวิต ที่นี่มีห้องน้ำเล็ก ๆ พอให้ทำธุระส่วนตัวได้ และมีระเบียงเล็ก ๆ ที่เธอใช้เป็นทั้งที่ตากผ้าและสถานที่ทำครัว

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

พื้นที่ทำครัวของลัดดาบริเวณระเบียงห้องเช่า ด้านบนมีราวใช้สำหรับตากผ้า

พื้นที่ที่จำกัดทำให้เธอต้องเปิดประตูที่กั้นระหว่างระเบียงและห้องพักอย่างถาวร เพื่อให้ยังมีพื้นที่สำหรับวางถ้วยชามและอุปกรณ์ทำครัวได้บ้าง ขณะที่บริเวณระเบียงไม่ได้ปิดทึบ มีช่องเหล็กดัดกั้นที่ค่อนข้างโปร่ง ทำให้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณภาพอากาศใน กรุงเทพมหานคร ย่ำแย่ เธอบอกว่ามีฝุ่นจับถ้วยชามจนต้องขยันเช็ดล้างมากกว่าปกติ

“มองออกไปข้างนอกเห็นหมดว่าฝุ่นยังไง พี่เห็นหมด ฝุ่นเข้ามาวันก่อน เกาะถ้วยชาม ขวด กะละมัง พี่เห็นหมด ก็ต้องเช็ด ต้องล้างใหม่ พี่ก็เลยบอกสามีว่ามีแผ่นป้ายโฆษณาไหม เอามาติดหน่อย” ลัดดาเล่าถึงความพยายามจะทำให้ห้องเช่าของเธอปลอดฝุ่น

เรื่องแนะนำ

of เรื่องแนะนำ

สามีของเธอหาแผ่นป้ายโฆษณามาผูกติดไว้กับเหล็กดัดที่ช่องระเบียงตั้งแต่วันศุกร์ (24 ม.ค.) ที่ผ่านมา แต่ป้ายที่หามาได้ก็ไม่ใหญ่พอที่จะปิดช่องบนระเบียงทั้งหมด เธอบอกว่าเธอ “หาได้เท่านี้ ถ้ามีก็จะติดหมด”

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

ป้ายโฆษณาที่สามีของลัดดานำมาปิดทับเหล็กดัดบริเวณระเบียงเพื่อกันฝุ่น ขนาดไม่ใหญ่พอที่จะปิดช่องเหล็กดัดได้มิด

นอกจากความขมุกขมัวที่ “มองออกไปยังไม่เห็นตึก” ในวันที่ฝุ่นลงหนัก ลัดดาเล่าว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งครอบครัวมีอาการไอ และมีน้ำมูก ซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับฝุ่นหรือไม่

“ส่วนมากช่วงนี้จะเป็นไอ เป็นน้ำมูก เพราะว่าเพื่อนบ้านก็เป็น เป็นกันเยอะในซอย เดี๋ยวคนนี้หายก็ไปติดคนโน้น ไม่รู้ว่าสาเหตุจากอะไร แต่มันไม่เคยมีคนป่วยเยอะขนาดนี้” เธอกล่าว พร้อมเล่าว่าเคยพาลูกชายไปหาหมอ พบว่าไม่ได้เป็นทั้งโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ แต่หลังได้ยารักษาตามอาการไม่นาน ก็กลับไปป่วยอีก ซึ่งในการไปหาหมอทุกครั้ง เธอต้องเสียเงินค่ายาเอง เนื่องจากสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือที่มักรู้จักในชื่อโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ของเธออยู่ที่ต่างจังหวัด

“บางทีพี่คัน ตามคอตามผิวหนังอย่างนี้ คัน ถ้าคนที่เป็นโรคผิวหนังหรือว่าโรคภูมิแพ้นะจะรู้สึกได้ง่าย” ลัดดาเล่าถึงอาการเมื่อเธอสูดอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่น

“พี่ซื้อ หน้ากากอนามัย ไว้เต็มเลย ของลูกไปโรงเรียนก็จะเป็นแบบนี้” ลัดดาชี้ให้ดูหน้ากากอนามัยจำนวนหนึ่งที่วางซ้อนกับข้าวของอื่น ๆ บนชั้น หน้ากากอนามัยที่เธอกับลูกชายใช้สวมใส่เมื่อออกนอกชุมชน เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้หรือไม่ มีเพียงสามีที่จะใส่หน้ากากอนามัยแบบที่ปิดมิดชิดกว่า เพราะมีอาชีพขับรถสามล้อซึ่งต้องอยู่บนท้องถนนทั้งวัน

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

หน้ากากอนามัยเท่าที่มีภายในห้องเช่าของลัดดา

“ครูเขาก็ไลน์มาว่าให้เด็กใส่ หน้ากากอนามัย นะ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าใส่แบบนั้นแบบนี้จะป้องกัน แต่ที่เราสะดวกซื้อได้ก็ซื้อมาให้ลูกแบบนี้ ไม่รู้ว่าอะไรที่มันป้องกันได้” เธอกล่าว “พี่ก็คิดว่าแบบนี้แหละ เพราะว่ารายได้เราไม่ได้เยอะที่จะไปซื้อแบบแพง ๆ เราก็ไม่ไหว เพราะว่าต้องใส่ทุกวัน”

ครอบครัวของลัดดาเป็นหนึ่งในราว ๆ 75 ครัวเรือน ของชุมชนวัดดวงแขที่เผชิญคุณภาพชีวิตคล้าย ๆ กัน ชุมชนเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยตึกสูง เป็นที่พักอาศัยของผู้คนกว่า 300 ชีวิต ในจำนวนนี้เป็นเด็กและเยาวชนกว่า 50 คน จากคำบอกเล่าของประธานชุมชน

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

ชุมชนวัดดวงแข ที่มีเด็กและเยาวชนอยู่ประมาณ 50 คน

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

สภาพที่อยู่อาศัยภายในชุมชนวัดดวงแข

. สำรวจพื้นที่ชุมชนในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 ม.ค.) ที่อากาศมีในเขตปทุมวันมีค่า PM2.5 อยู่ที่ 49.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พบว่ามีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ออกมาจับกลุ่มเล่น โดยส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กดวงแข ซึ่งมีสนามเด็กเล่นแห่งเดียวในชุมชน และมีลานกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนในชุมชนมาทำกิจกรรมร่วมกันได้ ซึ่งในบรรดาเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันภายในชุมชน มีเพียงไม่กี่คนที่สวมหน้ากากอนามัย

“บางคนที่มีลูกเล็กเด็กแดง หากลูกไม่แข็งแรง เวลาจะออกนอกบ้านก็จะให้ใส่หน้ากากอนามัย แต่เวลาอยู่ในบ้านก็จะไม่ใส่ เพราะส่วนใหญ่จะคิดว่าเข้าบ้านถือว่าไม่มีฝุ่น” ติ๋ม ชูแก้ว ประธานชุมชนวัดดวงแข เปิดเผยกับ. เธอบอกว่าคนในชุมชนมี “ส่วนน้อย” ที่ตระหนักและป้องกันตัวเองจาก PM2.5 อย่างจริงจัง ซึ่งคนที่ตระหนักก็ไม่ได้มีต้นทุนในการซื้อหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกัน PM2.5 ได้โดยเฉพาะ ที่พอจะหามาใส่ได้คือหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ธรรมดา

ขณะที่ รัศมี ทอนทอง อาสาสมัครผู้ปกครองของชุมชนฯ เสริมว่า เธอเพิ่งได้หน้ากากอนามัยสำหรับเด็กที่ระบุคุณสมบัติป้องกัน PM2.5 ได้ มา 2 กล่อง หลังจากประชุมร่วมกับสำนักงานเขตฯ ในการประชุมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ประจำเดือน

“อันนี้ป้าขอ เพราะเราเห็นว่าเด็กที่นี่มาเล่นทุกเสาร์อาทิตย์ เราจะได้สอดแทรกให้เด็ก ๆ รู้ว่า การปิดแมสก์ป้องกันมันช่วยได้ อันนี้เขาเป็นตัวอย่างมาจากเขา ขอเขา เขาก็ให้มา 2 กล่อง” รัศมีกล่าว

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

รัศมี ทอนทอง อาสาสมัครผู้ปกครอง ชูหน้ากากอนามัยเด็กที่เธอขอมาจากการประชุมร่วมกับสำนักงานเขต ข้างกล่องระบุคุณสมบัติป้องกัน PM 2.5 ได้ Ninety nine%

หน้ากากอนามัยเด็กที่รัศมีได้รับมา ระบุจำนวนแต่ละกล่องมี 50 แผ่น รวม 2 กล่อง เท่ากับเธอมีหน้ากากอนามัย 100 แผ่น เทียบกับจำนวนเด็กที่มาทำกิจกรรมในศูนย์พัฒนาเด็กดวงแข ที่เข้ามาสัปดาห์ละประมาณ 30 คน เท่ากับแต่ละคนจะมีหน้ากากที่ป้องกัน PM2.5 ใส่ได้ประมาณ 3 วัน

รัศมี เสนอด้วยว่า เธออยากให้มีการกำหนดเป็นนโยบาย แจกหน้ากากอนามัยที่มีคุณสมบัติป้องกัน PM2.5 ได้ ให้บ้านละ 1 กล่อง เมื่อมีสถานการณ์ฝุ่นหนัก ๆ

WFH – ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี – คุมรถบรรทุกเข้าพื้นที่ชั้นใน “ไม่รู้สึกว่าช่วยลดฝุ่น”

. ถามถึงมาตรการต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐที่ออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งการรณรงค์ให้ทำงานที่บ้าน (Work from House) การควบคุมรถบรรทุกเข้าพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ชั้นใน รวมถึงมาตรการให้ขึ้นรถเมล์และรถไฟฟ้าฟรี ว่าจะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นได้หรือไม่ ผู้นำชุมชนวัดดวงแข มองว่ามาตรการเหล่านี้ยังไม่เห็นผลเท่าใดนัก

“ไม่เห็นน้อยเลย” ประธานชุมชนวัดดวงแข กล่าวถึงปริมาณรถที่ยังผ่านบริเวณชุมชน เธอมองว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา “มันช่วยตรงไหน เขาก็ยังขับรถทำมาหากิน… แล้วคนที่ไปนั่งรถไฟฟ้ามาจากไหน อย่างพี่สาว (หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กดวงแข) เวลามาทำงานเขาจะนั่งรถไฟฟ้าเพราะเขาอยู่ไกล แต่ไม่ได้ขับรถออกมามันก็ไม่ได้ช่วยหรอก เพราะขนส่งมันเยอะ เห็นไหมแถบนี้ขนส่งเยอะมาก อย่างคนที่เขาไม่ทำงาน ไม่ได้ออกมากัน แต่ก็มีรถขนส่ง รถโบลท์ รถแกร็บ” เธอกล่าว “ส่วนมาก (ฝุ่น) ก็มากับรถนั่นแหละ รถขนส่งควันดำเยอะไปหมด””

“เด็ก” เสี่ยงหลายอาการแทรกซ้อนจาก PM2.5

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นพ.ธานินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุข ถึงผลกระทบของ PM2.5 ที่มีต่อเด็ก หลังจากที่มีโซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพเด็กเ-ือดกำเดาไหล ในช่วงสถานการณ์ฝุ่นรุนแรง โดยระบุว่า เด็กวัยที่ชอบเล่นกลางแจ้งและมีภาวะโดนฝุ่น PM2.5 มากกว่าปกติ ไม่ใช่แค่ต้องระวังเ-ือดกำเดาไหล แต่ต้องระวังอาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย

“ที่เราต้องระวังไม่ใช่แค่โรคเดียวนะครับ ที่บอกว่าเฉพาะโรคเ-ือดกำเดาไหล ยังมีอวัยวะอื่นที่สำคัญ ก็คือเรื่องโรคทางเดินหายใจอักเสบ หายใจลำบาก แสบจมูก เ-ือดกำเดาไหล ไอ มีเสมหะ แล้วก็มีผิวหนังอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ” นพ.ธานินทร์ เปิดเผยในการแถลงข่าว

รองอธิบดีกรมการแพทย์ ยังเปิดเผยอีกว่า อาการเ-ือดกำเดาไหลในเด็ก เกิดจากการฉีกขาดของหลอดเ-ือดฝอยในโพรงจมูก ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นในที่สภาพอากาศเย็นและแห้งอยู่แล้ว โดยเด็กที่มีภาวะภูมิแพ้หรือไข้หวัด จะมีภาวะเ-ือดกำเดาไหลออกง่ายกว่าปกติ ซึ่งวิธีการป้องกัน ควรหลีกเลี่ยงการแคะจมูก การจามแรง ๆ และการสัมผัสมลพิษ รวมถึงควันบุหรี่และ PM2.5

.สอบถามผู้นำชุมชนวัดดวงแข พบว่ายังไม่มีเด็กในชุมชนที่มีอาการเ-ือดกำเดาไหล มีเพียงอาการเล็กน้อย เช่น เจ็บคอ ไอ โดยที่ระบุสาเหตุไม่ได้ว่ามาจากฝุ่นหรือไม่ ขณะที่มาตรการปิดโรงเรียน กรุงเทพมหานคร ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ปกครองเด็กในชุมชนก็ยังมีความเห็นที่หลากหลายว่าสามารถช่วยป้องกันลูกจากฝุ่นได้จริงหรือไม่

“ก็คิดว่าช่วยได้นะ เพราะว่าโรงเรียนก็เป็นที่กลางแจ้ง” ลัดดา ลังสุวรรณ กล่าวกับ. เธอเป็นแม่บ้าน ช่วงที่สามีไปทำงาน ก็ยังมีเธอที่อยู่ดูแลลูกที่ไม่ได้ไปโรงเรียนได้ “คิดว่าถ้าครูคุม นักเรียนเยอะ ๆ จะคุมได้ไหม ก็คุมไม่ได้ เราอยากให้ลูกเรียนเพราะว่ามันใกล้จะปิดเทอมแล้วก็ต้องสอบต้องติว ในความรู้สึกนะ แต่ถ้าครูเปิดก็ให้ไป ไม่ได้ว่าอะไร”

ขณะที่ ขาวพร ศรีประเสริฐ ที่มีลูกสาวอายุ 10 ขวบ มองว่า ให้ลูกอยู่ที่โรงเรียนจะปลอดภัยจากฝุ่นมากกว่า เพราะหากให้อยู่ที่บ้าน เธอก็ต้องออกไปค้าขาย ไม่มีใครดูแล “นี่มันเล่นกันอย่างนี้หนูว่ามันก็ไม่ปลอดภัยนะ” ขาวพร ชี้ไปยังเด็ก ๆ ที่จับกลุ่มกันนั่งเล่นบนถนนในซอย โดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ” หนูว่าอยู่โรงเรียนปลอดภัยกว่า เพราะว่าอยู่โรงเรียนก็อยู่ในห้อง ครูไม่ให้ออกไปไหน… ในโรงเรียนครูเขาบังคับให้เด็กใส่แมสก์กันทุกคนนะ แต่ออกมาอย่างนี้ใส่ไหมเนี่ย” เธอพูดพร้อมหัวเราะ

“ห้องเรียนปลอดฝุ่น” vs “ทุกห้องปลอดฝุ่น”

ก่อนหน้านี้กรุงเทพมหานคร มีความพยายามจะทำ “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” ให้โรงเรียนในสังกัด โดยมีความพยายามจะของบประมาณจากสภา กรุงเทพมหานคร มาตั้งแต่ปี 2566 แต่ถูกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ตัดงบ โดย สก. บางส่วนอภิปรายตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณ และมองว่าการจัดซื้อเครื่องปรับอากาศเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกวิธี

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ ได้รับการผ่านงบประมาณในปีถัดมา โดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยล่าสุดวานนี้ (26 ม.ค) ว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีการปรับปรุงทุกโรงเรียนในสังกัด กรุงเทพมหานคร ให้มีห้อง actual zone เป็นห้องใหญ่ที่ติดแอร์และเครื่องกรองอากาศ ส่วนห้องเรียนปลอดฝุ่นสำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลนั้น ได้ปรับปรุงเสร็จแล้ว 744 ห้อง จากห้องเรียนอนุบาลทั้งหมด 1,966 ห้อง ใน 429 โรงเรียน กรุงเทพมหานคร ที่มีชั้นอนุบาล ซึ่งจะทำให้เสร็จทั้งหมดภายในปีนี้

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังระบุถึงมาตรการต่าง ๆ ในการแก้ปัญหา PM2.5 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า กรุงเทพมหานคร มีหลายโครงการที่ทำมานานแล้วเพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่เพิ่งมาทำเมื่อมีฝุ่น อาทิ โครงการนักสืบฝุ่น ที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2565, โครงการรถคันนี้ลดฝุ่น ที่เริ่มช่วงรอบ 2 ของโครงการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567, การตรวจฝุ่นจากต้นตอที่ตรวจมาโดยตลอดนับตั้งแต่ ต.ค. 2565 จนถึงปัจจุบัน, รวมถึงโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ระบุด้วยว่า การดำเนินการในหลายด้านสำหรับควบคุมฝุ่น PM2.5 กรุงเทพมหานคร ไม่ได้มีอำนาจ 100% ซึ่งมีการทำแนวทางเสนอรัฐบาลเพื่อให้มีอำนาจในการทำงานในหลายประเด็น แต่ยังไม่ได้รับตามข้อเสนอ

ด้าน เสาวรัตน์ ประดาห์ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กดวงแข มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก ที่ทำงานกับชุมชนมาเป็นเวลากว่า 16 ปี มองว่าการมีห้องเรียนปลอดฝุ่น หรือมีพื้นที่ปลอดฝุ่นให้เด็กอยู่ในชุมชน ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดี แต่เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายทาง

“ห้องปลอดฝุ่นมันก็ดูสวยดูดีเนาะ แต่ว่าความเป็นจริงมันเป็นไปได้แค่ไหน มันก็ต้องดูว่า แล้วเด็กอยากจะไปอยู่ในห้องปลอดฝุ่นนั้นทั้งวี่ทั้งวันไหม ถ้าบอกว่ามีห้องนี้ปลอดฝุ่นนะ เด็กจะเข้าไปจริงไหม เข้าไปแล้วใช้ชีวิตยังไง” เสาวรัตน์ตั้งคำถาม “มันไม่ใช่แค่พัฒนาการ มันคือธรรมชาติของเด็ก ที่เขาต้องได้ออกไปเจอโลก ไม่ใช่ตื่นเช้ามาแล้วไปเจอห้องสี่เหลี่ยม อันนั้นเหมือนมันจำกัดการเรียนรู้ด้วย” เธอกล่าว

เสาวรัตน์ เปิดเผยว่า การทำงานของศูนย์พัฒนาเด็กดวงแข คือเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนในชุมชนให้เข้ามา “เล่น” โดยใช้การเล่นเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเด็ก เพื่อให้เด็กได้สำรวจความสนใจของตนเอง และเรียนรู้พัฒนาศักยภาพตามความสนใจ พร้อมปลูกฝังให้เด็กมีความรักในชุมชนและต้องการพัฒนาย่านชุมชนที่ตัวเองอยู่ เธอเล่าว่าช่วงที่ฝุ่นหนัก ๆ สิ่งที่ศูนย์ฯ ทำได้คือประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ให้เด็กใส่หน้ากากอนามัย

ที่มาของภาพ : Nongnapat Patcham/BBC Thai

“เราก็มีแมสก์แบบเบสิคเลย แมสก์เด็กทั่วไป ถ้ามีการสนับสนุนอะไรก็จะให้ป้า ๆ ผู้นำชุมชน เขาจัดสรรให้เด็ก… ใส่ไปช่วงแรกก็โอเค บางทีเล่นไปหลุด ก็มาว่ากันอีกที” เสาวรัตน์กล่าว เธอเปิดเผยว่า แม้จะมีหน้ากากอนามัยให้ แต่เด็กก็ไม่ค่อยชอบใส่เพราะทำให้หายใจไม่สะดวก ขณะที่คนในชุมชนก็ยังไม่ค่อยพูดถึงความกังวลต่อผลกระทบจากฝุ่นในระยะยาว มีเพียงพูดถึงอาการที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เช่น แสบจมูก คันคอ แสบตา

“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ไม่เชื่อรัฐจะแก้ฝุ่นได้

เมื่อ 25 ม.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่าเป็น “วาระของอาเซียน” โดยพูดถึงความสำคัญในการลดปริมาณการเผาซึ่งเป็นต้นตอหนึ่งของฝุ่น พร้อมสั่งให้ทุกกระทรวงในไทยต้องมีมาตรการ ส่วนในต่างประเทศต้องมีการพูดคุยขอความร่วมมือ ซึ่งมีการพูดคุยกันเรียบร้อยแล้วกับประเทศที่มีการเผา ขณะที่มาตรการเร่งด่วนอื่น ๆ ของรัฐบาล เช่น การให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี ที่ใช้งบฯ 140 ล้านบาท อุดหนุน

โดยวันนี้ ( 28 ม.ค.) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี มีการเปิดเผยจาก นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ว่า นายกรัฐมนตรีจะมีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม. เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น หมอกควัน และ PM2.5 เพิ่มเติมในแต่ละกระทรวงด้วย

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “พรรคเพื่อไทย” เปิดเผยในช่วงสัปดาห์ก่อน ถึงความคืบหน้าการเสนอร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด โดยอ้างอิงลิ้งก์ข่าวจากข่าวสดออนไลน์ ระบุว่า นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เปิดเผยว่าการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวคืบหน้าไปแล้ว 85% โดยมีการพิจารณาครบทุกมาตราแล้ว แต่ยังมีประเด็นที่ต้องมีการลงมติในรายละเอียดบางเรื่องซึ่งยังมีความเห็นต่างกันอยู่ ซึ่งหากไม่สะดุดอะไร ประกอบกับสถานการณ์ที่วิกฤต เขาหวังว่าร่างกฎหมายนี้จะเป็นวาระเร่งด่วนเข้าสภาฯ ในวาระ 2 และ 3 ได้ ในช่วงเดือน ก.พ. นี้

มุมมองของผู้นำชุมชนวัดดวงแข แม้ภาครัฐจะดูมีท่าทีที่ “ขึงขัง” ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นในรอบนี้ แต่พวกเขายังไม่เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง

“จะให้เขาเข้ามา ในความรู้สึกป้า เขาไม่เข้ามาง่าย ๆ นะลูก เขาจะมาก็นโยบายของเขาที่เขาอยากจะทำ งานแบบนี้เขาไม่ได้มาเห็นความสำคัญนะถ้าพูดกันเรื่องจริง” รัศมี บอกกับ. เมื่อเราถามว่าอยากให้ภาครัฐช่วยแก้ปัญหาฝุ่นอย่างไร “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เธอกล่าว

“ถ้าพูดถึงหน่วยงานรัฐมันก็เหมือนกับว่าจะพึ่งพาไม่ค่อยได้” ติ๋ม กล่าวเสริม “ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ต้องสร้างพื้นที่ของตัวเองว่าอยากจะอยู่อย่างไร”

ผู้นำชุมชนทั้ง 2 คน ยกตัวอย่างตอนที่ชุมชนเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ที่กล้าเข้ามาในชุมชน แต่เป็นกลุ่มอาสาสมัครในชุมชนกันเองที่คอยเข้าไปแจกข้าวของต่าง ๆ ตามบ้าน และตรวจสอบจำนวนผู้ป่วยกันเอง

“รัฐบาลหรอ พูดตรง ๆ นะ รัฐบาลยังมองไม่เห็นเลยว่าจะช่วยยังไง ยังไม่เห็นรัฐบาลลงมาดูแลลงมาอะไรเลย” ขาวพร ผู้อาศัยในชุมชน ระบุ “หนูก็ไม่รู้ เพราะยังไม่รู้เหตุการณ์ข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร แต่เท่าที่รู้คือยังไม่เห็นว่าจะแก้อะไรได้เลย ปีหน้าหรือปีนี้ไม่รู้ว่าเค้าจะแก้ยังไง จะทำได้ไหมเราก็ยังไม่รู้ แต่เท่าที่รู้คือกี่ปีมาแล้วก็ยังไม่เห็นจะแก้อะไรได้เลย” เธอกล่าว

” มันอยู่ที่ความจริงจังและจริงใจในการจัดการ ถ้าเรารู้ว่ามันมาจากไหนแล้วเราจริงจังที่เราจะทำ อย่างนั้นเราทำตั้งแต่ต้นทาง พี่คิดว่ามันน่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้” หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กดวงแข ให้ความเห็น “เราเจอวิกฤตกันทุกครั้ง แล้วเราก็เจอการแก้ปัญหาที่เรารู้สึกว่ามันไม่ได้เห็นผลอะไรเท่าไหร่ คือก็ยังดีที่ได้ขยับบ้าง”

“มันไม่ใช่บอกเพียงว่าพยายามจะแก้ การพยายามเราก็พยายามกันทุกปีแหละ ทุกคนก็พยายาม แต่มันไม่ข้ามความพยายามไปสักที” เธอกล่าว