ทหารรัสเซียหนีทัพ ราคาที่ต้องจ่ายจากการหนีสงครามของปูติน
Article records
- Creator, นีนา นาซาโรวา
- Role, บีบีซีนิวส์ ภาษารัสเซีย
รายงานข่าวสืบสวนของบีบีซีนิวส์ แผนกภาษารัสเซีย พบว่าศาลรัสเซียได้เปิดการพิจารณาคดีจำนวนมากเกี่ยวกับทหารหนีทัพหรือไม่กลับมาปฏิบัติหน้าที่หลังลากลับบ้าน นอกจากนี้ ยังพบว่ากำลังพลที่หนีราชการหลายคนได้หลบซ่อนตัวอยู่กับญาติ ซึ่งเสี่ยงทำให้พวกเขาถูกดำเนินคดีไปด้วย
เมื่อเช้าวันที่ 23 มี.ค. 2023 ที่หมู่บ้านในภูมิภาคสตาฟรอปอล ทางตอนใต้ของรัสเซีย ชายหนุ่มชื่อดมิทรี เซลิจิเนนโก ได้ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งแฟนสาวเพื่อชำระบิลค่าใช้จ่ายที่สำนักงานของหน่วยงานท้องถิ่น
หกเดือนก่อนหน้านั้น เขาถูกเกณฑ์ทหารให้ไปรบในยูเครน ภายใต้การระดมพลของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และภายในเดือน มี.ค. ของปีนั้น เขาควรจะกลับไปอยู่ที่แนวหน้าแล้ว
แต่เซลิจิเนนโกไม่ได้กลับไปที่หน่วยทหารหลังจากลาพักรักษาตัวเป็นเวลา 10 วัน และตอนนี้เขาได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทางการรัสเซียต้องการตัว
ขณะขับรถผ่านหมู่บ้าน อังเดร โซเวอร์เชนนอฟ อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนซึ่งตอนนี้เป็นตำรวจ ได้พบตัวเซลิจิเนนโก
โซเวอร์เชนนอฟได้แจ้งตำรวจทหาร และไม่นานหลังจากนั้น มีชายสามคนพยายามจับกุมเซลิจิเนนโก ขณะที่เขากำลังรอแฟนสาว
เซลิจิเนนโกติดต่อแม่และพ่อเลี้ยงของเขา ซึ่งขับรถมาที่หมู่บ้านเพื่อช่วยเหลือ ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมีการบอกเล่าในสองเวอร์ชันที่ต่างกัน
ตามการเปิดเผยของตำรวจ นายอเล็กซานเดอร์ กรัคฮอฟ พ่อเลี้ยงของนายเซลิจิเนนโก จับไปที่กุญแจมือของโซเวอร์เชนนอฟ พร้อมตะโกนว่า “จับผมแทน” จากนั้นตำรวจก็อ้างว่า เขาถูกผลักลงไปที่พื้นและถูกทุบตี
ในเวอร์ชันเรื่องเล่าของครอบครัว นายอเล็กซานเดอร์ กรัคฮอฟ อ้างว่าเขาถูกผลักลงไปที่พื้นและถูกตีหลังจากเรียกร้องขอดูหมายจับที่มีต่อลูกเลี้ยงของเขา
ทั้งสองคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และนายกรัคฮอฟถูกตั้งข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา
ส่วนนายเซลิจิเนนโก กระโดดขึ้นรถของพ่อแม่และขับออกไป
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างร้อนแรงในกลุ่มสนทนาทางโซเชียลมีเดียของคนในหมู่บ้าน
ครอบครัวของเซลิจิเนนโกกล่าวว่า ลูกชายของพวกเขาไม่ควรถูกเกณฑ์ทหาร พวกเขากล่าวว่า เซลิจิเนนโกไม่ได้รับการตรวจสุขภาพอย่างเหมาะสมเพื่อดูว่าเขาพร้อมสำหรับการเป็นทหารหรือไม่ และต่อมาเขาถูกส่งไปที่แนวหน้า แม้ว่าจะมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก
ในเดือน ม.ค. 2023 เซลิจิเนนโกมีอาการบาดเจ็บจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดและได้รับอนุญาตให้หยุดพัก สองวันหลังจากที่เขากลับถึงบ้าน เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ครอบครัวของเขาโต้แย้งว่า เซลิจิเนนโกมีสภาพร่างกายที่ไม่เหมาะกับการเป็นทหารอย่างชัดเจน และควรได้รับการประเมินจากคณะกรรมการแพทย์ทหาร
ไม่ใช่ทุกคนในกลุ่มสนทนาของหมู่บ้านที่แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเหตุผลโต้แย้งของครอบครัว ดังนั้นทางครอบครัวจึงโพสต์คำร้องขอความเห็นใจด้านล่างนี้ไปยังเพื่อนบ้านด้วย
“พวกคุณใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายในหมู่บ้านของเราที่นี่ แต่มีใครบ้างที่จะไปกับเราที่โรงพยาบาลในพีอาติโกร์ส, บูดีออนโนฟสก์ หรือรอสตอฟ เพื่อดูว่าเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัวอยู่ที่นั่นมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะตัดสินผู้อื่น ให้ลองเอาตัวเองไปใส่ในรองเท้าของแม่และลูกชายที่ต้องทนทุกข์มาอย่างยาวนาน… คุณมีสามีและลูกชายอยู่ข้าง ๆ คุณควรอธิษฐานให้สิ่งเดียวกันนี้ไม่เกิดขึ้นกับคุณ!”
ในเดือน มี.ค. 2024 อเล็กซานเดอร์ กรัคฮอฟ พ่อเลี้ยงของเซลิจิเนนโก ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายตำรวจและถูกปรับเป็นเงิน 150,000 รูเบิล (ราว 52,000 บาท)
ตอนนี้ ดมิทรี เซลิจิเนนโก ยังไม่ได้กลับไปที่หน่วยทหารและไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด ไม่มีใครต้องการให้สัมภาษณ์กับบีบีซี
“ชายทุกคนถูกพรากไปจากพวกเรา”
ห่างจากหมู่บ้านในภูมิภาคสตาฟรอปอลไปหลายร้อยไมล์ มีคดีความสองคดีที่ถูกนำขึ้นสู่ศาลในสาธารณรัฐบูเรียเตีย (Buryatia) ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งในรัสเซีย
ในศาลมีทหารคนหนึ่งชื่อ วิตาลี เปโตรฟ ซึ่งหลบหนีจากหน่วยทหารของตัวเอง และแม่ยายของเขา ลิเดีย ซาเรกอโรดต์เซวา ซึ่งพยายามหยุดไม่ให้ตำรวจท้องถิ่นจับกุมเขา
บีบีซีได้รวบรวมข้อมูลจากเอกสารศาลและคำให้การของผู้ที่คุ้นเคยกับคดีนี้ ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย
วิตาลี เปโตรฟ ชายวัย 33 ปี พ่อลูกสองจากหมู่บ้านชารัลเดย์ ถูกเกณฑ์ไปรบในยูเครนเมื่อปี 2022
ภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยากจนที่สุดของรัสเซีย ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ที่นี่มีอัตราการระดมพลสูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และยังมีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ตามการวิจัยของบีบีซีและสื่ออิสระของรัสเซียที่ชื่อว่า มีเดียโซนา (Mediazona)
ในเดือน มิ.ย. 2023 เปโตรฟหลบหนีจากโรงพยาบาลทหารที่เขาถูกส่งไปอยู่ หลังจากที่เขาขาดงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และถูกส่งกลับไปยังหน่วยต้นสังกัดในช่วงต้นปีเดียวกัน
แม่ยายของเปโตรฟกล่าวว่า ร่างกายของเขาไม่สมบูรณ์สำหรับการเป็นทหารและมีอาการปวดหัว และยังบอกศาลว่าเขาถูกทารุณและรีดไถในหน่วยทหารด้วย
อัยการทหารกล่าวว่า เปโตรฟพยายามหลีกเลี่ยงการถูกส่งกลับไปยังแนวหน้า
ตลอดช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงของปี 2023 เปโตรฟได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านแม่ยายของเขา เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในป่าที่อยู่ใกล้ ๆ และหาของป่า เช่น เม็ดสน เห็ด และผลเบอร์รี แล้วกลับบ้านตอนกลางคืนเพื่อนอนหลับ
กริโกรี สเวิร์ดลิน นักเคลื่อนไหวจากองค์กร Flee to the Forest ซึ่งให้ความช่วยเหลือทหารที่หนีทัพเพื่อออกจากประเทศ ประมาณการว่า ทหารที่หนีทัพราว 30% ยังอยู่ภายในรัสเซีย ขณะที่ส่วนที่เหลือหลบหนีไปต่างประเทศ นอกจากนี้ จากข้อมูลของมีเดียโซนา ระบุว่ามีคดีมากกว่า 13,000 คดีในศาลรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับข้อหาหลบหนีและการขาดราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในเดือน ธ.ค. 2023 ตำรวจพร้อมด้วยอาวุธได้โผล่มาที่บ้านของเขาในช่วงเวลากลางคืนเพื่อจับกุมเปโตรฟ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น มีคำบอกเล่าที่แตกต่างกันอีกครั้งจากสองฝ่าย
ซาเรกอโรดต์เซวา แม่ยายของเปโตรฟ กล่าวว่าตำรวจทุบประตูบุกเข้ามาในบ้าน ก่อนผลักเธอและหลานสาวสองคนที่กำลังหวาดกลัว ตอนที่ตำรวจกำลังเริ่มค้นหาภายในบ้าน และรื้อแผ่นปูพื้นโดยใช้ขวาน
เธอบอกด้วยว่า ตำรวจไม่ได้แสดงบัตรประชาชนหรือหมายจับให้เธอดู ซึ่งจากเอกสารที่ปรากฏในชั้นศาล ตำรวจปฏิเสธเรื่องนี้ และกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้ค้นหาหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของใด ๆ
ทั้งฝ่ายครอบครัวและตำรวจ ระบุว่าเปโตรฟปรากฏตัวออกจากที่ซ่อนในห้องชั้นใต้ดิน และลูกสาวของเขาได้วิ่งตรงไปหาเปโตรฟ
จากเอกสารของศาล ทั้งฝ่ายครอบครัวและฝ่ายตำรวจต่างกล่าวหากันเรื่องการใช้ความรุนแรงในขณะเกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะจับกุมเปโตรฟ
เขาถูกลากตัวออกจากบ้าน และตามที่ลูกสาวคนเล็กของเขาเล่า ตำรวจได้ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าทำร้ายเปโตรฟ นักสืบคดีอาชญากรรมหลักในคดีนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากการถูกน้ำร้อนลวกในระหว่างการต่อสู้
ทั้งเปโตรฟและซาเรกอโรดต์เซวาถูกดำเนินคดี เปโตรฟถูกตัดสินจำคุก 6 ปีในข้อหาขาดราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต แม่ยายของเขาถูกจำคุก 2 ปี และต้องจ่ายค่าชดเชย 100,000 รูเบิล (ราว 35,000 บาทไทย) ให้กับตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้
แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับคดีนี้บอกกับบีบีซีว่า ภรรยาของวิตาลี เปโตรฟ รู้สึกโล่งใจที่สามีของเธออยู่ในคุกและไม่กลับไปอยู่ที่แนวหน้าสนามรบ
แหล่งข่าวของบีบีซีกล่าวด้วยว่า สงครามกำลังสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท
“ชายทุกคนถูกพรากไปจากพวกเราในหมู่บ้านแล้ว ไม่มีใครที่ทำงานหนักได้หลงเหลืออยู่เลย ไม่มีใครดูแลสัตว์และเตรียมการสำหรับฤดูหนาว เด็กคนหนึ่งล้มป่วย ส่วนอีกคนหนึ่งถูกทำให้ตกใจจนหมดสติ ถ้าคุณยอมให้ฉันพูดแบบนี้ ในหลายหมู่บ้านตอนนี้ มีแต่ผู้หญิงที่รำพึงรำพันในสายลม”
แหล่งข่าวกล่าวว่า ชายหนุ่มในหมู่บ้านหลายคนรู้สึกว่าพวกเขา “ติดอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้” จากการถูกส่งไปรบ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการหรือไม่ ขณะที่ครอบครัวของพวกเขาต้องลำบากอยู่บ้านตามลำพัง
7 ปีของการหนีทหาร
อีกหนึ่งกรณีที่บีบีซีได้รับรายงาน เป็นกรณีของทหารที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด
ในเดือน ม.ค. 2023 โรแมน เยฟโดคิโมฟ จากหมู่บ้านแถบชายแดนรัสเซีย-มองโกเลีย ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ในข้อหาหลบหนีจากหน่วยทหาร
เยฟโดคิโมฟ วัย 34 ปี ซึ่งเคยถูกตัดสินลงโทษในข้อหาลักขโมยมาก่อนหน้านี้สองครั้ง ถูกเกณฑ์ทหารในเดือน ต.ค. 2022 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการระดมพลทั่วประเทศของประธานาธิบดีปูติน
เขาอยู่ในกองทัพเพียงแค่เดือนเดียว ก่อนจะหายตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตและกลับไปบ้าน เขาหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าและสมาชิกในครอบครัวซ่อนตัวเขาไว้ในห้องใต้ดินของบ้านแม่ยาย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหารจับได้และเขาถูกส่งตัวไปยังเรือนจำ
แต่ในฐานะผู้กระทำความผิดที่เคยต้องโทษ เขาถูกเสนอทางเลือกให้ไปรบในยูเครนแทนการรับโทษจำคุก เยฟโดคิโมฟรอดชีวิตจากการเป็นทหารราบในแนวหน้าเป็นเวลา 6 เดือน และตามกฎในเวลานั้น (ซึ่งเปลี่ยนไปแล้ว) เขาได้รับการปล่อยตัวและกลับบ้านในเดือน เม.ย. 2024
ครอบครัวของเยฟโดคิโมฟ กล่าวว่า 6 เดือนที่เขารบที่แนวหน้า ทำให้เขาได้การกระทบกระเทือนทางจิตใจและไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ ตอนนี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในป่า ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเคยหลบซ่อนจากตำรวจทหาร
ในฐานะทหารราบที่ถูกเกณฑ์จากเรือนจำในปี 2023 เขาได้รับการอภัยโทษและยกเลิกโทษจำคุก 7 ปีในข้อหาหนีทหาร ทว่ากลับไม่มีเอกสารที่พิสูจน์ว่าเขาเคยรบในกองทัพและได้รับบาดเจ็บจากการทำหน้าที่
ตอนนี้ทหารผ่านศึกจำนวนมากที่ถูกเกณฑ์จากเรือนจำ กำลังฟ้องร้องเพื่อนำกระทรวงกลาโหมรัสเซียขึ้นศาล เพื่อเรียกร้องการยอมรับสถานะของพวกเขา
แต่สำหรับเยฟโดคิโมฟ การเดินทาง 4 ชั่วโมง ไปยังสำนักงานคัดเลือกทหารที่ใกล้ที่สุดเพื่อพยายามจัดการเรื่องต่าง ๆ เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถทำได้
“ตอนที่ฉันไปหาเขา เขากินเหล้าไปเล็กน้อยและบอกว่า ‘บางทีฉันควรจะสมัครเป็นทหารรับจ้างบ้างไหม?’” น้องสาวของเขาบอกกับบีบีซี
“ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาไป และเขาก็กลัวที่จะไปจากฉัน เพราะเขารู้ว่าฉันเป็นห่วงเขามากแค่ไหน แต่เขาก็อยากกลับไปหากลุ่มเพื่อนทหาร เพราะบางคนกำลังจะตาย และเขาก็กังวลเกี่ยวกับเพื่อน ๆ เขากำลังทนทุกข์จากการที่เคยอยู่ที่นั่น”
คดีเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของจำนวนคดีที่กำลังถูกนำขึ้นสู่ศาลในปัจจุบัน
สถิติจากทางการแสดงให้เห็นว่า ในแต่ละเดือนในปี 2024 มีทหารราว 800 คนที่ถูกตัดสินความผิดในคดีหนีราชการ, ไม่ทำตามคำสั่ง หรือหลบหนีจากหน่วยทหารของตนเอง โดยมีเดียโซนาระบุว่า ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีก่อนและเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมสิบเท่า จากจำนวนการตัดสินลงโทษก่อนเกิดสงคราม
อย่างไรก็ตาม ไม่มีสถิติทางการที่บ่งชี้จำนวนสมาชิกในครอบครัวของทหารที่ถูกตัดสินลงโทษในข้อหาช่วยเหลือทหารที่หลบหนี
รายงานเพิ่มเติมโดย ออลกา อิฟชินา
บรรณาธิการ: ออลกา ชามินา
ภาพประกอบ: BBC Russian Visual Journalism Crew
ที่มา BBC.co.uk