ทำไมชาวอเมริกันให้โอกาสกับทรัมป์เป็นครั้งที่สอง

ที่มาของภาพ, AP

Article records

  • Writer, ซาราห์ สมิธ
  • Characteristic, บรรณาธิการประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ

นี่ต้องเป็นหนึ่งในการกลับมาทางการเมืองที่น่าตื่นตาที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ แน่ ๆ

4 ปีหลังจากที่ต้องออกจากทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะได้ย้ายกลับเข้าไปที่นั่นอีกครั้ง หลังจากที่ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนโหวตให้โอกาสที่สองกับเขา

เส้นทางการหาเสียงของทรัมป์ต้องถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เขารอดชีวิตจากการพยายามลอบสังหารสองครั้ง และคู่แข่งในตอนแรกของเขาอย่าง โจ ไบเดน ก็ต้องออกจากการแข่งขันไปเพียงไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้ง

แม้ว่าคะแนนโหวตชุดท้าย ๆ ยังคงถูกนับอยู่ แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ในรัฐสมรภูมิได้เลือกที่จะโหวตให้กับเขา โดยหลายคนชี้ว่าความกังวลหลักคือเรื่องเศรษฐกิจและผู้อพยพ

ที่มาของภาพ, AP

คำบรรยายภาพ, ทรัมป์จะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์ ที่ได้กลับเข้าทำเนียบขาวหลังจากที่แพ้การเลือกตั้งไปแล้วครั้งหนึ่ง

ชัยชนะของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากการเพลี่ยงพล้ำอย่างรุนแรง เขาปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ซึ่งเขาแพ้ให้กับไบเดน และบทบาทของทรัมป์เองในการพยายามเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งในครั้งนั้นเพื่อให้ยังได้อยู่ในตำแหน่ง ก็ยังคงถูกตรวจสอบอย่างละเอียดในวันนี้

Skip เรื่องแนะนำ and continue readingเรื่องแนะนำ

Stay of เรื่องแนะนำ

เขาโดนฟ้องหลายคดีจากที่ถูกกล่าวหาว่าไปปลุกเร้าให้เกิดการโจมตีด้วยความรุนแรงในเมืองหลวงของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 และเขาจะยังสร้างประวัติศาสตร์เพิ่มเติมด้วยการเป็นประธานาธิบดีในตำแหน่งคนแรกที่ถูกตัดสินให้มีความผิดในคดีอาญา หลังจากศาลตัดสินว่าเขามีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจ

ไม่แปลกเลยที่เขาจะเป็นหนึ่งในตัวละครทางการเมืองที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกทางความคิดมากที่สุด

ตลอดแคมเปญหาเสียง ทรัมป์ใช้วาทกรรมที่ทำให้ผู้คนโกรธแค้น เล่าเรื่องตลกขำขื่นและหยาบคาย รวมถึงข่มขู่ว่าจะล้างแค้นศัตรูทางการเมือง

การหาเสียงเรื่องเศรษฐกิจของทรัมป์นั้นโดนใจ

มีผู้คนเพียงไม่มากที่จะมีความคิดเห็นเป็นกลางได้เมื่อพูดถึงทรัมป์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ที่บีบีซีได้พูดคุยด้วยระหว่างแคมเปญหาเสียงบอกว่า พวกเขาอยากให้ทรัมป์ “หุบปากโง่ ๆ ของเขาซะ” แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมจะมองข้ามปัจจัยนี้ไป

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มนี้มองไปที่คำถามที่ทรัมป์ถามในทุกการปราศรัยมากกว่า นั่นคือ “พวกคุณมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเมื่อสองปีก่อนหรือเปล่า ?”

มีผู้คนจำนวนมากเหลือเกินที่โหวตให้ทรัมป์ ได้บอกกับเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า พวกเขารู้สึกว่าเศรษฐกิจดีกว่านี้ตอนที่ทรัมป์อยู่ในตำแหน่ง และพวกเขาก็เหนื่อยหน่ายกับการต้องหาเช้ากินค่ำแล้ว แม้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อมาจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เช่น โรคระบาดโควิด-19 แต่พวกเขาก็ยังชี้นิ้วโทษไปยังรัฐบาลของนายไบเดนที่กำลังจะหมดวาระอยู่ดี

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับผู้อพยพผิดกฎหมาย ซึ่งปรากฏว่ามีจำนวนมากสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรัฐบาลไบเดน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเหล่านี้ไม่ได้แสดงออกถึงมุมมองเหยียดเชื้อชาติหรือเชื่อว่าผู้อพยพนั้นกินสัตว์เลี้ยงของคนอื่นเช่นที่ทรัมป์และผู้สนับสนุนของเขาอ้าง คนกลุ่มนี้แค่ต้องการมาตรการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดขึ้น

ที่มาของภาพ, Getty Pictures

คำบรรยายภาพ, เนื้อหาที่ทรัมป์พูดเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผู้อพยพนั้น สอดคล้องกับความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

“อเมริกาต้องมาก่อน” ในสมัยที่สองของทรัมป์

“อเมริกาต้องมาก่อน” เป็นอีกหนึ่งสโลแกนของทรัมป์ที่ดูเหมือนว่าจะโดนใจกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผมได้ยินผู้คนทั้งจากฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายบ่นอยู่ทุกที่ทั่วอเมริกา เกี่ยวกับงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ที่ถูกจ่ายไปเพื่อสนับสนุนยูเครน โดยพวกเขามองว่าเงินจำนวนนี้จะมีประโยชน์กว่าหากนำมาใช้จ่ายในสหรัฐฯ เอง

ถึงที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถโหวตให้แฮร์ริส ที่เป็นรองประธานาธิบดีภายใต้ไบเดนมาสี่ปีได้ พวกเขาเชื่อว่าสถานการณ์ก็คงจะเป็นเหมือน ๆ เดิม และตอนนี้พวกเขาต้องการความเปลี่ยนแปลง

นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเรื่องย้อนแย้งของการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ผู้สมัครซึ่งเป็นตัวแทนของความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เคยอยู่ในตำแหน่งเมื่อสี่ปีที่แล้วนี่เอง แต่ก็มีความแตกต่างบางประการระหว่างตอนนั้นกับตอนนี้

เมื่อทรัมป์ขึ้นมามีอำนาจครั้งแรกในปี 2016 เขาเป็นคนนอกแวดวงการเมือง และอย่างน้อยที่สุดในช่วงเวลาหนึ่ง เขาก็ดึงทีมทำงานและที่ปรึกษาทางการเมืองที่มีประสบการณ์สูงมาอยู่รอบตัว ซึ่งช่วยสอนเขาและจำกัดการกระทำของของทรัมป์ แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนเขาไม่สนใจที่จะเดินตามกฎอีกแล้ว

ทีมทำงานและที่ปรึกษาเหล่านี้หลายคนได้ออกมาพูด และเรียกทรัมป์ว่าเป็นคน “ขี้โกหก”, “ฟาสซิสต์” และ “ไม่มีความเหมาะสม” คนเหล่านี้เตือนว่าถ้าทรัมป์เอาแต่คนที่จงรักภักดีมารายล้อมตัว ซึ่งเป็นสิ่งคาดว่าจะเกิดขึ้น ก็จะไม่มีใครคอยยับยั้งไม่ให้เขาทำอะไรตามความคิดสุดโต่งของตัวเองอีก

เมื่อเขาออกจากทำเนียบขาว เขาโดนฟ้องคดีอาญายาวเป็นหางว่าวจากบทบาทของเขาในการจลาจลที่เมืองหลวงเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 รวมถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับเอกสารความมั่นคงของชาติ และเงินปิดปากที่จ่ายให้กับดาราหนังโป๊

ที่มาของภาพ, AFP

คำบรรยายภาพ, คดีความที่ติดตัวทรัมป์ไม่ได้ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ เบือนหน้าจากการโหวตเขากลับเข้าทำเนียบขาว

แต่หลังจากที่ศาลสูงของสหรัฐฯ ได้ตัดสินว่าประธานาธิบดีได้รับการคุ้มครองจากการโดนฟ้องร้องอย่างสมบูรณ์หากเป็นการกระทำในฐานะประธานาธิบดี นี่จะทำให้การฟ้องร้องคดีใด ๆ ก็ตามต่อเขาในสมัยการดำรงตำแหน่งหน้าเป็นเรื่องยากมาก

และในฐานะประธานาธิบดี เขายังสามารถสั่งให้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ยุติการฟ้องคดีต่อเขาที่เกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลในวันที่ 6 ม.ค. ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการโดนจำคุก ในขณะเดียวกัน เขายังอภัยโทษให้กับผู้คนนับร้อย ๆ ที่ถูกตัดสินให้ถูกจำคุกจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับจลาจลในเมืองหลวงได้

ถึงที่สุดแล้ว ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับการนำเสนอให้ต้องเลือกอเมริกาในสองเวอร์ชันที่แตกต่างกัน

โดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่าประเทศของพวกเขานั้นเป็นชาติที่ล้มเหลว และมีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำให้มันกลับมายิ่งใหญ่ได้

ในขณะที่แฮร์ริสเตือนว่าถ้าทรัมป์ได้รับการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยอเมริกาเองจะเผชิญกับภัยคุกคามความอยู่รอด แต่เรื่องนี้ยังต้องดูต่อไปว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทรัมป์พูดในระหว่างการหาเสียงไม่ได้ทำให้ความกลัวนี้ของผู้คนบรรเทาลง

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, ชาวอเมริกันโหวตปฏิเสธแผนการสำหรับสหรัฐฯ ของแฮร์ริส

โดนัลด์ ทรัมป์ ชื่นชมผู้นำเผด็จการอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และผู้นำเกาหลีเหนืออย่าง คิม จอง-อึน ว่า “เก่งสุด ๆ ในสิ่งที่พวกเขาทำ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่”

เขาพูดเกี่ยวกับการพยายามปิดปากผู้ที่วิจารณ์เขาผ่านสื่อ เพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง เขาแสดงความคิดเห็นที่ตีความได้ว่า เขาไม่แคร์หากมีสื่อต้องถูกฆ่า

และเขาก็นำทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งที่ไม่มีหลักฐานมาพูดซ้ำและขยายความอยู่บ่อย ๆ แม้ว่าการเลือกตั้งนี้ในที่สุดแล้วจะนำเขาไปสู่ชัยชนะก็ตาม

ตอนนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะได้เห็นว่าเรื่องอะไรบ้างที่เขาพูดระหว่างแคมเปญการหาเสียง ที่เป็นเพียงการพูดไปงั้น ๆ “ก็แค่ทรัมป์ทำตัวแบบทรัมป์” และขอให้ตระหนักไว้ด้วยว่า ไม่ใช่แค่ชาวอเมริกันเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงว่าทรัมป์กำลังจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยสอง

ทั้งโลกกำลังจะได้รู้ว่า สิ่งที่เรียกว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” มีหน้าตาอย่างไร ไม่ว่าเป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากการขึ้นภาษีศุลกากร 20% สำหรับสินค้าที่จะนำเข้าไปยังอเมริกา ไปจนถึงสงครามในยูเครนและตะวันออกกลางที่เขาประกาศว่าต้องยุติ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะก็ตาม

โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถบรรลุทุกเป้าหมายที่เขาวางไว้ในการเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกได้ แต่ตอนนี้ด้วยการได้รับประกาศิตเป็นครั้งที่สอง ประกอบกับอุปสรรคขัดขวางที่น้อยลง อเมริกาและโลกจะได้เห็นกันว่าเขาทำอะไรได้บ้าง