ทำไมประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องประกาศกฎอัยการศึก
Article recordsdata
- Author, ฟราสเชส เหมา และ เจค ควอน
- Feature, บีบีซีนิวส์
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ทำให้ทั้งประเทศต้องตื่นตระหนกเมื่อคืนวันอังคาร เมื่อเขาประกาศกฎอัยการศึกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปีในเกาหลีใต้
กฎอัยการศึกของประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ถูกประกาศทางโทรทัศน์ในช่วงดึก โดยระบุถึง “กองกำลังต่อต้านรัฐ” และภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
แต่ไม่นานนัก มันก็เป็นที่ชัดเจนว่ากฎอัยการศึกดังกล่าวไม่ได้มีที่มาจากภัยคุกคามนอกประเทศ แต่เกิดจากความพยายามอย่างสิ้นหวังของเขาเองที่จะขจัดปัญหาการเมืองภายใน
มาตรการรุนแรงดังกล่าวทำให้ผู้คนนับพันมารวมตัวกันประท้วงหน้ารัฐสภาเกาหลีใต้ ในขณะที่ สส. ฝ่ายค้านได้เร่งรุดไปที่สภาเพื่อทำการลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกดังกล่าว
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาหลังจาก สส. ร่วมกันโหวตยกเลิกกฎอัยการศึกดังกล่าวได้สำเร็จ ประธานาธิบดียุนได้ปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อยอมรับมติการโหวตของ สส. และประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในที่สุด
Skip เรื่องแนะนำ and proceed readingเรื่องแนะนำ
Cease of เรื่องแนะนำ
เกิดอะไรขึ้นบ้างตลอดคืนแห่งความวุ่นวายในเกาหลีใต้
นักวิเคราะห์มองว่า ยุนกระทำการเหมือนประธานาธิบดีที่จนมุม
ในระหว่างการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อคืนวันอังคาร เขาอ้างถึงความพยายามของฝ่ายค้านในการบ่อนทำลายรัฐบาลของเขา ก่อนที่จะบอกว่าเขาประกาศกฎอัยการศึกเพื่อ “ทำลายกองกำลังต่อต้านรัฐที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายในสาธารณรัฐเกาหลี”
กฎอัยการศึกที่เขาประกาศทำให้ทหารขึ้นมามีอำนาจเต็ม โดยทหารและตำรวจเต็มเครื่องแบบถูกส่งไปที่อาคารสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมถึงมีเฮลิคอปเตอร์หลายลำบินลงจอดบนหลังคาของอาคารสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย
สื่อท้องถิ่นของเกาหลีใต้ยังได้แสดงภาพกองกำลังติดอาวุธสวมหน้ากากเข้าไปในอาคารสภาฯ ด้วย ในขณะที่เจ้าหน้าที่สภาพยายามแข็งขืนไม่ให้กองกำลังเหล่านี้เข้าไปด้วยการใช้ถังดับเพลิงฉีดใส่
ราว 5 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีใต้ (ประมาณ 3 ทุ่มตามเวลาประเทศไทย) กองทัพเกาหลีใต้ได้ออกคำสั่งห้ามการชุมนุม รวมถึงห้ามกิจกรรมทางการเมืองทุกประเภท ทั้งกิจกรรมของรัฐสภาและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ รวมถึงประกาศให้สื่อและสิ่งพิมพ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล
แต่เหล่านักการเมืองในเกาหลีใต้ได้ออกมาประกาศแทบจะในทันทีว่า การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุนนั้นไม่ถูกกฎหมายและละเมิดรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคพลังประชาชนหรือพีพีพี (Folk Energy Celebration – PPP) ซึ่งเป็นพรรคฝั่งอนุรักษนิยมของประธานาธิบดียุนเอง ได้ออกมาบอกว่าการประกาศกฎอัยการศึกของนายยุนครั้งนี้เป็น “การเดินหมากที่ผิดพลาด”
ในขณะเดียวกัน ผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง ลี แจ-มยอง จากพรรคประชาธิปไตยหรือดีพี (Democratic Celebration – DP) ได้เรียกให้ สส. ของพรรคมารวมตัวกันที่รัฐสภาเพื่อโหวตคว่ำประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าว
เขายังได้เรียกร้องให้ประชาชนชาวเกาหลีใต้มาชุมนุมประท้วงที่หน้ารัฐสภาด้วย
“รถถัง รถหุ้มเกราะ และทหารติดอาวุธจะปกครองประเทศนี้… พลเมืองร่วมชาติของผม โปรดมารวมตัวกันที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ”
มีผู้คนหลายพันคนที่ตอบรับคำเรียกร้องดังกล่าว และเร่งรุดไปรวมตัวกันด้านนอกอาคารรัฐสภาซึ่งในขณะนั้นเต็มไปด้วยกองกำลังที่มารักษาความสงบ เหล่าผู้ประท้วงตระโกนว่า “ไม่เอากฎอัยการศึก!” และ “เผด็จการจงพินาศ”
สื่อท้องถิ่นของเกาหลีใต้ที่ถ่ายทอดสถานการณ์จากด้านหน้าอาคารรัฐสภา แสดงให้เห็นว่ามีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด้านหน้ารั้ว และแม้ว่าทหารจะปรากฏตัวอยู่ด้วย แต่ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้บานปลายไปสู่ความรุนแรง
ในที่สุดเหล่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติของเกาหลีก็สามารถเข้าไปภายในอาคารรัฐสภาได้ โดยบางส่วนต้องปีนรั้วเข้าไป
หลังเวลาตี 1 ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่นไม่นาน รัฐสภาเกาหลีใต้ก็ได้ลงมติด้วยคะแนน 190 เสียง (สภานิติบัญญัติแห่งชาติเกาหลีมีสมาชิกทั้งสิ้น 300 คน) ตีตกการประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าวของประธานาธิบดียุน ซึ่งทำให้การประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าวของเขาเป็นโมฆะไป
กฎอัยการศึกมีนัยสำคัญแค่ไหน ?
กฎอัยการศึกจะทำให้ประเทศตกอยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพเป็นการชั่วคราวเมื่อประเทศอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งการปกครองโดยพลเรือนอาจไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
ครั้งสุดท้ายที่กฎอัยการศึกถูกประกาศในเกาหลีใต้คือเมื่อปี 1979 โดยในตอนนั้นผู้นำเผด็จการทหาร พัก จอง-ฮี (Park Chung-hee) ได้ถูกลอบสังหารระหว่างเกิดรัฐประหาร
กฎอัยการศึกไม่เคยถูกประกาศเลยแม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่ประเทศได้กลายเป็นระบบรัฐสภาในปี 1987
แต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดียุนได้ประกาศกฎอัยการศึกเป็นครั้งแรก โดยระบุว่าเขาพยายามปกป้องเกาหลีใต้จาก “กองกำลังต่อต้านรัฐ”
ประธานาธิบดียุน ซึ่งมีจุดยืนแข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือกว่าประธานาธิบดีคนก่อน ๆ ได้กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองว่าเป็นพวกที่เห็นอกเห็นใจเกาหลีเหนือ โดยที่ไม่ได้ให้ข้อมูลหลักฐานใด ๆ
ภายใต้กฎอัยการศึก กองทัพจะมีอำนาจพิเศษ และโดยทั่วไปสิทธิพลเมือง รวมถึงการปกครองด้วยกฎหมายตามปกติจะถูกระงับไว้ชั่วคราว
แม้ว่ากองทัพเกาหลีใต้จะประกาศห้ามการทำกิจกรรมทางการเมืองและสื่อ แต่ผู้ประท้วงและนักการเมืองเกาหลีก็ปฏิเสธคำประกาศดังกล่าว นอกจากนี้ ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ด้วยว่ารัฐบาลได้เข้าควบคุมสื่อแล้ว โดยสำนักข่าวยอนฮัป ซึ่งเป็นช่องโทรทัศน์ระดับชาติ รวมถึงสำนักข่าวอื่น ๆ ยังคงรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ
เหตุใดประธานาธิบดียุนจึงรู้สึกกดดัน ?
ประธานาธิบดียุนชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธาธิบดีในเดือน พ.ค. 2022 โดยเขาเป็นพวกอนุรักษนิยมขนานแท้ แต่เขาก็กลายเป็นประธานาธิบดีเป็ดง่อยที่ทำอะไรแทบไม่ได้นับแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เมื่อฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งแบบแลนสไลด์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกาหลีใต้เลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติแยกกัน ไม่เหมือนระบบรัฐสภาไทย – ผู้แปล)
นับแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือน เม.ย. รัฐบาลของนายยุนก็ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายที่ต้องการได้อีก และทำได้เพียงใช้สิทธิวีโตยับยั้งกฎหมายที่ผ่านสภาโดยฝ่ายค้านที่เป็นฝั่งเสรีนิยม
ผลสำรวจคะแนนความนิยมของเขายังตกต่ำลงด้วย ล่าสุดอยู่ที่ประมาณแค่ 17% โดยในปีนี้เขาได้เผชิญกับเรื่องราวคอร์รัปชันอื้อฉาวหลายเรื่อง โดยหนึ่งในนั้นคือการที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้รับของขวัญเป็นกระเป๋าดิออร์ และอีกกรณีหนึ่งเกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้น
เดือนที่แล้ว ประธานาธิบดียุนต้องออกมาขอโทษผ่านทางโทรทัศน์ พร้อมบอกว่าเขาได้ตั้งทีมขึ้นมาตรวจตราหน้าที่ความรับผิดชอบต่าง ๆ ของสตรีหมายเลขหนึ่งแล้ว กระนั้นเขายังคงปฏิเสธไม่ให้มีการสอบสวนที่ลึกกว่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคฝ่ายค้านเรียกร้อง
และในสัปดาห์นี้เอง ฝ่ายค้านได้เสนอตัดงบประมาณประจำปีของรัฐบาลลงอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวประธานาธิบดีไม่มีอำนาจวีโตยับยั้ง
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านได้เดินหน้ากล่าวโทษเพื่อถอดถอนรัฐมนตรีบางคน รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ หลายคนในรัฐบาลของนายยุนออกจากตำแหน่ง ซึ่งนี่รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบบัญชีของรัฐบาลเกาหลีใต้ ฐานล้มเหลวในการสืบสวนกรณีที่เกี่ยวข้องกับสตรีหมายเลขหนึ่งด้วย
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุนเกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด และในช่วงเวลากว่า 6 ชั่วโมง ทั้งประเทศตกอยู่ในความสับสนว่ากฎอัยการศึกดังกล่าวมีนัยอย่างไรบ้าง
แต่พรรคฝ่ายค้านก็สามารถไปรวมตัวกันที่รัฐสภาได้อย่างรวดเร็ว และมีจำนวนเสียงมากพอที่จะโหวตคว่ำการประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าว
และแม้ว่าจะมีทหารและตำรวจปรากฏตัวอยู่มากมายในกรุงโซล แต่ดูเหมือนว่าการยึดกุมโดยกองทัพไม่ได้เกิดขึ้น
ภายใต้กฎหมายของเกาหลีใต้ รัฐบาลจะต้องยกเลิกกฎอัยการศึกหากเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาโหวตไม่เห็นชอบ
กฎหมายฉบับเดียวกันยังระบุด้วยว่า การจับกุม สส. ด้วยกฎอัยการศึกนั้นไม่สามารถทำได้
แต่ในขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อประธานาธิบดียุนต่อไปคืออะไร ทั้งนี้ ผู้ประท้วงบางส่วนที่รวมตัวกันด้านนอกอาคารรัฐสภาเมื่อคืนวันอังคารได้ตะโกนว่า “จับตัว ยุน ซอก-ยอล!”
แน่นอนว่าการกระทำที่หุนหันพลันแล่นของประธานาธิบดียุนทำให้ทั้งประเทศตะลึงงัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชาวเกาหลีใต้เองมองว่าตนเองเป็นประเทศประชาธิปไตยสมัยใหม่ที่รุงเรือง และเดินมาไกลจากช่วงเวลาที่เป็นเผด็จการมากแล้ว
หลายฝ่ายมองว่านี่เป็นความท้ายทายที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่เกิดขึ้นกับสังคมประชาธิปไตยแห่งนี้
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า เหตุการณ์นี้กระทบชื่อเสียงของเกาหลีใต้ในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตย มากกว่าเหตุการณ์จลาจลในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 เสียอีก
“การประกาศกฎอัยการศึกของนายยุนเป็นทั้งความเลยเถิดทางกฎหมายและการคำนวณผิดพลาดทางการเมือง และทำให้เศรษฐกิจและความมั่นคงของเกาหลีใต้ตกอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” ลีฟ-อีริค อีสลีย์ จากมหาวิทยาลัยอีฮวาในกรุงโซล กล่าว
“เขาดูเหมือนนักการเมืองจนตรอก ที่พยายามดิ้นรนท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวที่ท่วมท้น อุปสรรคในเชิงสถาบัน และเสียงเรียกร้องให้ถอดถอนจากตำแหน่ง ซึ่งทั้งหมดนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นต่อจากนี้”
และอย่างที่ประธานสภาฯ ของเกาหลีใต้ได้กล่าวเมื่อวันพุธว่า “เราจะปกป้องประชาธิปไตยร่วมกับประชาชน”
ที่มา BBC.co.uk