‘ธีรัจชัย พันธุมาศ' ชี้ที่ดิน ‘เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่' ของ ‘แพทองธาร-คนในครอบครัว' ตั้งในพื้นที่ต้นน้ำ-ได้โฉนดมิชอบด้วยกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคประชาชน กล่าวอภิปรายในประเด็นการได้มาที่ดินของโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายธีรัจชัย พันธุมาศ กล่าวอภิปรายถึงประเด็น โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ฯ ของน.ส.แพทองธาร และครอบครัว ที่อยู่ใกล้สนามกอล์ฟแรนโชชาญวีร โดยในบัญชีทรัพย์สินระบุว่า น.ส.แพทองธาร ถือหุ้นใหญ่สุด 20 ล้านหุ้น น.ส.แพทองธารเป็นทั้งเจ้าของและกรรมการบริษัทตั้งแต่ปี 2566 ก่อนจะลาออกมาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ ห่างกับโรงแรมเทมส์ วัลลีย์เขาใหญ่สิบกว่ากิโลเมตร
“หากที่ดินสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ ผิดกฎหมายรุกที่ สปก. จริง ที่ดินที่อยู่ใกล้กันอาจเป็นที่ดินผิดกฎหมายก็เป็นได้ ผมจึงไปขุดค้นข้อมูลต่อว่านายกฯและคนในครอบครัวทำผิดกฎหมายได้โฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อตรวจสอบพบมีหลายเรื่องดังนี้” นายธีรัจชัย กล่าว
นายธีรัจชัย กล่าวว่า 1.ที่ดิน เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ มี 4 แปลง ทุกแปลงมีโฉนดได้แก่ โฉนด 22054 76046 76047 และ 76048 ในตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แม้ที่ดินจะมีโฉนดจริงจะผิดกฎหมายได้อย่างไร แต่ก็มีกรณีของเขากระโดงเป็นตัวอย่าง โฉนดที่ดินที่ไปออกในพื้นที่ที่ห้ามออกโฉนด ก็โดนเพิกถอนโฉนดภายหลังได้
2.พื้นที่โรงแรมของนายกฯ ได้โฉนดมาถูกต้องหรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินก่อนที่นายกฯจะได้มา เดิมเป็นที่ดินของนิคมสร้างตนเองลำตะคลอง หรือโครงการที่รัฐบาลสมัยก่อนจัดสรรให้ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยและทำกิน กรณีนิคมสร้างตนเองลำตะคลองเริ่มจากรัฐบาลจะสร้างเขื่อนลำตะคลองจึงอพยพประชาชนมาที่นิคมข้างต้นในปี 2513 โดยให้ที่ดินทำกินคนละไม่เกิน 50 ไร่ และพ.ร.บ.ที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ระบุว่า ถ้าประชาชนในนิคมถือครองที่ดินครบ 5 ปีก็สามารถออกเอกสารสิทธิ์หนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตนิคมสร้างตนเอง หรือ น.ค.3 ได้ ถ้าทำตามที่กฎหมายกำหนดครบถ้วนก็เอา น.ค.3 ไปเปลี่ยนเป็น นส.3 หรือโฉนดได้ เมื่อออกโฉนดได้ก็สามารถซื้อขายได้ แต่หลักการนี้มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย
3.ข้อมูลจากแผนที่ของ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) :GISTDA จัดทำเพื่อตรวจสอบการบุกรุกป่าในพื้นที่เขาใหญ่ในปี 2558 โดยพื้นที่ในกรอบสีแดงเป็นพื้นที่ของนิคมสร้างตนเองลำตะคลอง ส่วนบริเวณสีขาวที่อยู่ในกรอบสีแดงถูกกันไว้เป็นพื้นที่ต้นน้ำ โดยมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2514 ให้สงวนไว้ไม่ให้เข้าครอบครองทำประโยชน์และไม่ให้ออกเอกสารสิทธิ์ใด ๆ
4.เมื่อมาดูว่าพื้นที่โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ จะพบว่า โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ (หมายเลข 4) อยู่ในบริเวณสีขาว อีกทั้งพื้นที่ที่อยู่รอบ ๆ โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เป็นพื้นที่ต้นน้ำ และยังติดกับพื้นที่ของ สปก. ปัจจุบันมีถนนคั้นระหว่างที่ดิน สปก.กับโรงแรทเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่
5.เมื่อนำเลขโฉนด 22054 ก่อนที่จะมีการแบ่งเป็น 4 แปลงไปค้นในระบบ landmaps ของกรมที่ดิน เพื่อหาค่าพิกัดพบว่า ที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ ตามกฎหมายเข้าใช้ประโยชน์ไม่ได้และออกโฉนดไม่ได้
“ที่ดินในนิคมสร้างตนเองลำตะคลองออกโฉนดได้ เว้นแต่จะเป็นพื้นที่ต้นน้ำสีขาวสามแห่งในรูป ห้ามครอบครองทำประโยชน์ จึงออก น.ค.3 ไม่ได้ เมื่อออก น.ค.3 ไม่ได้ จึงออก นส.3 หรือโฉนดที่ดิน ไม่ได้เช่นกันที่ดินโรงแรมของนายกฯ อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ ไม่ควรมีใครเข้าไปทำประโยชน์ หรือออก นส.3 หรือโฉนดได้ จึงเป็นคำถามว่าโฉนดเลขที่ 22054 76046 76047 76048 ออกมาได้อย่างไร” นายธีรัจชัย กล่าว
6.เมื่อประเทศไทยเทคโนโลยีในด้านแผนที่ไม่ค่อยดี เวลาออก น.ค.3 ก็ออกโดยกรมประชาสงเคราะห์ หรือปัจจุบัน คือ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ทำหน้าที่ออกโฉนดที่ดินที่ให้ประชาชน ซึ่งตรวจสอบขอบเขตของพื้นที่ยาก ต่อมาหลังยุคสงครามเวียดนามมีเทคโนโลยีดีขึ้น จึงได้รู้ว่าที่ดินบริเวณใดบ้างออกเอกสารสิทธิ์ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อน แต่การตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่เคยออกมาทำได้ไม่ง่าย จึงใช้วิธีถ้าใครขอออกโฉนดที่ดิน พนักงานรังวัดต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าไปทับพื้นที่ป่า ต้นน้ำ หรือพื้นที่หวงห้ามหรือไม่
7.ถ้ามีที่ดินไปออกโฉนดในพื้นที่ต้นน้ำหรือพื้นที่ป่าก็สันนิษฐานได้ว่ากระบวนการออกโฉนดน่าจะไม่ชอบด้วนกฎหมาย
“ที่ดินโรงแรมแรนโช ชาญวีร์ ของนายอนุทิน บางแปลงยังเป็นนส.3 ก. อยู่เลย ครอบครัวนายอนุทินยังไม่เอาไปออกโฉนด โดยที่ดินสนามกอล์ฟของนายอนุทิน อาจจะไปทับที่ สปก. จริงก็ได้ หากวันดีคืนดีมีการนำ นส.3 ก. ของสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ไปขอออกโฉนดแล้สคอมพิวเตอร์ไปตรวจพบว่าส่วนหนึ่งทับพื้นที่ สปก. จะยุ่งนะครับ ส่วนที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ ของนายกฯ ก็คล้าย ๆ กับแรนโช ชาญวีร์ พบว่าปี 2537 คนในครอบครัวนายกฯ ไปซื้อที่ดินแปลงนี้มา ขณะนั้นเป็น นส.3 ก. เลขที่ 2583 เนื้อที่ 33 ไร่ 2 งาน 20 ตำรวจว. อ้างอิงจากสำนักข่าวอิศรา” นายธีรัจชัย กล่าว
8.หลังที่คนในครอบครัวนายกฯ ไปซื้อที่ นส.3 ก. ไปซื้อที่มาได้ 2 ปี ในปี 2539 ก็นำที่ดินแปลงนี้ไปออกเป็นโฉนดเลขที่ 22054 ตามที่ปรากฏตอนต้น ต่อมาปี 2555 ก็นำโฉนดแปลงนี้ไปแบ่งเป็น 4 แปลง ตามที่อภิปรายตอนต้น ที่ดินแปลงนี้ไม่ควรออกโฉนดได้ เพราะเมื่อรังวัดก็จะพบว่าพื้นที่อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ ยิ่งในปี 2555 เป็นยุคที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าอดีต ก็ไม่ควรออกโฉนดได้
“คำถาม คือ ทำไมถึงออกโฉนดได้ 2 ครั้ง ถ้าเป็นตาสีตาสาไปขอออกโฉนดซื่อ ๆ ในพื้นที่แบบนี้ ผมมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่กรมที่ดินไม่ออกโฉนดให้แน่ ๆ อีกทั้งถ้าเจ้าหน้าที่ทราบว่าพืเนที่เป็นต้นน้ำอาจจะส่งเรื่องไปเพิกถอนโฉนด การจะทำอย่างเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ฯ ทำไม่ได้ถ้าไม่มีอำนาจรัฐมาเกี่ยวข้อง ในช่วงที่มีการออกโฉนดโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ครั้งแรก ตรงกับช่วงที่มีอดีตรองนายกรัฐมนตรีนามสกุลชินวัตร
ต่อมาในปี 2555 ที่สามารถออกโฉนด 22054 เป็น 4 แปลง ตรงกับสมัยนายกหญิงนามสกุลชินวัตร” นายธีรัจชัย กล่าว
ต่อมาที่โฉนดดิน 4 แปลงนี้เป็นของบริษัท พีดี เขาใหญ่ จำกัด ที่มีนายกฯและคนในครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท ซึ่งตอนตั้งบริษัท พีดี เขาใหญ่ฯ คนในครอบครัวนายกฯได้นำที่ดินทั้ง 4 แปลง ไปจ่ายเงินเป็นค่าหุ้นของบริษัทมีนายกฯ ลงลายมือชื่อ ต่อมาบริษัท พีดี เขาใหญ่ฯ ได้นำที่ดินทั้ง 4 แปลงให้บริษัท เทมส์ วัลลีย์ โฮเต็ลฯ ของนายกฯและคนในครอบครัวเช่า เพื่อประกอบกิจการโรงแรมอีกต่อหนึ่ง
“ผมขอสรุปว่านายกฯและคนในครอบครัวเป็นเจ้าของโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ฯ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์และออกโฉนดไม่ได้ 10 กว่าปีที่ผ่านมานายกฯ เป็นเจ้าของและผู้บริหารโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ออกโฉนดไม่ได้ ฟังมาถึงตรงนี้ประชาชนที่ไปซื้อที่ดินบริเวณใกล้ ๆ อาจตกใจว่าอาจทำผิดกฎหมาย แต่ไม่เป็นไร เพราะสามารถเรียกค่าเสียหายจากคนที่ขายที่ดินให้ แต่นายกฯและคนในครอบครัวพวกเขาไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่เป็นผู้ที่ร่วมกันกระทำผิด เอาที่ดิน สปก.ไปออกโฉนดทั้งที่ขัดต่อกฎหมาย การกระทำเช่นนี้เป็นการทำที่ไม่เคารพกฎหมาย เอาเปรียบสังคมและประชาชน นายกฯจะเอาที่ดินต้นน้ำไปทำธุรกิจเพื่อประโยชน์ของตนเองและครอบครัวไม่ได้” นายธีรัจชัย กล่าว
นายธีรัจชัย กล่าวเพิ่มว่า นอกจากนี้นิคมสร้างตนเองลำตะคลองที่โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ยังไม่มีประกาศยกเลิกเขตนิคนสร้างตนเอง หมายความว่าที่ดินที่โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ตั้งอยู่ต้องอยู่ภายใต้พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ที่กำหนดให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้เพื่ออยู่อาศัยและทำเกษตรกรรมเท่านั้น ต่อให้ออกโฉนดมาแล้ว แล้วต้องการเอาที่ดินไปทำสนามกอล์ฟ หรืออื่น ๆ ที่ไม่ใช่การเกษตรหรืออยู่อาศัย เจ้าของที่ดินก็ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯก่อน
นอกจากนี้โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงแรมจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ ต่อให้ไปขออนุญาตภายหลังก็ไม่อาจลบล้างความผิดที่เกิดขึ้นไปแล้วได้
นายธีรัจชัย ยังกล่าวถึงประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีการชี้มูลอดีตข้าราชการกรมที่ดิน เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2567 โดยที่ดินที่ออกโฉนดผิดกฎหมายมีบริเวณที่อยู่ใก้ล ๆ กับโรงแรมเทมส์ วัลลีย์
นายธีรัจชัย กล่าวว่า และยังมีเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจโดยมิชอบอีกด้วย เนื่องจากกรณีที่สนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ของครอบครัวนายอนุทิน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นายอนุทินยังบอกว่ามีใบสั่งทางการเมืองแน่นอน แล้วใครที่ออกใบสั่งเล่นงานนานอนุทินได้ มีแต่นายกฯ หรือคนในครอบครัวที่เป็นสุดที่รักของนาสกฯที่มีอำนาจและบารมีมากพอจะเล่นงานนายอนุทินได้
“ในเมื่อนายกฯ เห็นว่าที่ดินสนอมกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ อาจจะทับที่ สปก. แต่ลืมแล้วหรือที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ออกโฉนดทับที่ต้นน้ำและทำธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตน่าจะมีปัญหาหนักว่าเสียอีก นายกฯ รู้แน่นอนแต่จงใจละเลยไม่ตรวจสอบการกระทำผิดของตนเองและคนในครอบครัว” นายธีรัจชัย กล่าว
ทั้งนี้ระหว่างการอภิปรายมีการกล่าวประท้วง 2 ครั้งโดย นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )