นักโบราณคดีพบสปาสุดหรูของไฮโซเมืองปอมเปอี ชี้เป็น “การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ”
Article records
- Author, รีเบกกา มอเรลล์ และ อลิสัน ฟรานซิส
- Feature,
- Reporting from รายงานจากเมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลี
หลังจากที่ถูกฝังอยู่ใต้เถ้าถ่านและหินภูเขาไฟหนาหลายเมตรมานานเกือบ 2,000 ปี ในที่สุดนักโบราณคดีก็ได้ค้นพบซากโบราณสถานแห่งใหม่ในเมืองปอมเปอี ซึ่งถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ในระดับที่เรียกได้ว่ามีเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปีหรือหนึ่งศตวรรษเท่านั้น
โบราณสถานแห่งใหม่ที่ขุดพบในเมืองปอมเปอี ซึ่งเคยเป็นเมืองตากอากาศที่มั่งคั่งในยุครุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมันโบราณ มีลักษณะเป็นโรงอาบน้ำหรือสปาขนาดใหญ่ที่มีการตกแต่งอย่างหรูหรา โดยนักโบราณคดีเชื่อว่ามันเป็นโรงอาบน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่ในคฤหาสน์ของคนชั้นสูง ที่มีทั้งห้องอาบน้ำร้อน, ห้องอุ่นตัว, ห้องทำความเย็น, และสระน้ำขนาดเล็ก ซึ่งล้วนประดับประดาไปด้วยผลงานศิลปะที่ประณีตงดงาม ทีมนักโบราณคดีชี้ว่าโรงอาบน้ำแห่งนี้อาจมีขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีการขุดพบมาในเมืองปอมเปอี
โรงอาบน้ำหรือสปาส่วนตัวดังกล่าว ตั้งอยู่ตรงใจกลางของคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งซากของโบราณสถานนี้ค่อย ๆ เผยตัวออกมา ระหว่างการขุดค้นที่กินเวลายาวนานถึงสองปี “นี่คือสถานที่ส่วนหนึ่งของบริเวณที่ได้รับผลกระทบจาก “ปรากฏการณ์ปอมเปอี” อย่างแท้จริง มันคงสภาพเดิมไว้จนแทบจะดูเหมือนว่า ผู้คนที่นี่เพิ่งจะพากันหลบออกไปเมื่อราวหนึ่งนาทีก่อนนี้เอง” ดร.กาเบรียล ซุกทรีเกล ผู้อำนวยการอุทยานโบราณคดีปอมเปอี กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับบีบีซี
ผลวิเคราะห์โครงกระดูกจำนวน 2 ร่าง ที่ขุดพบในบริเวณคฤหาสน์ดังกล่าว ยังเผยถึงเหตุการณ์สยดสยองที่ชาวเมืองปอมเปอีต้องเผชิญ เมื่อภูเขาไฟวิซูเวียสเกิดการปะทุครั้งรุนแรงในปีค.ศ.Seventy nine โดยโครงกระดูกร่างหนึ่งเป็นของสตรีวัยกลางคนอายุประมาณ 35-50 ปี ซึ่งมือของเธอกำเครื่องประดับอัญมณีและเหรียญทองเอาไว้ ส่วนอีกร่างหนึ่งเป็นหนุ่มวัยรุ่นซึ่งอย่างมากก็น่าจะมีอายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
ทั้งสองขังตัวเองไว้ในห้องเล็ก ๆ ขณะที่ภูเขาไฟกำลังปะทุ แต่ในที่สุดก็ไม่อาจรอดพ้นจากความตาย เพราะกระแสความร้อนไพโรคลาสติก (pyroclastic) ซึ่งประกอบด้วยก๊าซและเถ้าถ่านร้อนจัดจากปล่องภูเขาไฟ ได้ไหลบ่าและซัดเข้าถล่มตัวเมืองเหมือนกับคลื่นยักษ์สึนามิ
Skip เรื่องแนะนำ and proceed readingเรื่องแนะนำ
Discontinue of เรื่องแนะนำ
“นี่คือสถานที่แห่งโศกนาฏกรรม ทุกสิ่งที่เราขุดพบที่นี่ บอกเล่าเรื่องราวที่กระตุ้นเร้าอารมณ์ได้เหมือนดูละคร” ดร.ลูโดวิกา อะเลซเซ นักอนุรักษ์โบราณสถานประจำเมืองปอมเปอีกล่าว
ทุกวันนี้พื้นที่หนึ่งในสามของเมืองโบราณปอมเปอี ยังคงถูกฝังอยู่ใต้เถ้าถ่านและหินภูเขาไฟจากการระเบิดของวิซูเวียสในครั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม การขุดค้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในชั่วอายุของคนรุ่นปัจจุบัน ได้เผยมุมมองใหม่ที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงวิถีชีวิตของชาวโรมันโบราณอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ทีมถ่ายทำสารคดีของบีบีซีและไลออนทีวี (Lion TV) ได้ติดตามทีมขุดค้นเข้าไปบันทึกภาพการทำงานของพวกเขา เพื่อถ่ายทอดสู่ผู้ชมในสารคดีชุด “ปอมเปอี: การขุดค้นครั้งใหม่” (Pompeii: The New Dig ) โดยแสดงให้เห็นว่ามีการขุดค้น
ในย่านที่นักโบราณคดีไม่เคยแตะต้องทั้งแถบ จนพบห้องซักล้างและครัวอบขนม รวมทั้งคฤหาสน์ส่วนตัวหลังใหญ่อีกหลังหนึ่ง ซึ่งคาดว่าอาจเป็นของ ออลุส รุสติอุส วีรุส (Aulus Rustius Verus) นักการเมืองผู้มั่งคั่งร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของเมืองปอมเปอี
ดร.ซุกทรีเกลบอกว่า การค้นพบโรงอาบน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ถือเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันสถานะชนชั้นนำของนักการเมืองผู้นี้ได้เป็นอย่างดี “มีบ้านไม่กี่หลังที่มีโรงอาบน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่แบบนี้ มันเป็นสิ่งที่สุดยอดมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในหมู่คนร่ำรวยเท่านั้นที่จะมีได้ มันใหญ่มากจนอาจจะเป็นโรงอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดาคฤหาสน์ส่วนตัวของเมืองปอมเปอี”
ผู้โชคดีที่ได้เข้ามาใช้งานสปาแห่งนี้ จะต้องมาถอดเสื้อผ้าออกในห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวที่ผนังทาสีแดงสด ทั้งยังมีพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสกเป็นลวดลายเรขาคณิต ซึ่งแกะสลักจากหินอ่อนที่นำมาจากแหล่งหินต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงของจักรวรรดิโรมัน
หลังถอดเสื้อผ้าออกแล้ว ผู้ใช้โรงอาบน้ำจะมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำร้อน เพื่อแช่ตัวในน้ำอุณหภูมิสูงและผ่อนคลายในบรรยากาศที่ร้อนผ่าวเหมือนห้องซาวน่า กระแสอากาศร้อนนี้ลอยขึ้นมาจากพื้นอาคาร ซึ่งถูกแขวนให้ยกตัวอยู่โดยไม่ติดกับพื้นดิน ทำให้กระแสความร้อนเบื้องล่างไหลผ่านเข้ามาได้ ส่วนภายในผนังห้องที่มีช่องว่าง ก็ช่วยให้ความร้อนไหลเวียนถ่ายเทเข้ามาในห้องได้ดียิ่งขึ้น
ในขั้นตอนต่อไป ผู้ใช้โรงอาบน้ำจะเปลี่ยนไปทำการขัดสีฉวีวรรณผิวกาย ที่ “ห้องอุ่น” ซึ่งทาสีสันสดใส โดยชโลมน้ำมันลงบนตัว ก่อนใช้อุปกรณ์รูปโค้งคล้ายเคียวขนาดเล็กที่เรียกว่า strigil ขูดเอาขี้ไคลและสิ่งสกปรกตามตัวออกไป
เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยดีแล้ว ผู้ใช้โรงอาบน้ำจะย้ายไปที่ห้องสุดท้าย ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดและตกแต่งประดับประดาอย่างหรูหราที่สุด ซึ่งก็คือห้องเย็น (frigidtarium) ที่มีเสาสีแดงล้อมรอบ และยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังปูนเปียกหรือเฟรสโกเป็นรูปนักกีฬาด้วย ผู้มาเยือนสามารถลงอาบน้ำเย็นที่สระขนาดย่อมภายในห้องนี้ ซึ่งสระดังกล่าวใหญ่พอที่จะจุคนได้ครั้งละ 20 -30 คนเลยทีเดียว
“ในฤดูร้อนที่อากาศอบอ้าว คุณสามารถนั่งเอาเท้าแช่น้ำในสระ ขณะที่พูดคุยกับเพื่อนฝูงไปด้วย หรืออาจจะดื่มไวน์สักแก้วเพื่อคลายร้อน” ดร.ซุกทรีเกล บรรยายภาพชีวิตของชนชั้นสูงในอดีต
นอกจากโรงอาบน้ำที่เพิ่งค้นพบล่าสุดแล้ว คฤหาสน์หลังนี้ยังมีห้องจัดงานเลี้ยงที่โอ่โถง โดยผนังห้องทุกด้านทาสีดำสนิท รวมทั้งมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจจากตำนานโบราณ ซึ่งห้องจัดเลี้ยงนี้ถูกค้นพบเมื่อปีที่แล้ว ส่วนห้องเล็กที่อยู่ติดกันนั้นทาสีฟ้าอ่อนและดูมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า คาดว่าเป็นห้องทำพิธีทางศาสนา ที่คนในคฤหาสน์ใช้สวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าตามความเชื่อของชาวโรมันโบราณ
อย่างไรก็ตาม ข้าวของเครื่องใช้และวัสดุที่หลงเหลืออยู่ในโบราณสถานแห่งนี้ ชี้ว่ากำลังมีการปรับปรุงซ่อมแซมคฤหาสน์ครั้งใหญ่ โดยทีมนักโบราณคดีพบอุปกรณ์และวัสดุก่อสร้างถูกทิ้งอยู่เกลื่อนกลาดในหลายจุด เช่นในห้องสีฟ้ามีเปลือกหอยนางรมอยู่กองหนึ่ง ซึ่งคาดว่าถูกนำมาเตรียมไว้เพื่อบดเป็นผง แล้วนำไปฉาบทาผนังห้องเพื่อให้เกิดสีสันประกายเลื่อม
ถัดจากห้องสวดมนต์มีห้องแคบ ๆ ที่ปราศจากการตกแต่ง ภายในห้องมีสิ่งที่ทีมขุดค้นต้องตกตะลึง เพราะมันคือโครงกระดูกของชาวปอมเปอีสองคน ที่ไม่สามารถอพยพหนีภัยจากภูเขาไฟระเบิดไปได้ทันเวลา
ร่างโครงกระดูกของผู้หญิงนั้นนอนงอตัวอยู่บนเตียง ท่าทางของเธอคล้ายกับทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา ส่วนร่างโครงกระดูกของชายวัยรุ่นอีกคนนั้นอยู่ตรงมุมห้อง “กระแสก๊าซร้อนไพโรคลาสติกจากภูเขาไฟวิซูเวียส ไหลบ่ามาตามถนนด้านนอกของห้องนี้พอดี ทำให้ผนังห้องพังลงมาทับหนุ่มน้อยผู้นี้จนเสียชีวิต” ดร.โซฟี เฮย์ นักโบราณคดีประจำเมืองปอมเปอีกล่าว “ในตอนที่เขากำลังจะตาย ผู้หญิงที่อยู่บนเตียงยังมีชีวิตอยู่ ลองจินตนาการดูว่ามันน่าเศร้าและเจ็บปวดขนาดไหน แต่หลังจากที่กระแสก๊าซร้อนทะลักเข้ามาจนเต็มห้อง เธอก็เสียชีวิตทันที”
ผลวิเคราะห์โครงกระดูกของชายหนุ่มพบว่า แม้เขาจะยังมีอายุน้อย แต่กระดูกและข้อต่อเต็มไปด้วยร่องรอยของการสึกกร่อนและความเสียหาย ซึ่งแสดงว่าเขาน่าจะเป็นชนชั้นแรงงานที่มีสถานะต่ำหรือทาสเป็นได้
ผลวิเคราะห์โครงกระดูกของผู้หญิงชี้ว่าเธอมีอายุมากกว่า แต่กระดูกและฟันยังอยู่ในสภาพดี “เป็นไปได้ว่าเธอมีสถานะทางสังคมสูง อาจจะเป็นภรรยาของเจ้าของคฤหาสน์เอง หรือเป็นผู้ช่วยคนสนิทที่คอยดูแลนายหญิงก็เป็นได้ ตอนนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัด” ดร.เฮย์กล่าว
ทีมขุดค้นยังพบสิ่งของหลายชิ้นบนโต๊ะหินอ่อนภายในห้องที่พบโครงกระดูก ได้แก่เครื่องแก้ว, เหยือกสัมฤทธิ์, และภาชนะดินเผา ซึ่งคาดว่าคนทั้งสองอาจจะนำเข้ามาในห้องหลบภัย เพื่อรอคอยให้เหตุภูเขาไฟระเบิดผ่านพ้นไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งของที่ผู้ตายกำเอาไว้ในมือนั้นน่าสนใจยิ่งกว่า เพราะในขณะที่ชายหนุ่มถือลูกกุญแจเอาไว้แค่สองสามดอก มือของหญิงวัยกลางคนกลับกำของมีค่าจำนวนมากไว้แน่น ทั้งเหรียญเงิน, เหรียญทอง, และเครื่องประดับอัญมณีหลายชิ้น
ของมีค่าที่ขุดพบในเมืองปอมเปอี ล้วนถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในห้องนิรภัยที่เป็นเหมือนตู้เซฟขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงของมีค่าที่พบในคฤหาสน์หลังนี้ด้วย โดยดร.อะเลสซานโดร รุสโซ นักโบราณคดีประจำเมืองปอมเปอี ได้นำทีมถ่ายทำสารคดีของบีบีซี ไปชมสมบัติโบราณล้ำค่าดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ
เหรียญทองยังคงเปล่งประกายสุกใสเหมือนใหม่ นอกจากนี้ยังมีต่างหูที่ทำจากทองคำและมุกธรรมชาติ, จี้ห้อยสำหรับสร้อยคอ, และหินกึ่งมีค่าที่ถูกแกะสลักอย่างละเอียดประณีต ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นของใช้ส่วนตัวของคนโบราณ
“เมื่อเราค้นพบโบราณวัตถุเหล่านี้ สิ่งที่คั่นกลางระหว่างยุคโบราณกับยุคปัจจุบันให้ห่างไกลกันก็หายไป เราสามารถจับต้องส่วนเสี้ยวเล็ก ๆ ในชีวิตของผู้คน ที่ต้องล้มตายในเหตุภูเขาไฟระเบิด” ดร.รุสโซกล่าว
ด้านดร.เฮย์กล่าวเสริมว่า การค้นพบคฤหาสน์หลังนี้ถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ ซึ่งนอกจากจะเผยให้เห็นถึงชีวิตอันหรูหราฟุ่มเฟือยของชนชั้นสูงแล้ว ยังทำให้นักโบราณคดีได้รู้จัก “ด้านมืด” ของชาวโรมันโบราณมากขึ้นด้วย
ด้านหลังห้องอาบน้ำร้อนที่แทบไม่ต่างจากซาวน่า คือห้องต้มน้ำร้อน (boiler room) คนโบราณใช้ท่อสูบน้ำจากถนนเข้ามาในห้องนี้ โดยน้ำเย็นบางส่วนจะถูกส่งต่อไปยังสระน้ำในห้องเย็นก่อน และน้ำที่เหลือจะถูกต้มในหม้อตะกั่ว ก่อนจะส่งต่อไปยังห้องอาบน้ำร้อน ตัววาล์วเปิดปิดที่ควบคุมการไหลของน้ำในแต่ละท่อนั้นดูทันสมัยอย่างเหลือเชื่อ ราวกับของที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็ไม่ปาน
เนื่องจากมีเตาไฟใหญ่อยู่ใต้พื้นห้องต้มน้ำร้อน ทำให้อากาศภายในห้องร้อนจัดชนิดที่แทบจะทนไม่ไหว นักโบราณคดีคาดว่าเหล่าทาสที่ต้องทำงานรับใช้ระบบของโรงอาบน้ำในห้องนี้ คงจะต้องเป็นลมหรือตกอยู่ในอันตรายเพราะอุณหภูมิสูงกันหลายราย
“สิ่งที่สะเทือนอารมณ์เรามากที่สุดจากการขุดค้นรอบนี้ คือความแตกต่างเหลื่อมล้ำระหว่างชีวิตของทาสกับมหาเศรษฐี ในขณะที่คนชั้นสูงเสพสุขและใช้ชีวิตอย่างหรูหราในโรงอาบน้ำ ทาสในห้องต้มน้ำต้องเหนื่อยยากและเสี่ยงอันตรายจากการคอยเติมฟืนเข้าเตาไฟ เพื่อให้น้ำร้อนได้ทั้งวัน” ดร.เฮย์กล่าว “เพียงแค่ผนังกั้น ก็สามารถจะแยกให้คนสองชนชั้นอยู่กันคนละโลกได้แล้ว”
การขุดค้นพื้นที่แถบใหม่ของเมืองปอมเปอียังคงดำเนินต่อไป แม้ขณะนี้จะเข้าใกล้สัปดาห์ท้าย ๆ ของโครงการสำรวจทางโบราณคดีในรอบนี้แล้ว ซึ่งโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ค้นพบใหม่ทั้งหมด จะเปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมหลังขั้นตอนการศึกษาและอนุรักษ์โดยนักโบราณคดีเสร็จสิ้นลง
ที่มา BBC.co.uk