‘บิ๊กเต่า’เชื่อคดีรุกที่ ส.ป.ก.โคราช-สระบุรี มีผู้ต้องหาหลายคน แจงตอนนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติคุมสอบสวน

‘บิ๊กเต่า' เผยผลดำเนินคดีรุกที่ ส.ป.ก. โคราช-สระบุรี พบมีอย่างน้อย 50-60 ไร่ ถูกรุกที่ปี 58 เผยที่ผ่านมาศาลสั่งจำคุกแล้ว 4 จำเลย ก่อนประธาน บ.เอกชนเข้ามาจัดการรีสอร์ท ชี้เป็นเรื่องผิดกฎหมายชัดเจนเพราะที่เอาไว้ทำเกษตรกรรม เชื่อมีผู้ต้องหาอีกหลายคนเกี่ยวข้อง แจงตอนนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติคุมสอบสวนทั้งหมด รวมถึงกรณีเส้นเงินสิบล้านโยงนักการเมือง

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยถึงคดีการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. ในพื้นที่จ.นครราชสีมา และจ.สระบุรี ว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ได้ลงตรวจสอบพื้นที่อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จนพบว่าน่าจะมีการออกเอกสารสิทธิถือครองที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิชอบ ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีประมาณ 50-60 ไร่ และถูกบุกรุกในปี 58 มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 4 คน

โดยศาลสั่งจำคุก จำเลย 1 คน และอีก 3 คนรอลงอาญา ต่อมาก็มีการออกเอกสารสิทธิคืนที่ดิน ส.ป.ก. ให้แก่จังหวัด จากนั้นก็มีบริษัทภูนับดาวมาทำการเช่าเพื่อทำเป็นที่ท่องเที่ยว เป็นสถานที่คล้ายรีสอร์ทที่เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวไว้นอนดูดาว โดยมีประธานบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นประธานกรรมการผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มีไว้เพื่อการเกษตร การนำมาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจึงเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน

“เมื่อมีการตรวจสอบแล้ว ทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จึงเป็นผู้ถือสำนวนในการสืบสวนโดยร่วมกับกระทรวงเกษตร ฯพร้อมจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, ป.ป.ท, บก.ปปป. และ ปปง.ร่วมตรวจสอบโครงการดังกล่าว” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องเส้นเงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงไปถึงคนสนิทของบิ๊กนักการเมือง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ในการตั้งคณะทำงานคดีนี้ ทุกหน่วยงานต้องส่งข้อมูลไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่คอยจัดส่งเพียงหลักฐานบางอย่าง เพื่อให้แต่ละหน่วยงานสืบสวนต่อเท่านั้น โดยในส่วนของ บก.ปปป. จะทำการสืบสวนเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องเอกสารและพื้นที่ที่ได้มาโดยไม่ชอบ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินจะเป็นการดำเนินการของ ปปง. ซึ่งเงิน 10 ล้านนี้ บก.ปปป. ได้เพียงข้อมูลมา แต่ในส่วนของรายละเอียดว่า เส้นทางการเงินมีที่มาอย่างไร เชื่อมโยงต่อไปที่ไหน ตำรวจบก.ปปป. ไม่ได้ทำการสืบสวน และตนก็ไม่มีอำนาจที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ อำนาจทั้งหมดจะอยู่ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจากข้อมูลพบผู้กระทำผิดประมาณกี่คน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้บก.ปปป. เคยเข้าไปตรวจค้นที่รีสอร์ทภูนับดาวมาแล้ว พร้อมขอรายละเอียดหลักฐานต่างๆที่เป็นเอกสารสิทธิ์ตัวจริงด้วย แต่ทางบริษัทก็ยังไม่ยอมนำมามอบให้

“หากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะมอบหมายให้ตำรวจมาทำคดีนี้เอง ก็พร้อมจะทำหน้าที่และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขอให้เชื่อมั่นในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีความเป็นตำรวจมืออาชีพ ไม่มีหน้าที่ไปช่วยใครให้พ้นผิด เพราะเรามีหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายกับทุกคน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว