ปปง. ยึดทรัพย์ลอตที่ 3 ที่ดินสิ่งปลุกสร้าง 4 แปลง 95 ล้าน คดีหญิงสาวรับจ้างเปิดบัญชีม้า ‘เดือนนภา แก้วกําเนิด’ กับพวก เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สุ่มโทร.ลวงเหยื่อ อ้างส่งพัสดุผิดกม. ก่อนหน้าโดนแล้ว 2 ครั้ง
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) มีคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 250/2567 วันที่ 16 ธันวาคม 2567 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) ราย นางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด เป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดฐานสนับสนุนการกระทําความผิดฐานฟอกเงิน โดยรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารให้แก่เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์นําไปใช้ในการกระทําความผิด โดยพฤติการณ์ในการกระทําความผิดมีลักษณะเป็นการสุ่มติดต่อไปยังผู้เสียหายหลายราย และทําการหลอกลวงในรูปแบบเดียวกัน
ทรัพย์สินที่ถูกยึดเป็นที่ดินตามโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในกรุงเทพฯ จำนวน 4 รายการ บริษัท เพอร์เพิล ไบรท จำกัด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง มูลค่า 95 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ปปง.มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน นางสาวเดือนนภากับพวกแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่
คําสั่งที่ ย. 254/2566 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2566 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว รายนางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด กับพวก จํานวน 51 รายการ โฉนดที่ดิน 20 แปลง รถยนต์ PORSCHE 1 คัน รถจักรยานยนต์ เครื่องประดับ และอื่นๆรวม จำนวน 60,949,469.77 บาท
คําสั่ง ที่ ย. 94/2567 ลงวันที่ 24 เมษายน 2567 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทํา ความผิดไว้ชั่วคราว รายนางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด กับพวก (เพิ่มเติม) จํานวน 67 รายการ ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรม มีคำสั่ง ตามคำสั่งที่ พ. 12/2567 เพิกถอน คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งเพิกถอนการยึดหรืออายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว จำนวน forty eight รายการ
คำสั่งยึดและอายัดทรัพย์มีรายละเอียดดังนี้
@ สาวรับจ้างเปิดบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีคดีจ.อุบลฯ
คําสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 250/2567 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม)
ตามที่สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 ตามหนังสือที่ ตช 0029.5/764 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 เรื่อง ส่งแบบรายงานเพื่อดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดฐานสนับสนุนการกระทําความผิดฐานฟอกเงิน กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายได้ยื่นหนังสือร้องเรียนและขอความช่วยเหลือต่อผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ กรณีได้รับความเสียหายจากขบวนการหลอกลวงประชาชนหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งได้ติดต่อไปยังผู้เสียหายและกล่าวอ้างว่ามีการจัดส่งสิ่งของผิดกฎหมายไปยังบุคคลอื่นที่อยู่ต่างประเทศและต้องถูกตรวจสอบจากเจ้าพนักงานตํารวจและเจ้าหน้าที่ศุลกากร จากนั้นได้ทําการโอนการติดต่อไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุอีกพวกที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและได้หลอกลวงให้ผู้เสียหาย โอนเงินไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มผู้ก่อเหตุอีกพวกโดยกล่าวอ้างว่าเพื่อทําการตรวจสอบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุได้อีก ทําให้มีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจํานวนมาก โดยผู้เสียหายต่างได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดําเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุในหลายท้องที่
ต่อมาผู้บัญชาการตํารวจ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้มีคําสั่งที่ 171/2566 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 เรื่อง แต่งตั้ง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยได้สืบสวนขยายผลปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของนางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาสถานีตํารวจภูธรเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เลขที่ 368/2565 และเลขที่ 369/2565 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทําความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันกับผู้ใดกระทําการโดยนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในชั้นสอบสวน นางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด รับสารภาพ ว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารให้กับบุคคลอื่น และต่อมาศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้มีคําพิพากษาให้จำคุกนางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด กับพวก ตามคดีหมายเลขแดงที่ อ.1022/2565 และคดีหมายเลขแดง อ.1023/2565
@ สุ่มติดต่อไปยังผู้เสียหายหลายราย หลอกลวงในรูปแบบเดียวกัน
ทั้งนี้ นอกจากบัญชีเงินฝากธนาคารของนางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด แล้ว ยังพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่นอีกหลายบัญชี ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีลักษณะเป็นการรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารให้กลุ่มผู้ก่อเหตุนําไปใช้ในการกระทําความผิด โดยพฤติการณ์ในการกระทําความผิดมีลักษณะเป็นการสุ่มติดต่อไปยังผู้เสียหายหลายราย และทําการหลอกลวงในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งหากผู้เสียหายรายใดหลงเชื่อก็จะใช้กลอุบายเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สิน โดยมีการวางแผนเป็นรูปแบบขั้นตอน มีลักษณะเป็นขบวนการฉ้อโกงประชาชน และมีลักษณะการดําเนินการเป็นปกติธุระ อีกทั้งยังมีลักษณะเป็นการสนับสนุน การกระทําความผิดฐานฟอกเงิน อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) (18) ความผิดฐานฟอกเงิน ตามมาตรา 5 และความผิดฐานสนับสนุนการกระทําความผิดในความผิดฐานฟอกเงิน ตามมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดดังกล่าว ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคําสั่งที่ ย. 254/2566 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2566 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว รายนางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด กับพวก จํานวน 51 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน และคําสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้มีคําสั่ง ที่ ย. 94/2567 ลงวันที่ 24 เมษายน 2567 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทํา ความผิดไว้ชั่วคราว รายนางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด กับพวก (เพิ่มเติม) จํานวน 67 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน นั้น
@ สาวพบถือครองทรัพย์สินที่ดินอีก 4 รายการ
จากการตรวจสอบรายงานการทําธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมของบุคคล รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินในคดีดังกล่าว พอข้อมูลเพิ่มเติมว่า เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติมอีก จำนวน 4 รายการ ประกอบด้วยที่ดินตามโฉนดที่ดิน และที่ดินตามโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดิน และที่ดินตามโฉนดที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียน ในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิ ครอบครองโดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง อาจดําเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลง ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ หรือผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ หากมิได้มีการออกคําสั่งให้ยึดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดําเนินการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคําสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สํานักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางสาวเดือนนภา แก้วกําเนิด กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด และอาจมีการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา forty eight วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 15/2567 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดําเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงาน ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคําสั่งยึดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จํานวน 4 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2568 โดยมีรายการทรัพย์สินที่ยึดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินแนบท้ายคําสั่งนี้
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจําหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )