ปปง.ตามอายัดได้ 838,755 บ. คดีพ.ท.หญิง หน.แผนกการเงิน กรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ยักยอกเงิน เพิ่มพิเศษผู้ช่วยทูตทหาร นำเช็คเข้าฝากบัญชีส่วนตัว 9.1 ล. หน่วยงานร้องทุกข์กล่าวโทษ ตำรวจสน.ทุ่งสองห้อง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ย. 3 /2568 ลงวันที่ 20 มกราคม 2568 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ราย พันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ ตำแหน่งหัวหน้านายทหารการเงิน แผนกการเงิน กรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภท เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขา 157 ROYAL THAI ARMED FORCES HEADQU ชื่อบัญชี ขว.ทหาร ยอดเงินคงเหลือ 838,755.68 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ วันที่ 20 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2568 โดย กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณี เบิกถอนเงินจากบัญชีของหน่วยงานกองบัญชาการกองทัพไทยไปใช้ส่วนตัว ทำให้หน่วยงานกองบัญชาการกองทัพไทยได้รับความเสียหาย ประมาณ 9,133,175.02 บาท
คำสั่งของคณะกรรมการธุรกรรมระบุรายละเอียดดังนี้
@เปิดรายละเอียดคำสั่งอายัดทรัพย์-นำเช็คเข้าฝากบัญชีส่วนตัว
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงาน จากสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ตามหนังสือ ที่ ตช 0025 (บก.น.).7/437 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2567 เรื่อง แจ้งการดำเนินคดีตามความผิดมูลฐาน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น และเป็นความผิดฐานฟอกเงิน กล่าวคือ
พันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ ตำแหน่งหัวหน้านายทหารการเงิน แผนกการเงิน กรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย มีหน้าที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินของทางราชการเพื่อชำระหนี้ ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ ซึ่งได้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการที่มีตำแหน่งประจำ อยู่ในต่างประเทศ ให้กับผู้ช่วยทูตทหาร และเสมียนสำนักงานผู้ช่วยทูดทหาร/ต่างประเทศ (บราซิเลีย พริทอเรีย และบันดาร์เสรีเบกาวัน) และที่ปรึกษาทางทหารประจำคณะผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก แทนกองบัญชาการกองทัพไทย โดยกองบัญชาการกองทัพไทยจะสั่งจ่ายงบประมาณแก่ข้าราชการดังกล่าว ให้กรมข่าวทหารเพื่อจ่ายเช็คออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยมีพันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ เป็นผู้ดำเนินการชำระหนี้ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แต่ปรากฏว่าพันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ ไม่ชำระหนี้ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แต่นำเช็คสั่งจ่ายออกจากบัญชีของทางราชการไปฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ชื่อบัญชี ขว.ทหาร โดยพันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ เป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินแต่เพียงผู้เดียว จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีดังกล่าว ไม่ใช่บัญชีเงินฝากธนาคารที่ใช้ในราชการของกรมข่าวทหาร น่าเชื่อว่าพันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ ได้ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าวรับโอนเงินจากการกระทำความผิด แล้วทำการถอนเงินจากบัญชีไปใช้ส่วนตัว ทำให้กองบัญชาการกองทัพไทยได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 9,133,175.02 บาท (เก้าล้านหนึ่งแสน สามหมื่นสามพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าบาทสองสตางค์) โดยกองบัญชาการกองทัพไทยได้กล่าวโทษร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับพันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ปลอมหรือใช้เอกสารปลอมโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 266 (1) และมาตรา 268 และความผิดฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
@กองบัญชาการกองทัพไทย แจ้งความสน.ทุ่งสองห้องเอาผิดฐานทุจริต
ต่อมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ได้รับไว้เป็นคดีอาญาซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่น เอาทรัพย์นั้นเสียตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จึงเป็นกรณีที่ พันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ เป็นผู้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วย ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ ตามกฎหมายอื่น อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) และความผิดฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าพันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 10/2567 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่ประชุม พิจารณามีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม. 531/2567 ลงวันที่ 5 กันยายน 2567 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายพันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฎหลักฐาน เป็นที่เชื่อได้ว่า พันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะ เป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) และความผิดฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิด มูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐานปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิด จำนวน 1 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ในคดีนี้เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสีย หรือผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมา ศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าว กลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า พันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ กับพวก ได้ไป ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
@ตามอายัดเงินได้ แปดแสนสามหมื่น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา Forty eight วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 1 รายการ พร้อมดอกผล คือเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขา 157 ROYAL THAI ARMED FORCES HEADQU เลขที่บัญชี 157-2-23775-6 ชื่อบัญชี ขว.ทหาร ยอดเงินคงเหลือ 838,755.68 บาท (แปดแสนสามหมื่นแปดพัน เจ็ดร้อยห้าสิบห้าบาทหกสิบแปดสตางค์) ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2568
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอน ด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 30 มกราคม 2568 เผยแพร่ ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน รายคดี พันโทหญิง จิตรประภา ทรัพย์ประเสริฐ กับพวก ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณี เบิกถอนเงินจากบัญชีของหน่วยงานกองบัญชาการกองทัพไทยไปใช้ส่วนตัว ทำให้หน่วยงานกองบัญชาการกองทัพไทยได้รับความเสียหาย ประมาณ 9,133,175.02 บาท หลังคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
(ข่าวเกี่ยวข้อง: ปปง.ให้ผู้เสียหายยื่นขอชดใช้คืน คดีพ.ท.หญิงยักยอกเงินกองบัญชาการทัพไทย 9.1 ล.)
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )