พบซากมหาวิหารยุคโรมันแห่งแรกของลอนดอน ใต้อาคารสำนักงานย่านการเงิน

ที่มาของภาพ : Tony Jolliffe/ BBC
- Author, รีเบกกา มอเรลล์ และ อลิสัน ฟรานซิส
- Aim, บรรณาธิการและผู้สื่อข่าววิทยาศาสตร์
ทีมนักโบราณคดีชาวอังกฤษ ขุดพบซากผนังที่ก่อด้วยหินของมหาวิหารยุคโรมัน ใต้อาคารสำนักงานย่าน “นครลอนดอน” (City of London) ศูนย์กลางการเงินของสหราชอาณาจักร ซึ่งซากโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ขุดพบในครั้งนี้ จัดว่ามีความสำคัญยิ่งยวดต่อประวัติศาสตร์อังกฤษ ในยุคที่ยังอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันโบราณ
ทีมนักโบราณคดีดังกล่าวระบุว่า มหาวิหารแห่งนี้เป็นเสมือนศาลาว่าการเมืองแห่งแรกของกรุงลอนดอน โดยมีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ปี เป็นสถานที่ศูนย์กลางในการตัดสินใจทางการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจ
การขุดค้นล่าสุดเผยให้เห็นส่วนหนึ่งของซากผนังที่ก่อด้วยหิน ซึ่งน่าจะเป็นฐานชั้นล่างของตัวมหาวิหารอันโอ่อ่า ที่คาดว่ามีความสูงสองชั้นครึ่ง ทำให้นักโบราณคดีมีความหวังว่าจะได้เรียนรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับข้อมูลประวัติศาสตร์ของยุคแรกเริ่มก่อตั้งกรุงลอนดอนมากขึ้น

ที่มาของภาพ : Tony Jolliffe/BBC
โซฟี แจ็กสัน เจ้าหน้าที่ประจำพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งกรุงลอนดอน (MOLA) ซึ่งเผยข่าวการค้นพบครั้งนี้ให้แก่บีบีซีเป็นพิเศษ บอกว่า “ซากโบราณสถานแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันคือศูนย์กลางของกรุงลอนดอนในยุคโรมัน มันจะเผยให้เราได้ทราบถึงต้นกำเนิดของกรุงลอนดอน พร้อมทั้งให้คำอธิบายว่าเหตุใดมหานครแห่งนี้ถึงเติบโตและขยายตัวขึ้นอย่างมาก จนได้รับเลือกให้เป็นนครหลวงของประเทศอังกฤษ”

ที่มาของภาพ : Tony Jolliffe/ BBC Files
อาคารสำนักงานที่ซ่อนซากโบราณสถานไว้ใต้ดินนี้ คืออาคารเลขที่ 85 บนถนนเกรซเชิร์ช (Gracechurch Avenue) ในย่านธุรกิจการเงินใจกลางกรุงลอนดอน โดยมีการค้นพบซากผนังของมหาวิหารดังกล่าว ขณะทำการรื้อถอนอาคารสำนักงานเก่า เพื่อพัฒนาเป็นอาคารสูงแห่งใหม่ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น
and proceed readingเรื่องแนะนำ
Conclude of เรื่องแนะนำ
ก่อนการขุดค้นครั้งล่าสุด ทีมนักโบราณคดีได้เคยสำรวจพื้นที่ดังกล่าวในเบื้องต้นมาแล้วหลายครั้ง เพื่อคาดการณ์ถึงตำแหน่งที่ตั้งของมหาวิหาร จากนั้นได้ทำการขุดหลุมเล็ก ๆ หลายหลุม ที่พื้นคอนกรีตของอาคารสำนักงาน เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของข้อสันนิษฐาน จนพบซากผนังโบราณฝังอยู่ใต้พื้นระหว่างตู้เก็บเอกสาร ในการขุดทดสอบครั้งที่สาม
“จะเห็นได้ว่ามีการก่ออิฐและหินแบบโรมันโบราณหลงเหลืออยู่เป็นกองใหญ่ มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ ที่ตัวผนังอยู่รอดมาได้ในสภาพดีขนาดนี้ พวกเราต่างตื่นเต้นดีใจที่ของเก่ายังมีอยู่มากมายที่นี่” แจ็กสันกล่าว

ที่มาของภาพ : Tony Jolliffe/BBC
ซากผนังเก่าแก่ก่อขึ้นด้วยหินปูนชนิดหนึ่งที่นำมาจากมณฑลเคนต์ โดยนักโบราณคดีสันนิษฐานว่า มหาวิหารอันโออ่าโอฬารในยุคโรมัน น่าจะมีความยาวประมาณ 40 เมตร, กว้าง 20 เมตร, และสูงถึง 12 เมตร นอกจากนี้ยังพบโบราณวัตถุด้วยจำนวนหนึ่ง รวมถึงกระเบื้องมุงหลังคาแผ่นหนึ่ง ที่ประทับตราของเจ้าหน้าที่ปกครองประจำกรุงลอนดอนยุคโบราณ
มหาวิหารแห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของลานประชาคม (dialogue board) แห่งกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการพบปะเข้าสังคมของเหล่าพลเมืองเมื่อสองพันปีก่อน โดยจัตุรัสหรือลานประชาคมแห่งนี้มีลักษณะเป็นลานกว้างขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล

“มหาวิหารนี้ก็คือศาลาว่าการเมืองนั่นเอง โดยด้านหน้าของมหาวิหารมีจัตุรัสการค้าที่เหมือนตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ โดยมีร้านขายของหลากชนิด และมีสำนักงานหลายแห่งตั้งอยู่โดยรอบที่ด้านนอก” แจ็กสันอธิบาย “มันคือสถานที่ที่ผู้คนมาทำธุรกิจการค้า รวมทั้งมาขึ้นโรงขึ้นศาลหากมีคดีความ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ตรากฎหมาย และวางแนวนโยบายต่าง ๆ ของรัฐ เพื่อบริหารปกครองกรุงลอนดอนและอาณานิคมของชาวโรมันบนเกาะอังกฤษทั้งหมด”
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงราว ค.ศ. 80 หลังจักรวรรดิโรมันรุกรานเกาะอังกฤษและสร้างเมือง “ลอนดิเนียม” (Londinium) ได้เพียงไม่กี่สิบปี ซึ่งต่อมาเมืองแห่งนี้ก็คือกรุงลอนดอนในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม มหาวิหารแห่งแรกของกรุงลอนดอนถูกใช้งานอยู่เป็นเวลาเพียง 20 ปี ก่อนจะมีการสร้างมหาวิหารและลานประชาคมแห่งที่สองที่ใหญ่กว่าเดิมมาก ซึ่งข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์นี้บ่งชี้ว่า กรุงลอนดอนในยุคนั้นขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของขนาดและความสำคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจ

ที่มาของภาพ : Peter Marsden
อย่างไรก็ตาม การค้นพบซากโบราณสถานสำคัญในครั้งนี้ ส่งผลให้บริษัท Hertshten Properties เจ้าของอาคารสำนักงานที่มหาวิหารตั้งอยู่ จำต้องทบทวนแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำหนดไว้แต่เดิมเสียใหม่ โดยเตรียมอนุรักษ์ซากมหาวิหารที่จะมีการขุดค้นต่อไป เพื่อเผยให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมโบราณที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด แล้วรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตัวอาคารสำนักงานใหม่ ในลักษณะของห้องจัดแสดงที่จะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้ในอนาคต
สำหรับสถาปนิกผู้ปรับปรุงแก้ไขแบบอาคารสำนักงาน เพื่อให้โอบล้อมและรองรับซากโบราณสถานไว้ภายในได้นั้น งานดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “เราต้องปรับแผนการก่อสร้างใหม่ทั้งหมด” เจมส์ เทย์เลอร์ สถาปนิกจากบริษัท Woods Bagot กล่าว “เรื่องง่าย ๆ อย่างการติดตั้งเสา ต้องมีการขยับเปลี่ยนตำแหน่งของเสาบางต้นไปบ้าง เพื่อไม่ให้มันไปทำลายซากโบราณสถานที่ชั้นใต้ดิน”
นอกจากนี้ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ยังต้องติดตั้งลิฟต์ให้น้อยตัวลง ซึ่งนั่นหมายถึงว่าอาจต้องพิจารณาลดจำนวนชั้นของอาคารให้เตี้ยกว่าเดิมด้วย แต่ถึงกระนั้น เทย์เลอร์ก็ยังมองว่าการเปลี่ยนแผนการก่อสร้างดังกล่าวคุ้มค่า “การที่ได้เห็นผู้คนมาใช้งานและเพลิดเพลินกับพื้นที่แห่งนี้ โดยพากันเดินผ่านโถงกลางของอาคารลงไปชมซากโบราณสถานที่ชั้นใต้ดิน จะเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง”

ที่มาของภาพ : Woods Bagot
ซากผนังที่ก่อด้วยหินยุคโรมันนี้ ถือเป็นโบราณสถานแห่งล่าสุดที่มีการค้นพบในพื้นที่เขต “นครลอนดอน” (City of London) ย่านธุรกิจการเงินใจกลางกรุงลอนดอนที่รู้จักกันดีในอีกชื่อว่า Square Mile โดยก่อนหน้านี้มีการค้นพบบางส่วนของอัฒจันทร์โรมันโบราณ ซึ่งต่อมาได้รับการอนุรักษ์และจัดแสดงไว้ใต้พื้นกระจกของหอศิลป์ Guildhall Art Gallery ส่วนที่อาคารสำนักงานของ Bloomberg คนทั่วไปสามารถเข้าชมซากวิหารของเทพ Mithras ซึ่งมีการจัดแสดงแสงและเสียงประกอบที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วย
คริส เฮย์เวิร์ด ตัวแทนของ City of London Corporation บอกว่าเขาต้องการให้ผู้คนจำนวนมากขึ้น ได้สัมผัสประสบการณ์ที่เชื่อมโยงอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกัน “เรื่องจริงที่ว่ากรุงลอนดอนยุคโรมันโบราณอยู่ใต้ฝ่าเท้าคุณนั้น บอกตรง ๆ มันให้อารมณ์ความรู้สึกพิเศษสุด เท่าที่คนเราจะสามารถสัมผัสได้เลยทีเดียว”
“คุณจะสามารถมองเห็นและจินตนาการได้ว่า กรุงลอนดอนในยุคโรมันโบราณนั้นเป็นเช่นไร หลังจากนั้นคุณอาจเดินออกมาข้างนอก ชื่นชมหมู่อาคารสำนักงานและตึกระฟ้าที่ทันสมัย ซึ่งเป็นความก้าวหน้าของคนยุคปัจจุบัน แต่ในเวลาเดียวกัน ความก้าวหน้านี้ยังได้หลอมรวมผสมผสานการอนุรักษ์ของเก่าโบราณเอาไว้ด้วย” เฮย์เวิร์ดกล่าวทิ้งท้าย
ที่มา BBC.co.uk