“พวกเขาถูกสั่งให้เอาเป้สะพายหลังและหนีออกไป” บีบีซีสำรวจฐานทัพร้างของอิหร่านในซีเรีย

Article files
- Writer, นาฟิเซห์ โคห์นาวาร์ด
- Characteristic, ผู้สื่อข่าวประจำตะวันออกกลาง บีบีซีเวิลด์เซอร์วิส
- Reporting from รายงานจากซีเรีย
อาหารเหลือที่ขึ้นราอยู่บนเตียงสองชั้น เครื่องแบบทหารและอาวุธที่ถูกทิ้งไว้ เหล่านี้คือสิ่งที่เหลืออยู่หลังจากการถอนตัวออกอย่างกะทันหันจากฐานทัพแห่งนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธที่เกี่ยวข้องในซีเรีย
สิ่งนี้บอกเล่าเรื่องราวของความตื่นตระหนก กองกำลังที่ประจำการที่นี่ต้องหลบหนีอย่างเร่งรีบโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า เหลือทิ้งไว้ถึงร่องรอยการคงอยู่ที่ยาวนานร่วมทศวรรษไว้เบื้องหลัง โดยทั้งหมดหายวับไปในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
อิหร่านเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย เป็นเวลานานกว่า 10 ปี ด้วยการส่งที่ปรึกษาทางทหาร ระดมกองกำลังติดอาวุธจากต่างประเทศ และทุ่มเงินมหาศาลให้กับการทำสงครามของซีเรีย
กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ได้สร้างเครือข่ายฐานทัพใต้ดินเพื่อจัดหาอาวุธและฝึกฝนนักรบหลายพันคน สำหรับอิหร่าน นี่เป็นส่วนหนึ่งของ “เข็มขัดความปลอดภัย” เพื่อต่อกรกับอิสราเอล
เรากำลังอยู่ใกล้ เมืองข่าน ชัยคูน (Khan Shaykhun) ใน จ.อิดลิบ ก่อนที่ระบอบการปกครองของอัสซาดจะล่มสลายในวันที่ 8 ธ.ค. ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามและกลุ่มพันธมิตร
เรื่องแนะนำ
หากมองจากถนนสายหลักแทบจะมองไม่เห็นทางเข้าฐานทัพ เพราะมันซ่อนอยู่หลังกองทรายและหิน มีหอสังเกตการณ์ซึ่งทาสีเป็นสีของธงชาติอิหร่านตั้งอยู่บนยอดเขาที่สามารถมองเห็นฐานทัพได้

ที่ฐานทัพดังกล่าว พบสมุดบันทึกใบเสร็จที่เป็นตัวยืนยันชื่อฐานทัพที่มีชื่อว่า “ฐานปฏิบัติการมรณสักขีซาเฮดี” ซึ่งตั้งชื่อขึ้น ตามโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามซึ่งถูกลอบสังหารในเหตุการณ์ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในซีเรียเมื่อวันที่ 1 ม.ย. 2024
นอกจากนี้ยังพบเอกสารแสดงรายการการสั่งเสบียงเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งช็อกโกแลต ข้าว น้ำมันปรุงอาหาร หลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตประจำวันของที่นี่จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย แต่ตอนนี้ฐานทัพมีผู้เข้ายึดครองใหม่ 2 ราย คือ นักรบอุยกูร์ติดอาวุธจากกลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham – HTS) กลุ่มติดอาวุธอิสลามซึ่งมี อาเหม็ด อัล-ชาอะรา เป็นผู้นำ และได้กลายมาเป็นประธานาธิบดีรักษาการคนใหม่ของซีเรีย
ขณะที่กำลังสำรวจอยู่นั้น ชาวอุยกูร์มาถึงฐานทัพด้วยรถทหารและขอหลักฐานการยืนยันตัวว่าเป็นสื่อจากบีบีซี
“ชาวอิหร่านเคยอยู่ที่นี่ ตอนนี้พวกเขาหนีไปหมดแล้ว” หนึ่งในชาวอุยกูร์พูดโดยใช้ภาษาแม่ของเขา ซึ่งคือภาษาตุรกี “ทุกสิ่งที่คุณเห็นที่นี่ล้วนมาจากพวกเขา แม้แต่หัวหอมและอาหารที่เหลือ”
กล่องที่เต็มไปด้วยหัวหอมสดใหม่บริเวณลานในฐานทัพ ตอนนี้พวกมันแตกยอดออกมาแล้ว
ฐานทัพมีลักษณะเป็นเขาวงกตของอุโมงค์ที่ขุดลึกลงไปในเนินเขาหินสีขาว มีเตียงสองชั้นอยู่ในห้องบางห้องซึ่งล้วนแต่ไม่มีหน้าต่าง หลังคาของทางเดินแห่งหนึ่งคลุมด้วยผ้าสีธงชาติอิหร่าน และมีหนังสือภาษาเปอร์เซียสองสามเล่มวางอยู่บนชั้นวางหิน


เหล่าทหารอิหร่านทิ้งเอกสารที่มีข้อมูลละเอียดอ่อนไว้ เอกสารทั้งหมดเป็นภาษาเปอร์เซียซึ่งมีรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวของทหาร รหัสประจำตัวทางทหาร ที่อยู่บ้าน ชื่อคู่สมรส และหมายเลขโทรศัพท์มือถือในอิหร่าน จากชื่อเหล่านี้ สรุปได้อย่างชัดเจนว่านักรบหลายคนในฐานทัพแห่งนี้มาจากกองพลอัฟกานิสถานที่อิหร่านจัดตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้ในซีเรีย
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านบอกกับ บีบีซีภาคภาษาเปอร์เซีย ว่าฐานทัพแห่งนี้เป็นที่อยู่ของกองกำลังอัฟกานิสถานเป็นหลัก พร้อมด้วย “ที่ปรึกษาทางทหาร” ของอิหร่านและผู้บัญชาการชาวอิหร่าน
ข้อแก้ต่างหลักของรัฐบาลอิหร่านในการเข้าไปเกี่ยวข้องทางทหารในซีเรียคือ “เพื่อต่อสู้กับกลุ่มจีฮัด” และเพื่อปกป้อง “ศาลศักดิ์สิทธิ์ของชีอะห์” จากกลุ่มก่อการร้ายซุนนีหัวรุนแรง
กองกำลังกึ่งทหารส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยนักรบชาวอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอิรัก
แต่เมื่อถึงวินาทีสุดท้าย อิหร่านกลับไม่ทันได้ตั้งตัว คำสั่งให้ถอยทัพไปยังฐานทัพบางแห่งมาในช่วงเวลาที่สายเกินไป “เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก” สมาชิกระดับสูงของกลุ่มกึ่งทหารอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านบอกกับนักข่าวบีบีซี “คำสั่งคือให้หยิบเป้สะพายหลังแล้วออกไป”
แหล่งข่าวหลายแห่งที่ใกล้ชิดกับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามบอกกับบีบีซีว่า กองกำลังส่วนใหญ่ต้องหลบหนีไปยังอิรัก และบางส่วนได้รับคำสั่งให้ไปที่เลบานอนหรือฐานทัพของรัสเซียที่จะถูกอพยพออกจากซีเรียโดยชาวรัสเซียเอง
โมฮัมหมัด อัล ราบัต นักรบขบวนการฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) ได้เป็นพยานเห็นเหตุการณ์การรุกหน้าของกลุ่มทหารของเขาจาก จ.อิดลิบ ไปยังเมืองอาเลปโปและกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย

โมฮัมหมัด อัล ราบัตกล่าวว่า พวกเขาคิดว่าปฏิบัติการของพวกเขาจะใช้เวลา “ประมาณหนึ่งปี” ในความเป็นไปได้ที่ดีที่สุดคือพวกเขาจะ “ยึดเมืองอาเลปโปได้ภายใน 3-6 เดือน” แต่พวกเขากลับประหลาดใจเมื่อพบว่าพวกเขาเข้าไปในเมืองอาเลปโปได้ภายในไม่กี่วัน
การล่มสลายอย่างรวดเร็วของระบอบการปกครองเดิม เกิดจากเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.
การโจมตีครั้งนั้นทำให้อิสราเอลเพิ่มการโจมตีทางอากาศต่อกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามและกลุ่มที่อิหร่านหนุนหลังในซีเรีย และเกิดสงครามกับพันธมิตรสำคัญของอิหร่านอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคือกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยผู้นำของกลุ่มถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศ
นักรบแรบบัตวัย 35 ปีกล่าวว่า “สถานการณ์การล่มสลายทางจิตใจ” ของอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์ครั้งนี้เป็นแกนหลักของการล่มสลายของพวกเขา
แต่การโจมตีที่สำคัญที่สุดมาจากภายใน มีรอยร้าวระหว่างอัสซาดและพันธมิตรของเขาเองที่เชื่อมโยงกับอิหร่าน
โมฮัมหมัด อัล ราบัตกล่าวว่า “ความไว้วางใจและความร่วมมือทางทหารระหว่างพวกเขาถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง กลุ่มที่เชื่อมโยงกับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามกล่าวโทษว่า อัสซาดทรยศและเชื่อว่าอัสซาดจะยอมยกสถานที่ตั้งของพวกเขาให้กับอิสราเอล”
ขณะที่บีบีซีเดินทางกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามผ่านเมืองข่าน ชัยคูน เราก็เจอถนนที่ทาสีด้วยสีของธงชาติอิหร่าน ถนนสายนี้นำไปสู่อาคารเรียนที่เคยใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของกองกำลังอิหร่าน

ที่ผนังทางเข้าห้องน้ำมีคำขวัญเขียนว่า “อิสราเอลจงพินาศ” และ “สหรัฐอเมริกาจงพินาศ”
เห็นได้ชัดว่าสำนักงานใหญ่เหล่านี้ถูกอพยพออกไปในเวลาอันสั้นเช่นกัน เราพบเอกสารที่จัดอยู่ในประเภท “เอกสารลับสุดยอด” หลงเหลืออยู่
อับดุลลาห์ วัย 65 ปี และครอบครัวของเขาเป็นหนึ่งในคนท้องถิ่นเพียงไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่ร่วมกับกลุ่มที่นำโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม เขาบอกว่าชีวิตนี้ยากลำบาก บ้านของเขาอยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่เพียงไม่กี่เมตร และและกั้นด้วยร่องคูลึกที่มีลวดหนาม เขาเล่าว่าในเวลากลางคืนห้ามมีการเคลื่อนไหว

บ้านของเพื่อนบ้านของเขาถูกเปลี่ยนเป็นฐานทัพทหาร “พวกทหารนั่งเล็งปืนไปที่ถนน และปฏิบัติต่อเราทุกคนเหมือนเราเป็นผู้ต้องสงสัย” เขากล่าว
นักรบส่วนใหญ่พูดภาษาอาหรับไม่ได้ด้วยซ้ำ เขากล่าว “พวกเขาเป็นชาวอัฟกัน ชาวอิหร่าน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แต่เราเรียกพวกเขาว่าชาวอิหร่านเพราะอิหร่านควบคุมพวกเขา”
ภรรยาของอับดุลลาห์ จูริเยห์ กล่าวว่าเธอรู้สึกยินดีที่ “กองกำลังติดอาวุธอิหร่าน” ออกไปแล้ว แต่ยังคงจำช่วงเวลาที่ “ตึงเครียด” ก่อนที่พวกเขาจะถอนกำลังออกไปได้ เธอเคยคิดว่าเธอและสามีจะติดกลางการxิงปะทะขณะที่กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกำลังเสริมกำลังในจุดต่าง ๆ และเตรียมพร้อมที่จะสู้รบ แต่แล้ว “พวกเขาก็หายตัวไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง”
“นี่คือการยึดครอง เป็นการยึดครองของอิหร่าน” อับโดกล่าว ซึ่งเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ เขาเพิ่งกลับมาที่นี่กับครอบครัวหลังจากผ่านไป 10 ปี บ้านของเขากลายเป็นฐานทัพทหาร
นักข่าวบีบีซีสังเกตเห็นความโกรธแค้นต่ออิหร่านและทัศนคติที่อ่อนโยนกว่าต่อรัสเซียในบทสนทนาในหลาย ๆ ครั้งกับชาวซีเรีย
บีบีซีถาม แรบบัต นักรบขบวนการฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้
“รัสเซียทิ้งsะเบิดจากท้องฟ้า แต่นอกเหนือจากนั้น พวกรัสเซียยังคงอยู่ในฐานทัพของตัวเอง ขณะที่ชาวอิหร่านและกองกำลังติดอาวุธของพวกเขาปักหลักอยู่บนพื้นดินเพื่อตอบโต้ ผู้คนรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของพวกทหารอิหร่าน และหลายคนไม่พอใจกับเรื่องนี้” เขาอธิบาย
ความรู้สึกนี้สะท้อนให้เห็นในนโยบายของผู้ปกครองใหม่ของซีเรียต่ออิหร่าน
ทางการชุดใหม่ได้ห้ามพลเมืองอิหร่านและชาวอิสราเอลเข้าประเทศซีเรีย แต่ไม่มีการห้ามชาวรัสเซียในลักษณะเดียวกัน

สถานทูตอิหร่านซึ่งถูกผู้ประท้วงที่โกรธแค้นบุกเข้าไปหลังจากระบอบการปกครองของอัสซาดล่มสลาย ยังคงปิดทำการอยู่ ซึ่งขัดแย้งกันกับปฏิกิริยาของเจ้าหน้าที่อิหร่านต่อการพัฒนาในซีเรีย
แม้ว่าผู้นำสูงสุด อาลี คาเมเนอี เรียกร้อง “เยาวชนชาวซีเรีย” ให้ “ต่อต้าน” ผู้ที่ “นำความไม่มั่นคง” มาสู่ซีเรีย แต่กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กลับมีมุมมองที่เป็นกลางกว่า
กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านระบุว่าประเทศนี้ “สนับสนุนรัฐบาลใด ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนซีเรีย”
ในบทสัมภาษณ์ครั้งแรก ๆ ของผู้นำคนใหม่ของซีเรีย อาเหม็ด อัล-ชาอะรา กล่าวถึงชัยชนะเหนืออัสซาดว่าเป็น “จุดจบของโครงการของอิหร่าน” แต่เขาไม่ได้ตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่จะมีความสัมพันธ์ “ที่สมดุล” กับเตหะราน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันชาวอิหร่านไม่ได้รับการต้อนรับในประเทศซีเรีย หลังจากการขยายกำลังทางการทหารเป็นเวลาหลายปี ทุกสิ่งที่เตหะรานสร้างขึ้นตอนนี้ก็กลายเป็นซากปรักหักพัง ทั้งในสนามรบและในสายตาของประชาชนซีเรียจำนวนมาก
ที่ฐานทัพที่ถูกทิ้งร้าง การขยายตัวของกองทัพอิหร่านดูเหมือนจะยังคงดำเนินต่อไปแม้กระทั่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บริเวณข้างค่ายทหารมีอุโมงค์อีกหลายแห่งที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของโรงพยาบาลสนาม ปูนซีเมนต์บนผนังยังเปียกอยู่และสียังดูใหม่อยู่
แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือหลักฐานของการต่อสู้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ด้วยกระสุนปืนเพียงไม่กี่นัดและเครื่องแบบทหารที่เปื้อนเ-ือด
ที่มา BBC.co.uk