มารู้จัก “โอเรชนิค (Oreshnik)” ขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่รัสเซียยิงใส่ยูเครนเป็นครั้งแรก

ที่มาของภาพ, Reuters, Tass, BBC

ในตอนแรกไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับโอเรชนิค (Oreshnik) ขีปนาวุธที่โจมตีเมืองดนีโปรของยูเครนในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา หรือไม่รู้แม้กระทั่งว่ามันคือขีปนาวุธชนิดใด

พาเวล อัคเซนอฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากสำนักข่าวบีบีซี แผนกภาษารัสเซีย กำลังตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับขีปนาวุธดังกล่าว พร้อมกับสัญญาณอะไรที่ทำให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียพยายามจะส่งไปยังยูเครนและชาติตะวันตก จากการการตัดสินใจใช้ขีปนาวุธดังกล่าว

ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า การโจมตีเมืองดนีโปรทางตะวันออกของยูเครนเกิดขึ้นโดยใช้ “ขีปนาวุธพิสัยกลางแบบใหม่” ที่มีชื่อรหัสว่า “โอเรชนิค”

ยูเครน แม้ว่าจะโต้แย้งเรื่องนี้ โดยบอกว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธ Ked (Cedar) แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ไม่มากที่อาวุธชนิดนี้จะเป็นได้

การยิงขีปนาวุธในระยะไกลดังกล่าวไม่สามารถมองข้ามไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีหน่วยข่าวกรองหลายแห่งติดตามอย่างใกล้ชิด

Skip เรื่องแนะนำ and continue readingเรื่องแนะนำ

Stop of เรื่องแนะนำ

ขีปนาวุธดังกล่าวสามารถตรวจจับได้ชัดเจนในระหว่างทำการบิน โดยเฉพาะเปลวไฟที่ลุกไหม้ซึ่งไหลออกมาจากเครื่องยนต์จรวด ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยดาวเทียมและเครื่องบินลาดตระเวน

โดยหลักฐานสามารถเรียนรู้ได้มากมายจากไอเสียของขีปนาวุธ ซึ่งมักพบเห็นได้ในระหว่างการทดสอบหรือการฝึกซ้อม และคุณลักษณะของขีปนาวุธต่างๆ ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว

ด้วยการศึกษาข้อมูลการยิงจากขีปนาวุธใหม่ นักวิเคราะห์สามารถอนุมานได้มากขึ้น

แม้ว่าหน่วยข่าวกรองของชาติตะวันตกไม่ได้เผยแพร่ผลสรุปการตรวจสอบดังกล่าว แต่พวกเขาน่าจะมีความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเภทของขีปนาวุธ

นักวิจารณ์ในสื่อกระแสหลักและสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญต่างคิดทฤษฎีของตนเองโดยอิงจากเบาะแสอื่น ๆ ด้วย

แนวความคิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ รัสเซียได้ดัดแปลงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่อยู่ในระหว่างการทดลง ที่มีชื่อเรียกว่ารูเบซ (Rubezh) ซึ่งใช้สำหรับการโจมตีระยะกลาง

เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับโอเรชนิค ?

ที่มาของภาพ, EPA

คำบรรยายภาพ, ประธานาธิบดีปูตินประกาศเกี่ยวกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธทางสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย

ในคำแถลงของปูติน เขากล่าวว่าขีปนาวุธดังกล่าวติดตั้ง “หัวรบที่มีความเร็วเหนือเสียงที่ไม่ใช่แบบนิวเคลียร์” และหัวรบของมัน “โจมตีเป้าหมายด้วยความเร็ว 10 มัค ซึ่งอยู่ระหว่าง 2.5-3 กม./วินาที”

การไม่มีหัวรบนิวเคลียร์นั้นชัดเจน และความเร็วของหัวรบแบบขีปนาวุธของขีปนาวุธดังกล่าวนั้นเป็นชนิดความเร็วเหนือเสียง

ศูนย์ควบคุมอาวุธและการแพร่ขยายอาวุธ (Center for Arms Alter and Non-Proliferation) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ระบุตัวเลขในแผ่นพับว่าขีปนาวุธนิวเคลียร์จะต้องมีความเร็ว 3,200 กม./ชม. หรือเกือบ 900 ม./วินาที

มันเป็นการยากมากที่จะสกัดกั้นหัวรบที่เดินทางด้วยความเร็วดังกล่าว

ขีปนาวุธนี้มีหัวรบแยกออกจากกันและนี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดความสับสนมากที่สุดในหมู่ผู้ที่ออกมาแสดงความเห็น

วิดีโอที่ถ่ายทำขึ้นในช่วงเวลาของการพุ่งชนโจมตีในดนีโปรแสดงให้เห็นกลุ่มวัตถุ 6 กลุ่มที่ตกลงสู่พื้น แต่ละกลุ่มจะมีจุดเรืองแสงประมาณหกจุด

นี่ถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากสำหรับขีปนาวุธ อย่างไรก็ตาม ไม่พบการระเบิดบนพื้น ซึ่งบ่งชี้ว่าจุดที่เรืองแสงอาจเป็นกระสุนปืนกลจลนศาสตร์

สิ่งเหล่านี้อาจมีขนาดแตกต่างกันไป และอาจจะเป็นกระสุนโลหะ ที่พยายามทำลายเป้าหมายโดยใช้พลังงานจลน์ที่ปล่อยออกมาระหว่างการกระแทก เมื่อพิจารณาจากความเร็วสูง พลังงานนี้จะมีนัยสำคัญ

แหล่งข่าวหลายแห่งระบุว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงจากสถานที่ทดสอบ คาปูสติน ยาร์ ของแคว้นอแอสตราคาน ของรัสเซีย

หากเป็นกรณีนี้ ระยะการยิงของขีปนาวุธจะอยู่ที่ประมาณ 800-850 กม.

ประธานาธิบดีปูติน เรียก “โอเรชนิค” ว่าเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง โดยทั่วไประยะของขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยตั้งแต่ 1,000 – 5,500 กม. แต่นี่เป็นเพียงตัวเลขอย่างเป็นทางการเท่านั้น และเป็นไปได้ว่าขีปนาวุธดังกล่าวสามารถยิงได้ในระยะทางที่สั้นกว่า

ขีปนาวุธนี้สร้างขึ้นที่ไหน?

มีความเป็นไปได้มากว่าโอเรชนิคที่ปูตินกล่าวถึงนั้น ได้รับการพัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีความร้อนแห่งกรุงมอสโก (MIT)

ในรัสเซีย มีสองหน่วยงานที่พัฒนาขีปนาวุธประเภทนี้ คือ ศูนย์ขีปนาวุธเมเคเยฟ และศูนย์ MIT

หน่วยงานแห่งแรกจะมุ่งเน้นไปที่ขีปนาวุธเชื้อเพลิงเหลวซึ่งยิงจากไซโล มีน้ำหนักมากและมีพิสัยการยิงที่ไกลมาก ตัวอย่างเช่น พิสัยของขีปนาวุธซาร์มัตอ้างว่าสามารถไปไดไกลถึง 18,000 กม.

สถาบันเทคโนโลยีความร้อนแห่งกรุงมอสโกมีความเชี่ยวชาญในการสร้างขีปนาวุธขนาดเล็กพร้อมเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็งที่ปล่อยจากฐานยิงเคลื่อนที่

ขีปนาวุธเหล่านี้มีน้ำหนักเบากว่า มีหัวรบที่เล็กกว่า และมีพิสัยการบินได้ที่สั้นกว่า ตัวอย่างเช่น ขีปนาวุธยาร์ส (Yars) มีพิสัยการบินได้ 12,000 กม.

ดังนั้น ขีปนาวุธที่คล้ายกับขีปนาวุธที่โจมตีเมืองดนีโปรน่าจะได้รับการพัฒนาโดย MIT

พวกเขาเคยสร้างขีปนาวุธที่คล้ายกันมาก่อน เช่น RSD-10 Pioneer Missile ซึ่งใช้งานตั้งแต่ปี 1970 จนกระทั่งสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Vary Nuclear Forces -INF) มีผลบังคับใช้ในปี 1988

ในเวลานั้น ขีปนาวุธพิสัยกลางและระยะสั้นและเครื่องยิงขีปนาวุธในสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาถูกทำลาย และทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ผลิต ทดสอบ หรือปรับใช้ขีปนาวุธดังกล่าวในอนาคต

ขีปนาวุธถูกสร้างขึ้นเมื่อใด ?

สนธิสัญญา INF สิ้นสุดลงในปี 2019 ดังนั้น การพัฒนาขีปนาวุธดังกล่าว อย่างน้อยในแง่ของการนำไปใช้จริง สามารถเริ่มได้หลังจากวันดังกล่าวเท่านั้น

ในขณะนั้น เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียประกาศว่า รัสเซียตั้งใจที่จะสร้างระบบขีปนาวุธพิสัยกลางภาคพื้นดินภายในปี 2020 อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้น แต่การพัฒนาเกี่ยวกับขีปนาวุธดังกล่าวยังดำเนินอยู่

หนึ่งในการพัฒนาล่าสุดของ MIT คือ RS-26 Rubezh ซึ่งเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป มีการรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่าพิสัยของมันอยู่ระหว่าง 2,000 – 6,000 กม. ดังนั้นจึงแทบจะไม่เกินขีดจำกัดของสนธิสัญญา INF เลย

MIT พัฒนาขีปนาวุธดังกล่าวก่อนที่สนธิสัญญาจะสิ้นสุดลง สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซีย กล่าวว่า พลเอกอาวุโสเซอร์เกย์ คาราเกเยฟ ผู้บัญชาการกองกำลังขีปนาวุธยุทธศาสตร์ของรัสเซีย เปิดเผยลักษณะเฉพาะบางประการของขีปนาวุธดังกล่าวเมื่อปี 2013

“หากเรากำลังพูดถึงขีปนาวุธยาร์ส ที่ใช้ภาคพื้นดินเคลื่อนที่ [หมายถึง RS-26 Rubezh] ยานยิงมีน้ำหนักมากกว่า 120 ตัน ในขีปนาวุธที่อัปเกรดแล้วนี้ เราจะถึง … 80 ตัน ซึ่งทำให้มีน้ำหนักเบาขึ้น ” คาราเกเยฟกล่าว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง รัสเซียเริ่มพัฒนาขีปนาวุธที่มีน้ำหนักเบากว่าโดยใช้ขีปนาวุธยาร์ส ซึ่งเกินขีดจำกัดของสนธิสัญญา INF เพียง 500 กม.

ด้วยเหตุนี้ นักวิจารณ์หลายคนเห็นพ้องกันว่าโอเรชนิคที่ปูตินกล่าวถึงนั้น น่าจะเป็นระบบขีปนาวุธที่มีพิสัย 800 กม. หรือการพัฒนาเพิ่มเติมจากระบบนั้น ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อพิสัยที่สั้นกว่านั้นอีก

ความสำคัญของสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางเป็นอย่างไร

ที่มาของภาพ, Declare Emergency Service of Ukraine

คำบรรยายภาพ, เกิดการโจมตีด้วยขีปนาวุธโจมตีเมืองดนีโปรทางตะวันออกของยูเครน เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง หรือ INF มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความตึงเครียดในยุโรป

มีขึ้นตามแนวคิดเรื่องการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์ใช้ได้กับขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งสามารถตรวจจับการยิงได้ด้วยระบบเตือน ทำให้มีเวลาเพียงพอในการตอบสนองด้วยการตอบโต้ เช่นเดียวกับเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์

แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลหากวัดเวลาการบินของขีปนาวุธได้ภายในไม่กี่นาที

ขีปนาวุธพิสัยใกล้และระยะกลางเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการป้องกันการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์ที่มีประสิทธิผล ขีปนาวุธเหล่านี้สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสกัดกั้นหรือทำลาย ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสตอบโต้ตอบโต้ หรือมีเวลาไม่เพียงพอ

นอกจากนี้ เครื่องยิงแบบเคลื่อนที่สำหรับขีปนาวุธดังกล่าวยังตรวจจับและทำลายได้ยากมากในการโจมตีครั้งแรก

การปรากฏตัวของขีปนาวุธระยะสั้นและระยะกลางใกล้ชายแดนอาจกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งทางทหาร เนื่องจากขีปนาวุธดังกล่าวถือเป็นคำขู่ว่าจะโจมตีที่แทบจะป้องกันไม่ได้ สิ่งนี้อาจนำไปสู่การชิงโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก่อน

มีการแจ้งเตือนก่อนการโจมตีหรือไม่

การโจมตีที่เมืองดนีโปรถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ขีปนาวุธประเภทนี้ในการสู้รบ ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินประกาศว่า รัสเซียจะเตือนการใช้ขีปนาวุธดังกล่าว

“30 นาทีก่อนการปล่อยโอเรชนิค รัสเซียส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติไปยังสหรัฐฯ ผ่านทางศูนย์ลดความเสี่ยงด้านนิวเคลียร์” ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีปูติน กล่าว

สหรัฐฯ สั่งปิดสถานทูตของตนในกรุงเคียฟหนึ่งวันก่อนที่ขีปนาวุธจะถูกปล่อยออกไปเพื่อโจมตี เนื่องจากมี “ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศที่สำคัญที่อาจเกิดขึ้น”

สถานทูตสเปน อิตาลี และกรีซก็ปิดเช่นกัน ในขณะที่สถานทูตฝรั่งเศสและเยอรมนียังคงเปิดอยู่ แต่แนะนำให้พลเมืองของตนใช้ความระมัดระวัง

แพลตฟอร์มเทเลแกรมของยูเครนมีการรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้ขีปนาวุธ รูเบซต่อยูเครนก่อนที่จะมีการปล่อยขีปนาวุธ โดยมีรายงานว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกนำไปใช้ที่สถานที่ทดสอบคาปุสติน ยาร์ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธชนิดใหม่ เคยถูกประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้โดยนายวยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาความมั่นคงของรัสเซีย

“การใช้ระบบอาวุธใหม่ ซึ่งสหพันธรัฐรัสเซียไม่ได้ใช้ในดินแดนยูเครน ไม่สามารถตัดทิ้งออกไปได้” เขาเขียนไว้เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา