‘รมช.คมนาคม’ มอบหมาย ‘บ.วิทยุการบินฯ’ เร่งศึกษาแนวทางเพิ่มศักยภาพ ‘สนามบินภูเก็ต’ ให้รองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น โดยนำ ‘สนามบินฟุกุโอกะ’ มาเป็นต้นแบบ
…………………………………..
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯได้มอบหมายให้บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ศึกษาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินภูเก็ต ซึ่งเที่ยวบินหนาแน่นเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่สนามบินภูเก็ตมีศักยภาพในการรองรับเที่ยวบินได้ 25 เที่ยวบิน/ชั่วโมงเท่านั้น หรือคิดเป็น 12 ล้านคน/ปี
ทั้งนี้ บวท.ได้เลือกสนามบินฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นสนามบินหลักของภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น มาเป็นคู่เทียบและเป็น Benchmark (แบบอย่างสำหรับวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ) ในการกำหนดแนวทางเพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการจราจรทางอากาศของสนามบินภูเก็ต เนื่องจากสนามบินฟุกุโอกะ มีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกับสนามบินภูเก็ตและสนามบินหลักของภูมิภาคอื่นๆในประเทศไทย แต่สามารถเที่ยวบินได้ถึง 38 เที่ยวบิน/ชั่วโมง หรือ 24 ล้านคน/ปี
“บวท.คงต้องศึกษาแนวทางในการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของสนามบินภูเก็ต รวมทั้งสนามบินในภูมิภาคอื่นๆ เพื่อรองรับการจำนวนนักเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้ประเทศไทยมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคต่อไป” นางมนพร กล่าว
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ ประธานคณะกรรมการ บวท. กล่าวว่า บวท.จะนำรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการการจราจรทางอากาศ ทั้งลักษณะการบริหารจัดการห้วงอากาศ การบริหารจัดการลักษณะทางกายภาพ อาทิ ทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดอากาศยาน อาคารผู้โดยสาร และการบริหารจัดการการใช้งานทางวิ่ง ของสนามบินฟุกุโอกะ มาใช้ไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงรูปแบบและการบริหารจัดการสนามบินภูเก็ตและสนามบินภูมิภาคอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับของเที่ยวบินได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงสุด
นายพิเชฐ ยังระบุว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค.2567–ม.ค.2568 (4 เดือน) ปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศอยู่ที่ 165,474 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเที่ยวบินระหว่างไทย-ญี่ปุ่น มีปริมาณเที่ยวบินรวม 7,588 เที่ยวบิน หรือคิดเป็น 5 % ของเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นอยู่อันดับที่ 7 ของประเทศที่ทำการบินเข้า/ออกประเทศไทยสูงสุด ณ ปัจจุบัน โดยทำการบินเฉลี่ยประมาณวันละ 62 เที่ยวบิน
ในขณะที่ปริมาณเที่ยวบินระหว่างไทย-ฟุกุโอกะ นั้น มีการทำการบินเฉลี่ยวันละ 6 เที่ยวบิน คิดเป็น 10% ของเที่ยวบินระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่นทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้มีหลายสายการบินขอเพิ่มเที่ยวบินไปยังเมืองฟูกูโอกะ เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
ด้าน นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. กล่าวว่า จากการศึกษาแนวทาง วิธีการบริหารจัดการ และข้อจำกัดด้านต่างๆ ของสนามบินฟุกุโอกะเปรียบเทียบกับสนามบินภูเก็ต พบว่าแนวทางการเพิ่มความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของสนามบินภูเก็ตนั้น จะต้องพิจารณา 3 ด้าน ดังนี้
1.ด้านการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ต้องเลือกใช้ทางวิ่งขึ้น-ลง ที่เหมาะสม และในการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ โดย บวท. ได้ดําเนินโครงการ High Depth Runway Operation (HIRO) ณ สนามบินภูเก็ต เพื่อลดระยะการครองทางวิ่ง (Runway Occupancy Time (ROT)) ทําให้การจัดระยะห่างลดลง จะทำให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น
2.ด้านลักษณะทางกายภาพของสนามบิน ต้องพิจารณาลักษณะทางกายภาพของ Speedy Exit Taxiway (RET) ให้มีระยะทางที่เหมาะสม และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ จะทําให้อากาศยานใช้ระยะเวลาในการครองทางวิ่งน้อยลง สามารถลดระยะห่างของอากาศยานลดลง และสามารถรองรับเที่ยวบินได้มากขึ้น
3.ด้านกระบวนการตัดสินใจร่วมกันของผู้ใช้งาน ผู้ให้บริการ และผู้ดำเนินงานสนามบิน หรือ Airport Collaborative Resolution Making (A-CDM) และการบูรณาการร่วมกับระบบบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ (Air Web page visitors Lope Administration : ATFM) หรือ ATFM – ACDM Integration ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการในภาพรวมของสนามบินเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายณพศิษฏ์ กล่าวด้วยว่า บวท. ยังมีแผนในการนําระบบติดตามอากาศยานภาคพื้น Multilateration (MLAT) รวมทั้งระบบ Digital Tower มาใช้ในการจัดการจราจรทางอากาศ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการจราจรภายในพื้นที่สนามบินได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของสนามบินภูเก็ตให้ได้ 35 เที่ยวบิน/ชั่วโมง ภายในปี 2568
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )