กรมราชทัณฑ์โต้ทนาย ‘เสอ จื้อเจียง’ ยืนยันเรือนจำปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน เจ้าตัวสามารถติดต่อกับทนาย สื่อสารได้เป็นปกติ แจงข่าวถูกล่ามโซ่ไม่เป็นความจริง แต่เนื่องจากผู้ต้องขังมีพฤติกรรมผิดวินัยเรือนจำ-มีอิทธิพลทางการเงินสูง จึงต้องมีการคุมเข้ม ช่วงรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับนายเสอ จื้อเจียง ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันชาวจีนที่มีหมายจับจากตำรวจสากล ซึ่งนายเสอถูกจับในประเทศไทยเมื่อเดือน ส.ค. 2565 โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ทนายความส่วนตัวของนายเสอได้ออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจสากลระบุว่ามีความกังวลเป็นอย่างยิ่งที่นายเสอจะต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต ภายใต้การคุมขังภายในคุกไทย เพราะเขาได้รับการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรม โดยตอนนี้นายเสอที่ถือสัญชาติกัมพูชาพยายามอ้างตัวเองว่าเป็นสายลับจีน อ้างว่าตัวเองถูกจับด้วยเหตุผลทางการเมืองและคัดค้านการที่ทางการไทยจะส่งตัวเขากลับไปยังประเทศจีนเพื่อถูกดำเนินคดี
ขณะที่นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าจากกรณีดังกล่าว ในวันที่ 28 ม.ค.เช่นเดียวกัน ทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการทำเอกสารข่าวแจกยืนยันว่าข่าวดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง และทางเรือนจำได้มีการปฏิบัติต่อนายเสอตามหลักสิทธิมนุษยชน
โดยเนื้อหาของเอกสารข่าวแจกระบุว่า
ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวกรณี นายแส หรือเสอ จิ้นเจียง หรือจื้อเจียง ผู้ต้องขังชาวจีนซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำไทยถูกขังเดี่ยว ถูกล่ามโซ่ ถูกปฏิเสธไม่ให้ได้รับการรักษาพยาบาล ถูกปฏิบัติแบบไร้มนุษยธรรมเป็นพิเศษ และตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิมนุษยชน นั้น
กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางคลองเปรมว่า ได้รับย้าย นายแส หรือเสอ จิ้นเจียง หรือจื้อเจียง สัญชาติจีนและกัมพูชา ความผิดฐาน เปิดบ่อนคาสิโน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมและพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจและมีอิทธิพลทางการเงินสูง ตลอดจนอยู่ในระหว่างรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
โดยตั้งแต่วันที่รับตัวเข้ามาควบคุม เรือนจำฯ ได้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับโดยเฉพาะการดำเนินงานภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) เพื่อให้สามารถควบคุมดูแลผู้ต้องขังชาวต่างชาติให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน และข้อกำหนดของสหประขาชาติสำหรับปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (Same outdated Minimum Principles for the Therapy of Prisoners / SMR) แต่เนื่องจาก นายแสฯ ได้มีพฤติการณ์กระทำผิดวินัยเรือนจำ จึงต้องมีมาตรการควบคุม ที่เข้มงวดขึ้น เพื่อให้อยู่ในระเบียบวินัย ตลอดจนข้อบังคับต่างๆ ของเรือนจำ
ปัจจุบันนายแสฯ ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในเรือนจำเป็นปกติ เมื่อเจ็บป่วยได้รับการรักษาจากแพทย์ รวมทั้งได้เข้ารับโปรแกรมการฟื้นฟูสภาพร่างกาย อย่างสม่ำเสมอ และนายแสฯ ได้รับการติดต่อสื่อสารกับทนายความเป็นประจำ มีการรับ-ส่งจดหมายผ่านระบบออนไลน์ และสามารถเขียนจดหมายได้ตามสิทธิ การเผยแพร่ข่าวกรณีของนายแสฯ จึงไม่เป็นความจริง
กรมราชทัณฑ์ได้ยึดหลักการควบคุมดูแลผู้ต้องขังทุกราย ภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติงานด้าน การควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) รวมถึงยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ การปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ให้สอดคล้องกับมาตรฐานงานราชทัณฑ์ระดับสากล และข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังขององค์การสหประชาชาติ ให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยเคร่งครัด
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )