วัยรุ่นเกาหลีผ่านการสอบหฤโหด “ซูนึง” ที่ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ได้อย่างไร
Article info
- Author, ราเชล ลี
- Role, บีบีซีนิวส์
- Reporting from กรุงโซล เกาหลีใต้
8 ชั่วโมง, 5 วิชา, 4 ช่วงพัก, สอบเสร็จภายในวันเดียว และเป็นโอกาสเดียวที่จะต้องคว้าไว้ให้ได้เท่านั้น
การสอบ “ซูนึง” (Suneung) หรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นการสอบครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของบรรดาวัยรุ่นแดนโสมขาว เพราะผลการสอบจะกำหนดสถาบันอุดมศึกษาที่คนหนุ่มสาวจะได้เข้าเรียน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่ออาชีพการงานและรายได้ในอนาคต หรือแม้กระทั่งโอกาสในการหาคู่ครองก็อาจถูกกำหนดด้วยผลการสอบนี้
การสอบซูนึงนั้นถือได้ว่าเป็น “พิธีกรรมเปลี่ยนผ่าน” จากช่วงชีวิตในวัยหนึ่งไปสู่ความเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งยังเป็นการสอบที่ผู้คนต่างให้ความสำคัญอย่างสูง จนทั้งประเทศต้องหยุดนิ่ง โดยงดกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะไปรบกวนการสอบลงทั้งหมด
การสอบซูนึงคือการวัดความสามารถทางวิชาการ เพื่อเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา (College Scholastic Potential Test) โดยจะจัดสอบเพียงปีละครั้งในเดือนพ.ย. ซึ่งปีนี้กำหนดวันสอบตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. และนี่คือโอกาสเดียวในการแสดงความสามารถของนักเรียนชั้นมัธยมปลายชาวเกาหลีใต้
ผู้สื่อข่าวบีบีซีได้พูดคุยกับนักเรียนผู้เข้าสอบบางคนเกี่ยวกับเทคนิคการเตรียมตัวสอบ ซึ่งรวมถึงแผนการทำคะแนนและวิธีเอาตัวรอดจากการสอบแสนหฤโหด ที่พวกเขาต้องนั่งทำโจทย์และตอบคำถามของแต่ละวิชานานติดต่อกันหลายชั่วโมง
Skip เรื่องแนะนำ and continue readingเรื่องแนะนำ
Live of เรื่องแนะนำ
“ชีวิตประจำวันของฉัน วนเวียนอยู่แต่กับการสอบซูนึง”
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเกาหลีใต้ใช้เวลาทั้งสิ้น 8 ชั่วโมง โดยมีช่วงพักสั้น ๆ 20 นาที ระหว่างการสอบแต่ละวิชา และมีเวลาให้พักรับประทานอาหารกลางวัน 50 นาที ส่วนการสอบแต่ละวิชาจะกินเวลานานประมาณ 80-107 นาที ทำให้ผู้เข้าสอบต้องมีสมาธิจดจ่อกับการทำข้อสอบในระดับสูง
ฮวาง ฮันมิน หนุ่มวัย 19 ปี บอกว่าเขาและเพื่อนบางคนฝึกกินอาหารกลางวันแบบเดียวกับที่จะกินในวันสอบทุกวัน เพื่อให้ท้องคุ้นชินและมั่นใจได้ว่าจะย่อยได้ดี โดยไม่มีปัญหาเรื่องปวดท้องระหว่างการสอบ นี่เป็นเทคนิคหนึ่งที่ใช้กันแพร่หลายในหมู่ผู้เข้าสอบซูนึง ซึ่งจะต้องเตรียมข้าวกล่องมากินเองในช่วงพักกลางวันของวันสอบ
นักเรียนที่เข้าสอบมักได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารรสเผ็ดจัด และอาหารที่มีแป้งเป็นส่วนผสมหลักอย่างขนมปังหรือเส้นบะหมี่ โดยบรรดาผู้ปกครองและนักเรียนในชุมชนออนไลน์ของผู้เข้าสอบ จะแลกเปลี่ยนคำแนะนำว่าด้วยสิ่งที่ควรกินหรือไม่ควรกินกันอยู่เสมอ
ผลไม้อย่างกล้วยหรือแอปเปิล คือสิ่งที่นิยมแนะนำให้นักเรียนพกพาไปรับประทานในวันสอบ ส่วนส้มที่มีความเป็นกรดสูงนั้นไม่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยข้าวกล่องที่มีสมดุลโภชนาการดีสำหรับผู้เข้าสอบซูนึง มักประกอบไปด้วยข้าวสวย, ปลาย่างหรืออบ, อกไก่, ผัก, รวมทั้งซุปหรือน้ำแกงอุ่น ๆ ด้วย
“ก่อนจะถึงการสอบซูนึง เพื่อนของผมบางคนฝึกเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาอยู่เสมอ เพื่อให้คุ้นชินกับเวลาที่ต้องตื่นและเดินทางไปสอบ” ฮวางกล่าว “ร่างกายของเราต้องการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อที่จะพร้อมตั้งสมาธิทำข้อสอบได้”
นอกจากนี้ปัญหาเรื่องการขับถ่ายที่อาจรบกวนการสอบ ก็จะต้องถูกจัดการไว้ล่วงหน้าด้วยเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาเข้าห้องสอบได้อีกอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ต้องเสียเวลาไปห้องน้ำนานหลายนาที ฮวางบอกว่าเขาพบวิธีควบคุมอาการปวดปัสสาวะได้ หลังจากที่ได้ซ้อมเข้าสอบในรอบทดลองมาหลายครั้ง โดยการสอบซ้อมนั้นมีช่วงเวลาพักสั้น ๆ ระหว่างแต่ละวิชา 20 นาที เหมือนกับการสอบซูนึงไม่ผิดเพี้ยน
คัง จุนฮี วัย 20 ปี เข้าร่วมการสอบซูนึงเป็นครั้งที่สอง ตลอดช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาทุ่มเททุกสิ่งให้กับการสอบนี้ทั้งหมด โดยมุ่งเน้นสร้างวินัยให้ชีวิตประจำวันมีความเป็นระบบระเบียบมากขึ้น “ครั้งที่แล้วที่ผมเข้าสอบ ผมไม่ได้ใช้ชีวิตในทางที่สร้างสรรค์หรือเป็นประโยชน์เท่าที่ควร” คังกล่าวยอมรับตรง ๆ
คังบอกว่าตอนนี้เขา “อุทิศตนอย่างเต็มที่” ให้กับตารางเวลาการใช้ชีวิตประจำวันที่ออกแบบมาเพื่อการสอบซูนึงโดยเฉพาะ ทุกเช้าเขาจะตื่นนอนในเวลา 6.30 น. แล้วเริ่มลงมือทำข้อสอบวิชาสำคัญทันที เพื่อให้คุ้นชินกับตารางเวลาของการสอบซูนึงในวันจริง
คังบอกว่าเขาตัดสินใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง เพราะไม่พอใจกับผลการสอบของปีที่ผ่านมา แม้เขาจะเป็นคนเดียวในหมู่เพื่อนร่วมชั้นที่เข้าสอบซูนึงเป็นครั้งที่สองก็ตาม คังเผยว่าชีวิตโดดเดี่ยวของคนที่ต้องเตรียมตัวเข้าสอบใหม่นั้น ค่อนข้างจะยากลำบาก เพราะเพื่อน ๆ ต่างก็ได้ไปสนุกสนานกับการใช้ชีวิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยกันไปหมดแล้ว แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดในการสอบครั้งนี้
“การเตรียมตัวเข้าสอบซูนึงสอนให้รู้ว่า คนเราจะบรรลุเป้าหมายของตนเองได้อย่างไร” คังกล่าว
“สอบซ้อม” ช่วยได้อย่างไร
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นักเรียนผู้เข้าสอบซูนึงต้องทำ คือการเข้าสอบรอบทดลองหรือสอบซ้อมก่อนลงสนามจริง โดยในแต่ละปีจะมีการจัดสอบซ้อมระดับชาติ 3 ครั้ง ส่วนผู้ที่ขยันเป็นพิเศษก็อาจเข้าร่วมการสอบซ้อมที่จัดโดยสถาบันกวดวิชาเอกชนได้อีกหลายครั้ง
คัง ยูจุง นักเรียนหญิงอีกผู้หนึ่งบอกว่า การฝึกตนให้คุ้นชินกับการสอบที่เหมือนกับการสอบซูนึงอย่างไม่ผิดเพี้ยนนี้ ช่วยเธอได้อย่างมาก “ตอนแรกฉันไม่สามารถเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับข้อสอบได้นาน ๆ แต่หลังจากผ่านการสอบซ้อมไปสองสามครั้ง ฉันก็เริ่มเรียนรู้วิธีที่จะตั้งสมาธิได้ดีขึ้น” นอกจากนี้ เธอยังพูดกับตนเองอยู่บ่อย ๆ เหมือนท่องคาถาว่า “อย่ากังวลเกินไปนักเลย”
คังไม่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมทั่วไป และเคยเป็นเด็กที่เรียนหนังสืออยู่กับบ้านหรือ “โฮมสคูล” มาก่อน แต่ถึงกระนั้น เธอเตรียมสอบซูนึงกับโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งในย่านกังนัมของกรุงโซล โรงเรียนกวดวิชาเหล่านี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นชาวเกาหลีใต้ เพราะสามารถจะช่วยให้พวกเขาเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ดีขึ้น
ร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่รายรอบโรงเรียนกวดวิชา ล้วนมีบานหน้าต่างที่ติดป้ายคำอวยพร “ขอให้โชคดี” ร้านเหล่านี้มักเต็มไปด้วยนักเรียนจำนวนมาก ที่มานั่งอ่านหนังสือทบทวนก่อนสอบในนาทีสุดท้ายเสมอ
แม้คังจะเป็นนักเรียนในระบบโฮมสคูลมาก่อน แต่เธอก็ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่ทุ่มเทให้กับการเตรียมสอบซูนึงเช่นกัน เธอเชื่อมั่นว่า “การเรียนเป็นหนทางเดียวที่จะรับประกันอนาคตของคุณได้”
ผลการสอบซูนึงนั้นสำคัญต่อชีวิตในวันข้างหน้าอย่างยิ่ง โดยเป็นตัวกำหนดสถานะทางสังคมในอนาคตของผู้เข้าสอบแต่ละคน รวมทั้งกำหนดทัศนคติที่คนรอบข้างจะมีต่อเขาหรือเธอด้วย ผลสอบซูนึงนั้นยังมีอิทธิพลอย่างสูง แม้แต่ในเรื่องความรักและการหาคู่ครอง เพราะเป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่บ่งบอกว่า คุณคือคู่สมรสที่เหมาะสมกับอีกฝ่ายหรือไม่
การสอบซูนึงประกอบไปด้วยการวัดความรู้ใน 5 สาขาวิชา ได้แก่ภาษาเกาหลี, คณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ, ประวัติศาสตร์เกาหลี, และวิชาเลือก 1 วิชา ที่นักเรียนต้องเลือกระหว่างสังคมศึกษาหรือไม่ก็วิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ ผู้เข้าสอบยังสามารถจะเลือกสอบวิชาภาษาต่างประเทศเพิ่มเติมได้อีก 1 วิชา ไม่ว่าจะเป็นภาษาฝรั่งเศส, จีน, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, หรือภาษาอาหรับ
ลี ซังวอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ลองเข้าสอบซูนึงในปีนี้ กล่าวเน้นว่าความอึดทน, การรักษาแรงขับเคลื่อนให้คงที่, และการเชื่อมั่นในตัวเองนั้นสำคัญอย่างมาก “ผมขอแนะนำว่า ให้ลองสอบซ้อมวิชาภาษาเกาหลีตั้งแต่ช่วงเช้า ในเวลาเดียวกับที่การสอบจริงจะเริ่มขึ้น”
ลีกล่าวด้วยความเชื่อมั่นว่า การเริ่มต้นที่ดีนั้นคือกุญแจสู่ความสำเร็จ “หากคุณคิดว่าตัวเองทำพลาดไปในการสอบวิชาแรก มีความเสี่ยงสูงที่มันจะส่งผลกระทบต่อการทำข้อสอบในวิชาถัดมา”
“หลังพักรับประทานอาหารกลางวัน คุณจะต้องเข้าสอบวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งจะมีแบบทดสอบทักษะการฟังรวมอยู่ด้วย คุณจึงต้องแน่ใจว่า ตัวเองจะไม่รู้สึกง่วงเกินไปในตอนนั้น”
วันเปลี่ยนชีวิตของวัยรุ่นอายุ 19 ปี
โน จองโฮ ครูผู้สอนในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งเล่าว่า เขามีโอกาสได้ทำงานสอนกับนักเรียนจากหลากหลายภูมิหลัง ตั้งแต่คนที่ต้องเข้าสอบซูนึงใหม่อีกครั้ง ไปจนถึงนักเรียนผู้มีความสามารถทางวิชาการสูง และคนชนบทที่ย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงเพื่อการศึกษา ซึ่งเขาพบว่า
“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้เข้าสอบก็คือความภาคภูมิใจในตนเอง พวกเขาจำเป็นจะต้องมีความมั่นใจ รวมทั้งเชื่อมั่นในคำตอบที่เขียนลงไป เมื่อเข้าไปในห้องสอบแล้วก็ไม่มีใครจะช่วยพวกเขาได้” โนกล่าว
ครูโรงเรียนกวดวิชาผู้นี้ เป็นอีกคนหนึ่งที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำกิจวัตรประจำวันซ้ำ ๆ โดยให้ตรงตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ในช่วงหลายวันก่อนสอบ เขาแนะนำให้นักเรียนเริ่มการสอบซ้อมตอน 8.40 น. ของทุกวัน ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นเวลาเริ่มงานที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด
นอกจากครูและนักเรียนที่มีส่วนร่วมในการสอบโดยตรงแล้ว คนเกาหลีใต้ทั้งประเทศต่างก็ให้การสนับสนุนผู้เข้าสอบเช่นกัน ตัวอย่างเช่นมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ, นักดับเพลิง, หน่วยกู้ภัย, และรถพยาบาลเตรียมไว้แต่เช้า เพื่อช่วยส่งตัวนักเรียนที่กำลังจะสายไปยังสนามสอบ
บริษัทหลายแห่งของเกาหลีใต้ อนุญาตให้พนักงานมาสายกว่าเวลาปกติได้ในวันสอบซูนึง เพื่อให้การจราจรในช่วงเช้าไม่ติดขัดจนเกินไป แม้แต่ตลาดหลักทรัพย์ก็เปิดทำการสายกว่าปกติด้วย เที่ยวบินต่าง ๆ ถึงกับต้องหยุดบินขึ้นลงชั่วคราว 35 นาที ระหว่างที่มีการสอบทักษะการฟังภาษาอังกฤษ
มีการปิดโรงเรียนบางแห่งเพื่อใช้เป็นสนามสอบ บรรดานักเรียนรุ่นน้องต่างพากันมารอที่ด้านนอกสนามสอบแต่เช้า เพื่อให้กำลังใจรุ่นพี่ที่เข้าสอบด้วยการตีกลองและส่งเสียงร้องเพลงเชียร์
อาจารย์โนยังให้คำแนะนำทิ้งท้าย สำหรับนักเรียนที่กังวลว่าตนเองจะไม่สามารถรักษากำลังสมองให้แจ่มใสคงที่ไปตลอดรอดฝั่ง จนเสร็จสิ้นการสอบมาราธอนที่ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงได้ว่า
“ผมแนะนำอยู่เสมอว่า ให้ไปเดินเล่นระหว่างช่วงพัก” อาจารย์โนกล่าว “นักเรียนมักจะคิดว่า การนั่งอ่านหนังสือทบทวนในช่วงพักเป็นสิ่งสำคัญ แต่ผมจะบอกว่าควรไปเดินเล่นรอบ ๆ เสียหน่อย คุณสามารถเดินเล่นในพื้นที่สนามสอบได้ มันจะทำให้คุณตื่นตัวไม่ง่วงซึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาภาษาอังกฤษที่จัดสอบหลังอาหารกลางวัน”
ที่มา BBC.co.uk