ศาลอาญาระหว่างประเทศ ออกหมายจับเนทันยาฮู กระทบอิสราเอลอย่างไรบ้าง

ที่มาของภาพ, Reuters

Article recordsdata

  • Writer, แฟรงก์ การ์ดเนอร์
  • Role, ผู้สื่อข่าวด้านความมั่นคง บีบีซี
  • Reporting from นครเยรูซาเล็ม

การที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (Global Prison Courtroom – ICC) ประกาศออกหมายจับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และ โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ได้ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้อันโกรธเกรี้ยวจากกลุ่มผู้นำอิสราเอลจากทุกฟากฝั่งทางการเมือง

ในทางกลับกัน การออกหมายจับดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มฮามาส กลุ่มปาเลสไตน์อิสลามิกญิฮาด (Palestinian Islamic Jihad) รวมถึงพลเมืองทั่วไปในกาซา

ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซอก ของอิสราเอลเรียกมันว่าเป็น “วันที่มืดมิดสำหรับความยุติธรรมและมนุษยชาติ” โดยระบุว่าการตัดสินใจนี้ของศาลอาญาระหว่างประเทศเป็น “การเลือกข้างการก่อการร้ายและความชั่วช้าเหนือประชาธิปไตยและเสรีภาพ”

สำนักนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลเรียกมันว่า “การตัดสินใจที่ต่อต้านชาวยิว” และระบุว่าอิสราเอล “ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริงและไร้สาระดังกล่าวอย่างถึงที่สุด” พร้อมชี้ด้วยว่าศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นเป็น “องค์กรทางการเมืองที่ลำเอียงและแบ่งแยก”

ยูลี เอเดลสไตน์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านกิจการระหว่างประเทศและความมั่นคงของรัฐสภาอิสราเอล เรียกมันว่าเป็น “การตัดสินใจที่น่าละอายโดยองค์กรการเมืองที่ถูกกลุ่มผลประโยชน์อิสลามจับไว้เป็นตัวประกัน” ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอลบอกว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศได้สูญเสียความน่าเชื่อถือของตนเองไปแล้ว

ด้านฮามาสตอบรับอย่างดีกับการออกหมายจับดังกล่าว แต่ไม่ได้แสดงความเห็นถึงการที่ผู้บัญชาการทหารของกลุ่มฮามาสที่ชื่อ โมฮัมเหม็ด เดอีฟ ถูกออกหมายจับโดยศาลอาญาระหว่างประเทศเช่นกัน

ในแถลงการณ์ของกลุ่มฮามาสระบุว่า “เราขอเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกให้ความร่วมมือกับศาลอาญาระหว่างประเทศในการนำตัวอาชญากรสงครามไซออนิสต์อย่าง เนทันยาฮู และ กัลแลนต์ มาขึ้นศาล และเดินหน้าทันทีเพื่อหยุดอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นกับพลเรือนที่ไร้ทางสู้ในฉนวนกาซา”

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, เหล่านักกฎหมายต่างแสดงความสงสัยว่า เนทันยาฮูและกัลแลนต์ จะถูกนำตัวไปเข้ารับการพิจารณาคดีได้จริงหรือไม่

ส่วนประชาชนชาวปาเลสไตน์ทั่วไปในกาซาก็มีปฏิกิริยาในทางบวกต่อการออกหมายจับในครั้งนี้เช่นกัน

โมฮัมหมัด อาลี ชายวัย 40 ปีที่ต้องพลัดถิ่นจากกาซา ซิตี และตอนนี้ลี้ภัยอยู่ทางตอนกลางของกาซากล่าวว่า “เราถูกทำให้หวาดกลัวและหิวโซ บ้านของเราถูกทำลาย และต้องสูญเสียเด็ก ๆ ลูกชาย และคนที่รักไป เรายินดีกับการตัดสินใจนี้[ของศาลอาญาระหว่างประเทศ] และเราหวังว่าการตัดสินใจนี้ของศาลอาญาระหว่างประเทศจะถูกนำไปบังคับใช้ต่อ”

มูนีรา อัล-ชามี ผู้ซึ่งน้องสาวถูกสังหารโดยกองกำลังอิสราเอลเมื่อเดือนที่แล้ว เรียกการตัดสินใจของศาลอาญาระหว่างประเทศนี้ว่าเป็น “ความยุติธรรมสำหรับเหยื่อหลายหมื่นราย รวมถึงสำหรับ วาฟา น้องสาวของฉันด้วย”

หมายจับนี้มีผลอย่างไรบ้าง

มี 124 ประเทศทั่วโลกที่ลงนามให้สัตยาบันรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสหราชอาณาจักรด้วย แต่สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน รวมถึงอิสราเอล ไม่ได้ให้สัตยาบันดังกล่าว

ดังนั้นหมายความว่าในทางเทคนิคแล้ว หากเนทันยาฮูหรือกัลแลนต์เหยียบเข้าไปในดินแดนของประเทศใดก็ตามที่ได้ให้สัตยาบันไว้ พวกเขาทั้งสองก็จะต้องถูกจับและส่งตัวไปที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ

แต่เหล่านักกฎหมายนานาชาติต่างแสดงความสงสัย ว่าชายทั้งสองจะสามารถถูกนำตัวมาขึ้นศาลที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลอาญาระหว่างประเทศได้หรือไม่

ครั้งสุดท้ายที่เนทันยาฮูเดินทางออกนอกอิสราเอล ก็เพื่อไปเยือนสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา

ปีก่อน เขาเดินทางไปเยือนหลายประเทศ ซึ่งหลายประเทศในนั้นเป็นผู้ร่วมลงสัตยาบันรองรับขอบเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศด้วย นี่รวมถึงการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรในเดือน มี.ค. ด้วย

อย่างไรก็ตาม เป็นที่เชื่อกันว่าเนทันยาฮูคงไม่อยากเสี่ยงให้ตัวเองถูกจับโดยการเดินทางไปเยือนประเทศเหล่านั้นอีก รวมถึงประเทศต่าง ๆ ก็คงไม่อยากเผชิญสถานการณ์ที่ต้องเข้าจับกุมตัวเนทันยาฮูจริง หากเขาเดินทางไป

ที่มาของภาพ, EPA-EFE/REX/Shutterstock

คำบรรยายภาพ, รัฐมนตรีต่างประเทศของเนเธอร์แลนด์ระบุว่า ประเทศของเขาพร้อมทำตามหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ

ด้านฮามาสแทบไม่มีความกังวลต่อหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศที่มีต่อ อิบราฮิม อัล-มาสรี หรือที่รู้จักกันในชื่อ โมฮัมเหม็ด เดอีฟ ทั้งนี้ อิสราเอลเชื่อว่าเขาถูกสังหารแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ในปีนี้ แม้ว่านี่จะไม่เคยได้รับการยืนยันจากฮามาสก็ตาม

ส่วนผู้นำคนสำคัญของฮามาสอีกสองคนที่เคยเป็นที่ต้องการตัวของศาลอาญาระหว่างประเทศ ทั้ง ยาห์ยา ซินวาร์ และ อิสมาอิล ฮานิเยห์ ล้วนได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้วทั้งคู่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการตัดสินใจออกหมายจับในครั้งนี้ของศาลอาญาระหว่างประเทศได้กระทบสถานะของอิสราเอลในเวทีระหว่างประเทศอย่างมาก รวมถึงกระทบต่อชื่อเสียงของทั้งคู่ที่ถูกออกหมายจับ และที่สำคัญที่สุดคือกระทบต่อความพยายามของอิสราเอลที่นำเสนออย่างต่อเนื่องว่าปฏิบัติการทางทหารในกาซานั้นเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังที่ดีกับพลังอันชั่วร้าย

ในสายตาของพวกเขา อิสราเอลรู้สึกผิดหวังที่ดูเหมือนทั่วโลกจะลืมหรือไม่ก็มองข้ามความโหดร้ายที่ฮามาสได้ก่อขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. ปีก่อนไปแล้ว

ด้านชาวปาเลสไตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในกาซา รู้สึกว่าคำกล่าวหาของพวกเขาว่าอิสราเอลได้ก่ออาชญากรรมสงครามนั้น ตอนนี้ได้รับการยืนยันจากองค์กรระหว่างประเทศที่น่าเชื่อถือระดับหนึ่งแล้ว