สภาผู้บริโภค หารือ สภาทนายความ วางแนวทางการดำเนินคดีกรณี อุบัติเหตุพระราม 2 เสนอแนะเอาผิดผู้เกี่ยวข้องและเยียวยาผู้เสียหาย เสนอแนะต้องการฟ้องคดีเอาผิดผู้เกี่ยวข้องป้องปรามเหตุที่จะเกิดในอนาคต หลังข้อมูล ทล.ระบุสถิติตั้งแต่ปี 61 มีเหตุเกิด 2,500 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 144 ราย บาดเจ็บ 1,441 ราย แต่กลับไม่มีมาตรการดูแลความปลอดภัย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 20 มี.ค. สภาผู้บริโภคได้แถลงข่าวร่วมกับสภาทนายความถึงแนวทางดำเนินคดี จากกรณีอุบัติเกิดเหตุทางยกระดับบริเวณซอยพระรามที่ 2 ซอย 17 ทรุดตัว ทับคนงานที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งเป็นโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย
โดยนายวิเชียร ชุบไธสง สภาทนายความ กล่าวว่า สภาทนายความเห็นถึงความสำคัญและจำเป็นของการฟ้องคดีนี้ เพราะเมื่อมีอุบัติเหตุและการเสียชีวิตบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความวิตกกังวลและความไม่มั่นใจในการใช้เส้นทางดังกล่าวในการสัญจร ทั้งนี้ ส่วนของฟ้องคดีเป็นหน้าที่ของสภาทนายความในการลงไปดูรายละเอียดทั้งหมด
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า หลังจากนี้สภาทนายความจะตั้งคณะทำงานสำหรับกรณีนี้เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงต่าง ๆ และมีการรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานทั้งสภาผู้บริโภค สภาวิศวกร รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงสำหรับใช้ในการดำเนินคดีต่อไป โดยคาดว่าสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความครบถ้วนในการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานต่าง ๆ ด้วย
“สภาทนายความจะดำเนินการในทุกมิติทั้งคดีแพ่ง และปกครอง ส่วนคดีอาญาจะติดตามอย่างใกล้ชิด เรื่องปกครอง ทั้งนี้ ถ้าหากทำให้ศาลปกครองออก และมาตรการต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควร และออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจะดำเนินการได้เร็ว ละทำให้ประชาชนได้ประโยชน์”
นายวิเชียร กล่าวว่าจะตั้งมีการคณะทำงานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงต่าง ๆ และมีการรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งสภาผู้บริโภค รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อใช้ในการดำเนินคดีต่อไป คาดว่าสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความครบถ้วนในการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานต่าง ๆ ด้วย
ส่วนน.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภค เสนอให้มีการฟ้องคดีต่อผู้เกี่ยวข้องเพื่อป้องปรามเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะข้อมูลจากกรมทางหลวง (ทล.) ถึงสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนถนนพระราม 2 พบว่า ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน เกิดอุบัติเหตุรวมมากกว่า 2,500 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 144 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1,441 ราย และยังไม่พบว่ามีการเพิ่มมาตรการหรือพัฒนาระบบความปลอดภัยในการก่อสร้างบนถนนพระราม 2
“การป้องกันการเสียชีวิตของผู้บริโภคเป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องทำ ซึ่งเชื่อว่าต้นทุนในการป้องกันจะถูกว่าการเยียวยาแน่นอน วันนี้เราก็มาหารือกับสภาทนายความว่าจะสามารถฟ้องส่วนไหนได้บ้างโดยมีเป้าหมายเพื่อเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งสภาผู้บริโภคจะเดินหน้าเรื่องนี้จนถึงที่สุด” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ระบุ
ทั้งนี้ น.ส.สารี ตั้งข้อสังเกตเรื่องการก่อสร้างถนนที่มากเกินจำเป็น ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด โดยการก่อสร้างโครงการอื่น ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้าง กำลังวางแผน หรือในอนาคต เช่น กรณีทางด่วนขั้นที่ 2 ต้องมีการพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นของการสร้าง “ถ้ายิ่งสร้างยิ่งเสียชีวิต ก็ไม่ควรสร้าง” เพราะข้อมูลจากต่างประเทศwบว่าการสร้างถนนเพิ่มไม่สามารถแก้ปัญหารถติดได้ แต่ควรนำงบประมาณส่วนที่เหลือพัฒนาบริการขนส่งมวลชน
“การลงทุนเรื่องความปลอดภัยในปัจจุบัน ต่ำมาก ‘มูลค่าชีวิตของประชาชน ต่ำเหลือเกิน’ ดังนั้น สภาผู้บริโภคมีแนวคิดว่า จะทำอย่างไรให้การเยียวยาเพื่อทำให้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย และตระหนักว่าการลงทุนเรื่องความปลอดภัยมีมูลค่าน้อยกว่าการชดเชยเยียวยาต่อผู้บริโภค นี่คือสิ่งที่อยากเห็นจากกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เกิดการป้องปราม” น.ส.สารีกล่าว
ด้านนายบุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ภาพที่ผ่านมาของนนพระราม 2 คือ “เสียชีวิต จ่าย จบ” มีเพียงการจ่ายเงินเยียวยาเป็นรายกรณี แต่กลับไม่เห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบ และปรับปรุงเรื่องความปลอดภัย จึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่า ในอนาคตจัต้องเกิดอุบัติเหตุในลักษณะเดียวกันอีกกี่ครั้ง ต้องมีผู้เสียชีวิตอีกกี่รายจึงจะเกิดการปรับปรุง จึงเป็นสาเหตุที่ สภาผู้บริโภคเข้ามาหารือร่วมกับสภาทนายความในเรื่องการฟ้องคดี ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่ามีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วโดยความผิดพลาดของมนุษย์ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ซึ่งควรจะเป็นใคร ก็ต้องหาข้อมูลและหารือร่วมกัน
นายบุญยืน กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแล้ว ยังมีความเสียหายที่มองไม่เห็น โดยยกตัวอย่างพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแม่กลองที่มักจะขายของได้ดีในวันเสาร์อาทิตย์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นก็ทำให้สูญเสียรายได้ รวมถึงเรื่องการเดินทาง เช่น คนต้องเปลี่ยนเส้นทางที่ใช้สัญจร ยังไม่รวมถึงปัญหาเรื่องรถติดที่ทำให้คนที่จำเป็นต้องผ่านหรืออาศัยอยู่ตรงบริเวณที่เกิดเหตุได้รับความเดือดร้อน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิดจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )