สุดยอด “ฝนดาวตกควอดรานติดส์” ในปีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด มีวิธีการชมอย่างไร
ตำนานเล่าว่า ถ้าคุณขอพรขณะที่เกิดดาวตก แล้วสิ่งที่ขอไว้จะเป็นจริง ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติเช่นนี้ หรือเพียงแค่เพลิดเพลินไปกับการชมปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ก็ถือว่าคุณโชคดีแล้ว
เมื่อเข้าสู่ปี 2025 จะมีปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกควอดรานติดส์ (Quadrantids)” ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของปี คาดว่าช่วงที่จะเกิดขึ้นสูงสุดคือราว ๆ วันที่ 3-4 ม.ค. ที่สำคัญมันสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ที่จริงแล้ว ฝนดาวตกครั้งนี้เริ่มเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2024 และจะมีไปจนถึงวันที่ 12 ม.ค.
องค์การอุกกาบาตสากล (Global Meteor Group – IMO) คาดว่า ฝนดาวตกครั้งนี้จะถือว่าเป็น “ครั้งที่ดีที่สุดของปีนี้”
ขณะที่นาซา ระบุว่า ในช่วงพีค ภายใต้สภาพการชมในแบบอุดมคติหรือที่ดีที่สุด อาจะสามารถมองเห็นฝนดาวตกได้ถึง 120 ดวงในหนึ่งชั่วโมง โดยมีอนุภาคในอวกาศเดินทางเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกราว 40 กม./วินาที
อย่างไรก็ตาม “โดยปกติแล้วอาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ เนื่องจากช่วงที่มีกิจกรรมสูงสุดมีระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น (6 ชั่วโมง) ขณะที่สภาพอากาศในช่วงต้นเดือน ม.ค. ค่อนข้างเลวร้าย” IMO ระบุ
สำหรับชื่อของ “ฝนดาวตกควอดรานติดส์” ตั้งตามกลุ่มดาวควอดแดรนส์ มูราลิส (Quadrans Muralis) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากลุ่มดาวเครื่องมือเดินเรือ ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่เคยมีในแผนที่ดาวในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 (ในปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไปแล้ว) อยู่ระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ และกลุ่มดาวมังกร
เชื่อกันว่า ฝนดาวตกนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดยแอนโตนิโอ บรูคาลาสซี นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี เมื่อปี 1825 ซึ่งสังเกตเห็นอุกกาบาตที่เปล่งแสงออกมาจากท้องฟ้า
“บรรยากาศท้องฟ้าในขณะนั้น เต็มไปด้วยวัตถุเรืองแสงจำนวนมากที่รู้จักกันในชื่อ ดาวตก” เขากล่าว
ฝนดาวตกควอดรานติดส์ มีสาเหตุจากเศษอนุภาคจากอุกกาบาต (ที่มาจากหิน) ขณะที่ดาวตกชนิดอื่น ๆ เกิดมาจากดาวหาง (ซึ่งประกอบด้วยน้ำแข็งและฝุ่น)
วิธีการรับชมฝนดาวตกควอดรานติดส์
สำหรับฝนดาวตกควอดรานติดส์ในครั้งนี้ สถานที่ที่สามารถรับชมได้ดีที่สุดคือพื้นที่ทางซีกโลกเหนือ ซึ่งท้องฟ้าที่ดาวตกส่องสว่างจะปรากฎอยู่เหนือเส้นขอบฟ้า
น่าเสียดายที่ IMO ระบุว่า “กิจกรรมนี้มองเห็นได้เพียงเล็กน้อยจากทางใต้ของเส้นศูนย์สูตร” เนื่องจากการส่องสว่างจะมีไม่มากนัก หรืออาจไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เพราะช่วงเวลากลางคืนในช่วงฤดูร้อนค่อนข้างสั้น
อุกกาบาตเหล่านี้อาจจะปรากฏให้เห็นได้ทุกแห่งบนท้องฟ้า แต่จุดที่สามารถสังเกตการณ์ได้คือพื้นที่ราว ๆ 2 ใน 3 ของทางเหนือของขอบฟ้าในที่ที่มีบรรยากาศเบาบาง
ฝนดาวตกบางส่วนอาจจะสามารถมองเห็นได้ในบางโอกาสจากพื้นที่ในเมือง แต่หากคุณอยากได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุณควรเดินทางออกไปจากพื้นที่ในเมือง เนื่องจากมีมลภาวะทางแสงมากกว่า
“ยิ่งท้องฟ้ามืดเท่าใด โอกาสที่คุณจะได้เห็นฝนดาวตกชัดเจนก็มากขึ้นเท่านั้น” ดร. แอชลีย์ คิง นักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านอุกกาบาตจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติจากกรุงลอนดอน ของสหราชอาณาจักร กล่าว
ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงและส่องแสงสว่างทั่วท้องฟ้ายามกลางคืน ยิ่งจะทำให้การชมฝนดาวตกหรืออุกกาบาตเป็นไปได้ยากมากขึ้น ดังนั้นโอกาสที่ดีที่สุดคือช่วงที่ดวงจันทร์ดับหรือวันแรม 15 ค่ำ
ในช่วงวันที่มองเห็นดาวตกสูงสุด พระจันทร์ข้างขึ้นจะปรากฏบนท้องฟ้าไม่นานหลังพระอาทิตย์ตก และลอยต่ำลงต่ำกว่าขอบฟ้าค่อนข้างเร็ว ช่วยลดโอกาสที่มลภาวะทางแสงจะรบกวนการมองเห็นดาวตกได้
สำหรับการชมฝนดาวตกครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษใด ๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือ “ความอดทน” เท่านั้น
ดังนั้น เพียงแค่หาพื้นที่มืดห่างไกลจากแสงไฟในเมือง เอนหลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยหันปลายเท้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และปล่อยให้ตาคุ้นชินกับสภาพในความมืดเป็นระยะเวลาเพียง 15-20 นาที
“คุณอาจจะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ใน 10 นาทีแรก แต่เมื่อคุณคุ้นเคยกับสภาวะที่มีแสงน้อย คุณก็จะเริ่มสังเกตเห็นดาวตกได้มากขึ้น ดังนั้น อย่ายอมแพ้เร็วเกินไป” ดร.คิง แนะนำ
อะไรคือสาเหตุของฝนดาวตก ?
แม้ว่าจะถูกเรียกว่า “ดาวตก” แต่อุกกาบาตเหล่านี้ไม่นับว่าเป็น “ดาว” แต่อย่างใด พวกมันเป็นเพียงเศษซากเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการเกิดระบบสุริยะของเรา และเคลื่อนที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกก่อนที่จะเสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนเกิดการเผาไหม้
โดยส่วนใหญ่ของอุกกาบาตจะเป็นอนุภาคฝุ่น ขนาดไม่ใหญ่เกินไปกว่าเม็ดทราย และเดินทางด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“ขณะที่เศษอนุภาคเหล่านี้หลุดพ้นสภาวะสุญญากาศนอกโลกเข้ามาสู่ชั้นบรรยากาศของโลก พวกมันจะมีปฏิกิริยากับอนุภาคต่าง ๆ และไอออนในชั้นบรรยากาศของโลกและจะเกิดการเสียดสีจนเกิดความร้อนขึ้น ทำให้เกิดประกายส่องสว่างขึ้นจนเราสามารถมองเห็นได้” ดร.คิง อธิบาย
ส่วนฝนดาวตกจะเกิดขึ้นเมื่อโลกของเราได้โคจรผ่านกลุ่มอุกกาบาต ซึ่งเกิดจากดาวหางและดาวเคราะห์น้อย
ช่วงที่เกิดฝนดาวตกมากที่สุดหรือชุกที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อโลกของเราเคลื่อนที่ผ่านส่วนที่หนาแน่นที่สุดของกลุ่มอุกกาบาต จึงทำให้เราเห็นอุกกาบาตมากที่สุดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากคุณพลาดการชมฝนดาวตกตกควอดรานติดส์ครั้งนี้ ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เนื่องจากยังจะมีปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในปีนี้เช่นกัน แต่อาจจะไม่ได้เข้มข้นเท่าครั้งนี้ และอาจมองเห็นฝนดาวตกบางปรากฏการณ์ได้แบบชัด ๆ ในพื้นที่ทางซีกโลกใต้ด้วย
ที่มา BBC.co.uk