คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมตินำคำร้อง คดีฮั้วเลือก สว. เข้าที่ประชุมอีกครั้งวันที่ 6 มีนาคม 2568 – เชิญ คณะกรรมการการเลือกตั้งให้ข้อมูล เผย ที่ประชุม ถก ประเด็นข้อกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 49 เป็นอำนาจของ คณะกรรมการ กกต. หรือ เลขาธิการ กกต. แหล่งข่าว เผย เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้ ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจ หวั่น โดนคดีมาตรา 157 สวนทาง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นว่า ดีเอสไอ มีอำนาจดำเนินคดีอาญา-ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรง
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้จัดการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พร้อมด้วย พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานกรรมการคดีพิเศษ นายโกมล พรมเพ็ง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมประชุมในฐานะกรรมการคดีพิเศษด้วย ซึ่งมี พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ
หลังจากการประชุม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษได้เปิดเผยว่า การประชุมกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันนี้ มีการพิจารณาเพื่อมีมติให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ โดยที่ประชุมมีความเห็นเกี่ยวกับกรณีร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ในประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับอำนาจในการดำเนินการตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ว่า เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือเป็นอำนาจของเลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง
จึงมีมติให้คณะพนักงานสืบสวนฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษไปดำเนินการในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม และดำเนินการเสนอเรื่องผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) อีกครั้งในการประชุมครั้งที่ 3/2568 วันที่ 6 มีนาคม 2568 โดยจะมีการเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าให้ข้อมูลในประเด็นดังกล่าว เพื่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณามีมติต่อไป
ทั้งนี้ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 หมวดสอง การสืบสวน การไต่สวน และการดำเนินคดี มาตรา 49 บัญญัติว่า เมื่อความปรากฎต่อคณะกรรมการว่า หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองไว้พิจารณา และคณะกรรมการเห็นว่า เป็นการสมควรที่คณะกรรมการจะดำเนินการเองตามพ.ร.ป.นี้ ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนนั้น โอนเรื่องหรือส่งสำนวนการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองมาให้คณะกรรมการภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว
แหล่งข่าวในที่ประชุม กคพ. เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศราว่า นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อภิปรายให้เหตุผลข้อกฎหมายว่า ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจทำคดีนี้ ซึ่งเป็นอำนาจเฉพาะของ กกต. ในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ถ้ากรรมการลงมติรับ อาจจะถูกดำเนินคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ อย่างไรก็ตาม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิบางราย เห็นว่าในคดีอาญาดีเอสไอน่าจะมีอำนาจในส่วนของคดีอาญา ที่ไม่ใช่เกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสายวิชาการ อีกรายจึงเสนอให้เลื่อนไปก่อน เพราะเรื่องนี้ ไม่เคยผ่านคณะอนุกรรมการการกลั่นกรองฯ มาก่อน แม้จะมี ระเบียบ เลขานุการ กคพ.(อธิบดีดีเอสไอ) สามารถเสนอเรื่องได้ แต่ ควรทำตามขั้นตอนปกติคือเสนอเรื่องผ่านอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ก่อน
“ในที่ประชุมพูดถึง กกต. เยอะมากแต่ไม่มีตัวแทน กกต.ชี้แจง เลยให้ทำหนังสือเชิญประธาน กกต.มาชี้แจงด้วย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องที่ ดีเอสไอเคยส่ง คดีดังกล่าวไปให้ กกต. ดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 49 ถึงสามครั้ง แต่ กกต.ไม่ยอมตอบ“ แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ดังนั้นเพื่อให้เกิดความรอบคอบจึงจะต้องเชิญ กกต. มาชี้แจงและนำเรื่องเข้าพิจารณาในอนุกรรมการการกรองฯ ก่อนและจึงนำเข้าที่ประชุม กคพ.
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )