เจดี แวนซ์ มองโลกอย่างไร และทำไมจึงมีความสำคัญ ?

data
- Creator, ไมก์ เวนดลิง
- Role, บีบีซีนิวส์
การโต้เถียงที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาวดูเหมือนจะทำให้การเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐอเมริกากับยูเครนเกิดรอยปริขาด สร้างความสั่นสะเท้อนไปยังผู้นำยุโรป และตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของ เจดี แวนซ์ ในการแสดงออกถึงนโยบายต่างประเทศอันแข็งกร้าวของรัฐบาล “ทรัมป์ 2.0” เมื่อรองประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ออกมาท้าตีท้าต่อยบนเวทีโลก อะไรคือแรงขับเคลื่อนทัศนคติของเขาที่มีต่อโลก
การกล่าวสุนทรพจน์ต่างประเทศครั้งสำคัญครั้งแรกของ แวนซ์ ในงานประชุมความมั่นคงนครมิวนิกของเยอรมนี เมื่อกลางเดือน ก.พ. ทำให้ใครหลายคนรู้สึกประหลาดใจ
แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่สงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับกล่าวถึงความขัดแย้งถึงขั้นนองเ-ือดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงสั้น ๆ
ในทางกลับกัน เขาใช้การเปิดตัวบนเวทีระหว่างประเทศเพื่อตำหนิพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานและเสรีภาพในการพูด โดยระบุว่าสหภาพยุโรป (อียู) ต่อต้านประชาธิปไตย และกล่าวหาว่าอียูเพิกเฉยต่อเจตจำนงของประชาชน พร้อมตั้งคำถามว่าพวกเขายึดมั่นในคุณค่าร่วมอะไรกับสหรัฐฯ
“หากคุณลงสมัครโดยมีความหวาดกลัวต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งของคุณเอง อเมริกาก็ไม่สามารถทำอะไรให้คุณได้ และไม่มีอะไรที่คุณจะสามารถทำเพื่อชาวอเมริกันได้เช่นกัน” เขากล่าวเตือน
นี่ถือเป็นวิธีการที่ห้าวหาญและนี่อาจจะเป็นวิธีการแนะนำตัวที่คาดไม่ถึงของเขาเองต่อสังคมโลก ซึ่งเรียกความโกรธแค้นในหมู่พันธมิตรในยุโรป ทว่าไม่กี่วันต่อมา เขากลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง ในฐานะศูนย์กลางของการเปิดวิวาทะอย่างรุนแรงกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ผู้ที่เขากล่าวหาว่าไม่กตัญญูรู้คุณ
สำหรับผู้ที่เคยศึกษาเรื่องราวของ แวนซ์ มาก่อน ทั้ง 2 กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นตัวแทนของกลุ่มปัญญาชนในขบวนการอนุรักษนิยมที่แสดงออกถึงแนวคิดของ ทรัมป์ โดยเฉพาะแนวทาง “อเมริกาต้องมาก่อน” (The US First) ที่ถูกนำไปใช้อย่างขยายขอบเขต ในงานเขียนและบทสัมภาษณ์ แวนซ์ ได้แสดงอุดมการณ์ที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงจุดต่าง ๆ ระหว่างแรงงานชาวอเมริกัน ชนชั้นนำระดับโลก และบทบาทของสหรัฐฯ ที่มีต่อโลกในวงกว้าง
ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกับ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปีก่อน แวนซ์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการวิพากษ์วิจารณ์พรรคเดโมแครตอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติที่พรรคอนุรักษนิยมมักมอบหมายให้คู่หูของแคนดิเดตประธานาธิบดีเล่นบทนี้ และยังโต้เถียงกับบรรดาผู้สื่อข่าวอีกด้วย
แม้ว่าบทบาทอันใหญ่โตและไม่ธรรมดาของ อีลอน มัสก์ ในรัฐบาลทรัมป์จะบดบังรัศมีของเขาในตอนแรก แต่คำปราศรัยที่นครมิวนิกและการเผชิญหน้ากันที่ห้องทำงานรูปไข่ได้ช่วยยกระดับโปรไฟล์ของรองประธานาธิบดีรายนี้

ที่มาของภาพ : Reuters
นอกจากนี้ยังนำไปสู่คำถามเกี่ยวกับเส้นทางอุดมการณ์ที่คดเคี้ยวที่เขาดำเนินไประหว่างหลายปีที่อยู่ในขบวนการอนุรักษนิยม และสิ่งที่เขาเชื่ออย่างแท้จริงในเวลานี้
เจมส์ ออร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาปรัชญาและศาสนาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเพื่อนที่ แวนซ์ เรียกว่า “เชอร์ปาแห่งอังกฤษ” กล่าวว่า “เขาเป็นนักปฏิบัตินิยมมากกว่าเป็นนักอุดมคติ”
“เขาสามารถระบุได้ว่าอะไรเป็นผลประโยชน์ของอเมริกา และอะไรไม่ใช่ผลประโยชน์ของอเมริกา” ออร์กล่าว “และผลประโยชน์ของอเมริกาไม่ได้หมายถึงผลประโยชน์ของอุดมคติแบบนามธรรม หรือเค้าโครงข้อเสนอและแนวคิด แต่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนชาวอเมริกัน”
แวนซ์ หวนกลับไปยังแนวคิด “อเมริกาต้องมาก่อน” หรือบางครั้งอาจเป็น “ชาวอเมริกันต้องมาก่อน” หลายต่อหลายครั้งในสุนทรพจน์ โดยวาดเส้นแบ่งระหว่างสิ่งที่เขาตำหนิเกี่ยวกับแนวคิดทางเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในต่างแดน กับการต่อสู้ของชนชั้นแรงงานอเมริกันที่ถูกทิ้งไว้ในประเทศ
ตัวอย่างเช่น การประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว เขาแสดงความเสียใจที่เมืองเล็ก ๆ ทั่วสหรัฐฯ ต้องเดินทางไป “ทำงานต่างประเทศ ขณะที่ เด็ก ๆ ถูกส่งไปทำสงคราม” และเขาโจมตี โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้นว่า “เป็นเวลาครึ่งศตวรรษแล้วที่เขาเป็นผู้สนับสนุนนโยบายทุกประการเพื่อทำให้อเมริกาอ่อนแอลงและยากจนลง”
แต่ แวนซ์ ยังเป็นคนที่เติบโตมาอย่างยากลำบากในครอบครัวชาวโอไฮโอที่ตั้งรกรากอยู่ที่เทือกเขาแอปพาเลเชียน และกลายเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังในชั่วข้ามคืนจากหนังสือบันทึกความทรงจำขายดีเรื่อง ฮิลบิลลี เอเลจี (Hillbilly Elegy) ซึ่งเขาได้ทดลองเสนอมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย
เขาไม่เพียงเป็นอดีต “ผู้ต่อต้านทรัมป์” ที่บรรยายถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ว่า เป็น “คนน่ารังเกียจ” และ “โง่เขลา” เท่านั้น แต่หนังสือของเขายังโยนความผิดส่วนใหญ่สำหรับสถานการณ์อันเลวร้ายของคนจนในชนบทให้กับการตัดสินใจของปัจเจกบุคคลโดยตรงอีกด้วย
ล่าสุด เขาได้โยนความผิดนั้นให้กับกลุ่มชนชั้นนำ ซึ่งเขาให้นิยามกลุ่มเหล่านี้เอาไว้หลากหลาย เช่น พวกเดโมแครต พวกรีพับลิกันหัวรุนแรง กลุ่มเสรีนิยม ผู้นำองค์กร กลุ่มโลกาภิวัตน์ และนักวิชาการ

ที่มาของภาพ : Reuters
ในการกล่าวสุนทรพจน์ แวนซ์ โต้แย้งอยู่เป็นปกติว่า “อเมริกาไม่ใช่แค่แนวคิด… อเมริกาคือชาติ”
เขานำคำกล่าวนี้มาผูกเข้ากับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับสุสานบรรพบุรุษของครอบครัวตัวเองในรัฐเคนตักกี โดยบอกว่า เขา ภรรยา และลูก ๆ จะถูกฝังในสักวันหนึ่ง และชี้ว่าครอบครัวและบ้านเกิดมีความสำคัญมากกว่าแนวคิดหลักแบบดั้งเดิมบางประการของอเมริกา
ในมุมมองของ แวนซ์ ลำดับความสำคัญของรัฐบาลทรัมป์ควรเป็นการทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันดีขึ้น พวกเขาอยู่ในประเทศมาหลายชั่วอายุคน แต่กลับครองทรัพย์สินของประเทศไม่มากนัก
ร็อด เดรเฮอร์ นักเขียนแนวอนุรักษนิยมชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นเพื่อนของรองประธานาธิบดีด้วย กล่าวว่า ความคิดของ แวนซ์ เกิดจากความเชื่อที่ว่า “พรรครีพับลิกันสายกลาง… ล้มเหลวในการทำข้อเสนอเพื่อหยุดยั้งสงครามตลอดกาล และยังไม่สามารถเสนออะไรให้กับคนอเมริกันทั่วไปเช่นเดียวกับที่ภูมิลำเนาดั้งเดิมของเขา ซึ่งกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจากโลกาภิวัตน์ และผลกระทบจากการอพยพระหว่างประเทศจำนวนมากและยาเฟนทานิล”
เดรเฮอร์ ให้สัมภาษณ์กับรายการทูเดย์โปรแกรม (This day Programme) ของวิทยุบีบีซีช่อง 4 ในสัปดาห์นี้ว่า “เขาได้กินยาเม็ดสีแดงที่ทำให้ตาสว่างจากโดนัลด์ ทรัมป์ จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
“ยาเม็ดสีแดง” หรือ red tablet เป็นศัพท์แสลงที่ใช้ทางอินเทอร์เน็ตหมายถึง การตื่นรู้ในเรื่องบางอย่างอย่างกะทันหัน ซึ่งเม็ดสีแดงนี้ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง เดอะ แมตทริกซ์ (The Matrix) คำนี้มักใช้โดยชาวเน็ตฝ่ายขวาจัดที่เชื่อว่าตนสามารถเข้าถึงความจริงได้เป็นพิเศษ และผู้ที่มีมุมมองเสรีนิยม คนกลาง ๆ หรือตามแนวทางของสถาบันที่ไร้นักคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์
แวนซ์ เป็นรองประธานาธิบดีที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตมากกว่าผู้เป็นหัวหน้าของเขา เขาใช้เอกซ์ (X) อย่างกระตือรือร้น โดยมักเข้าไปตอบโต้กับผู้ใช้งานโดยตรง แทนที่จะใช้เป็นแพลตฟอร์มประกาศข่าวอย่างที่นักการเมืองหลายคนทำ
การปรากฏตัวของเขาในพอดแคสต์ฝ่ายขวาจัด ในขณะที่เขากำลังพยายามหาเสียงสนับสนุนการลงสมัครชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิก กลายมาเป็นประเด็นร้อนสำหรับฝ่ายตรงข้าม รวมถึงความคิดเห็นเชิงยั่วยุ เช่น สหรัฐฯ ถูกบริหารงานโดย “หญิงทาสแมวที่ไม่มีลูก”
เขาแต่งงานกับลูกสาวของผู้อพยพชาวอินเดีย และถูกปฏิเสธจากกลุ่มอัลต์ไรท์ (Alt-True) หลายครั้ง ถึงแม้เขาจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนกลุ่มนี้บางส่วนก็ตาม อย่างไรก็ตาม เขามีเพื่อนและพันธมิตรทั้งที่อยู่บนสุดของซิลิคอนวัลเลย์และในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
หลังสำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเยล เขาเข้าสู่โลกของการร่วมลงทุนโดย ปีเตอร์ เทียล ผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมที่มีอิทธิพลจากซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนการรณรงค์หาเสียงให้แก่เขาในวุฒิสภาสหรัฐฯ
แวนซ์ อ้างถึงบุคคล เช่น เคอร์ติส ยาร์วิน บล็อกเกอร์ ผู้เป็นปรมาจารย์คนสำคัญของขบวนการ “ปฏิกิริยาใหม่” ที่ฝันถึงสังคมทุนนิยมสุดขั้วที่ได้รับการช่วยเหลือจากเทคโนโลยี ภายใต้การนำของพระมหากษัตริย์ที่ทรงอำนาจ
ความคุ้นเคยที่เขามีต่อสิ่งที่อยู่นอกโลกอินเทอร์เน็ตแสดงออกมา เมื่อเขาแพร่กระจายข่าวลืออันเป็นเท็จว่าผู้อพยพกินสัตว์เลี้ยง และข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตในยูเครน ซึ่งบีบีซีสามารถติดตามกลับไปยังมอสโกได้
แคธี ยัง นักเขียนจาก The Bulwark สื่อฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต่อต้านทรัมป์ กล่าวว่า “เขาหมกมุ่นอยู่กับโลกออนไลน์มาก”
ในขณะเดียวกัน ยังกล่าวอีกว่า เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเขาเกี่ยวกับสุสานของครอบครัวและบ้านเกิดชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มทางการเมืองอีกประการหนึ่ง นั่นคือ “แนวคิดชาติภูมินิยมที่น่ารำคาญ”
“เรื่องนี้ทำให้คนบางกลุ่มรู้สึกไม่สบายใจ และนั่นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง” เธอกล่าว “มรดกส่วนหนึ่งของอเมริกาก็คือเราเป็นประเทศของผู้อพยพ โรนัลด์ เรแกน (อดีตประธานาธิบดีพรรครีพับลิกัน) พูดถึงเรื่องนี้ และสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเกี่ยวกับประเทศนี้คือ ใคร ๆ ก็สามารถมาที่นี่ ไม่ว่ามาจากส่วนไหนของโลกก็กลายมาเป็นชาวอเมริกัน”
แนวคิด “อเมริกันต้องมาก่อน” ของ แวนซ์ นั้นชัดเจนว่าสามารถขยายไปถึงประเด็นสงครามในยูเครนได้ เมื่อครั้งที่ยังเป็น สว. เขามักวิพากษ์วิจารณ์การมีส่วนร่วมของอเมริกาในสงคราม และการทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไปกับสงครามนี้
จอช ฮอว์ลีย์ อดีตเพื่อนร่วมสภาสูง-ร่วมพรรค ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐมิสซูรี เล่าให้บีบีซีฟังว่า “จุดยืนของเขาในตอนนั้นก็คล้ายกับที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก… ความขัดแย้งจะต้องยุติลง ความขัดแย้งจะต้องยุติลงด้วยวิธีที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และจะต้องยุติลงด้วยวิธีที่ทำให้พันธมิตรในยุโรปของเรามีความรับผิดชอบมากขึ้น”
แวนซ์ กล่าวหารัฐบาลไบเดนเป็นประจำว่า สนใจยูเครนมากกว่าการหยุดยั้งการอพยพที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ในปี 2022 ระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งวุฒิสภา และหลังจากการรุกรานของรัสเซีย เขาระบุว่า “ผมจะไม่ลังเลเลยหากจะให้ความสำคัญกับพรมแดนด้านตะวันออกของยูเครนในตอนนี้ เมื่อพรมแดนด้านใต้ของเราเองก็ถูกคลื่นยักษ์ผู้อพยพผิดกฎหมายกลืนกิน”
ความเห็นของเขาถูกเปิดเผยในระหว่างการโต้เถียงอย่างดุเดือดกับประธานาธิบดีเซเลนสกีในห้องทำงานรูปไข่ แวนซ์ กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ให้เกียรติ ส่งนักการเมืองไป “ทัวร์โฆษณาชวนเชื่อ” ในยูเครน และไม่แสดงความสำนึกบุญคุณต่อความช่วยเหลือของสหรัฐฯ อย่างเพียงพอ

ที่มาของภาพ : Getty Photographs
“ควรส่งคำขอบคุณไปยังสหรัฐฯ และประธานาธิบดีที่พยายามช่วยประเทศของคุณ” เขากล่าวกับประธานาธิบดีของยูเครน
การโต้เถียงดังกล่าวทำให้บรรดาผู้นำยุโรปต้องดิ้นรนปกป้อง เซเลนสกี ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพให้เป็นไปได้อีกด้วย
จากนั้น แวนซ์ ได้กระตุ้นให้เกิดความโกรธแค้นอย่างกว้างขวางจากพันธมิตร เมื่อเขาเย้ยหยันแนวคิดการรับประกันความปลอดภัยในรูปแบบของกองกำลัง “จากการกล่าวลอย ๆ ถึงบางประเทศประเทศที่ไม่ได้ทำสงครามมา 30 หรือ 40 ปีแล้ว”
ในเวลาต่อมา เขาปฏิเสธว่าไม่ได้พูดถึงสหราชอาณาจักรหรือฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเพียง 2 ประเทศในยุโรปที่ประกาศต่อสาธารณะว่ายินดีที่จะส่งเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพไปยังยูเครน
ทว่าท่าทีของรองประธานาธิบดีในการเหยียบย่ำพันธมิตรสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองโลกที่เขาพูดว่ามีเวลาไม่มากนักสำหรับ “ลัทธิศีลธรรมเกี่ยวกับ ‘ประเทศนี้ดี' และ ‘ประเทศนี้เลว'”
“นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องตาบอดทางศีลธรรมอย่างสิ้นเชิง แต่หมายความว่าคุณต้องซื่อสัตย์กับประเทศที่คุณคบค้า และหน่วยงานด้านนโยบายต่างประเทศของเราส่วนใหญ่ในประเทศนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการทำเช่นนั้น” เขากล่าวกับคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เมื่อปีที่แล้ว
น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปจากช่วง 2 ปีที่ดำรงตำแหน่งในวุฒิสภาสหรัฐฯ ก่อนที่ ทรัมป์ จะเลือกเขามาเป็นคู่หู
คอรี บุคเกอร์ จากพรรคเดโมแครต กล่าวถึง แวนซ์ ว่าเป็นคน “มีเหตุผลและรอบคอบมาก”
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นถึงทำให้ผมประหลาดใจ” บุคเกอร์ กล่าวกับบีบีซี
เช่นเดียวกับ เดวิด ฟรัม นักเขียนของนิตยสารเดอะ แอทแลนติก (The Atlantic) ที่กล่าวว่า มุมมองของ แวนซ์ เปลี่ยนไปอย่างมากตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาจ้างอดีตนาวิกโยธิน ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตตในขณะนั้น ให้เขียนบทความเกี่ยวกับการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยมลงในเว็บไซต์ของเขาเมื่อกว่า 15 ปีก่อน
“เขาไม่ได้เป็นนักรบด้านวัฒนธรรมอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้เลย” ฟรัม กล่าว
ฟรัม อดีตผู้เขียนคำปราศรัยของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช และนักวิจารณ์ตัวยงของ ทรัมป์ กล่าวว่า มุมมองของ แวนซ์ เกี่ยวกับรัสเซียสะท้อนให้เห็นถึง “การชื่นชมในอุดมการณ์”
ในนครมิวนิก รองประธานาธิบดีแวนซ์กล่าวถึงเสรีภาพในการพูดโดยอ้างถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอนุรักษนิยมและคริสเตียนในประเทศตะวันตก แต่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงการปราบปรามการแสดงออกอย่างรุนแรงของรัสเซีย
แวนซ์ และพันธมิตรของเขาปฏิเสธว่าเขาเห็นอกเห็นใจปูติน
“ผมไม่เคยเถียงเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่า ปูติน เป็นคนใจดีและเป็นมิตร” แวนซ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐโอไฮโอ กล่าวในสุนทรพจน์ที่การประชุมความมั่นคงนครมิวนิกในปี 2024
“เราไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเขา เราสามารถโต้แย้งกับเขาได้ และเรามักจะโต้แย้งกับเขา” เขากล่าว “แต่ความจริงที่ว่าเขาเป็นคนเลว ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถดำเนินการทางการทูตขั้นพื้นฐานและให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของอเมริกาได้”
บีบีซีได้ได้ขอความเห็นจากทำเนียบขาวเกี่ยวกับจุดยืนของ แวนซ์ ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและรัสเซีย
ในมุมมองของแวนซ์ การยุติความขัดแย้งในยูเครนโดยเร็วไม่เพียงแต่หมายถึงการหยุดยั้งการใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ถูกส่งไปยังยูเครน ซึ่งอยุ่ไกลหลายพันไมล์เท่านั้น
เขาเองก็พูดว่ามีประเด็นใหญ่ ๆ ที่สหรัฐฯ และมิตรประเทศควรให้ความสำคัญมากกว่ายูเครนก็คือภัยคุกคามจากจีน ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “คู่แข่งที่สำคัญที่สุดของเรา…ในอีก 20 หรือ 30 ปีข้างหน้า”
มุมมองของแวนซ์ เกี่ยวกับยูเครนและความเต็มใจของเขาที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณะได้สร้างช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นในช่วงต้นของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของ ทรัมป์
นี้ไม่เพียงเป็นนำเสนอภาพประกอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับอุดมการณ์ของรองประธานาธิบดีเท่านั้น ยังรวมไปจนถึงการฉายภาพความโดดเด่นของเขาในรัฐบาลทรัมป์ และมุมมองของเขาต่อที่ทางของอเมริกาในเวทีโลกอีกด้วย
รายงานเพิ่มเติมโดย ราเชล ลูเคอร์ และ แอนโธนี ซูร์เชอร์ ในกรุงวอชิงตัน และ ลิลี จามาลี จากนครซานฟรานซิสโก
ข้าม YouTube โพสต์ ยินยอมรับเนื้อหาจาก Google YouTube
บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจาก Google YouTube เราขอความยินยอมจากคุณก่อนใช้คุกกี้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บันทึกอะไรลงไป คุณอาจต้องอ่านนโยบายคุกกี้ของ Google YouTube และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google YouTube ก่อนให้ความยินยอม หากต้องการอ่านเนื้อหานี้ โปรดเลือก “ยินยอมและไปต่อ”
เนื้อหาจาก YouTube อาจมีโฆษณา
สิ้นสุด YouTube โพสต์
ที่มา BBC.co.uk