เจาะลึกกลยุทธ์ชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์ ร่วมต่อสู้ต้านรัสเซียอย่างไรในสงครามยูเครน

ที่มาของภาพ, EPA-EFE/REX/Shutterstock

Article records

  • Writer, ยูนา คู และ ริชาร์ด คิม
  • Function, บีบีซี แผนกภาษาเกาหลี

กลุ่มผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือที่ประจำอยู่ในเกาหลีใต้กำลังเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนภารกิจที่กล้าหาญและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือการเดินทางไปยังแนวหน้าสนามรบในยูเครน เพื่อช่วยเหลือทหารเกาหลีเหนือที่ประจำการอยู่ที่นั่น และโน้มน้าวใจพวกเขาให้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ

พวกเขาให้เหตุผลว่า ความเข้าใจเชิงลึกที่ไม่เหมือนใครของพวกเขาเกี่ยวกับกรอบความคิดและโครงสร้างของกองทัพเกาหลีเหนือ หมายความว่าพวกเขาน่าเป็นผู้เหมาะสมที่สุดที่จะโน้มน้าวทหารเกาหลีเหนือเหล่านั้น ซึ่งเชื่อว่าได้รับการปลูกฝังให้มองว่าการเสียชีวิตของพวกเขานั้นเป็น “เกียรติยศ” ให้แปรพักตร์ได้

รายงานเกี่ยวกับการส่งทหารไปยังรัสเซียของเกาหลีเหนือระบุว่า พวกเขาได้ส่งทหารประมาณ 10,000 นายไปสู้รบในยูเครน นี่ทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้แปรพักตร์ในเกาหลีใต้

หลายคนมองว่า นี่เป็นความเคลื่อนไหวของ คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพื่อหาเงินทุนสำหรับประเทศของเขา และปรับปรุงเทคโนโลยีทางทหารให้ทันสมัย ​​โดยหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ประเมินว่า ทหารที่ประจำการแต่ละคนอาจได้รับรายได้ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (69,000 บาทต่อเดือน) ซึ่งถือเป็นโชคลาภสำหรับรัฐบาลเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ ทหารเกาหลีเหนือเคยถูกส่งไปรบในสงครามเวียดนามในช่วงทศวรรษที่ 1970 แต่การมีส่วนร่วมของพวกเขาในยูเครนถือเป็นกรณีแรกในสงครามสมัยใหม่

ในทางเทคนิคแล้ว เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้อยู่ในภาวะสงครามกันนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเกาหลี ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี 1950-1953 โดยทั้งสองประเทศได้รับการสนับสนุนจากจีนและสหรัฐฯ ตามลำดับ และยังคงมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกันอยู่

มีการประเมินว่ามีชาวเกาหลีเหนือประมาณ 34,000 คนแปรพักตร์ไปทางเกาหลีใต้แล้วนับตั้งแต่คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งแยกเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว

เรียกร้องให้ดำเนินการ

กลุ่มประชาสังคมสองกลุ่มที่นำโดยผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ ได้แก่ สมาคมทหารชาวคริสเตียนเกาหลีเหนือ (North Korean Christian Soldiers’ Association) และกองทหารอาวุโสผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือ (North Korean Defector Senior Military) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมประณาม “พฤติกรรมที่ไร้มนุษยธรรม” ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ และเรียกร้องขอให้ผู้แปรพักตร์ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยังยูเครน

“เราขอประณามพฤติกรรมอันไร้มนุษยธรรมของรัฐบาลของคิม จอง-อึน อย่างถึงที่สุด ที่ส่งลูกชายของประชาชนไปเป็นวัตถุที่ใช้ทำสงคราม เพื่อหาเงินทุนสำหรับการปกครองประเทศและปรับปรุงยุทโธปกรณ์สงครามให้ทันสมัย” พวกเขากล่าว

ซิม จู-อิล อดีตเจ้าหน้าที่และผู้นำสมาคมทหารคริสเตียนเกาหลีเหนือ เชื่อว่าภารกิจนี้ของพวกเขามีความจำเป็นเร่งด่วน

“ทหารเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปอาจต่อสู้ภายใต้ภาพลวงตาที่ได้รับการปลูกฝังมาจากการศึกษาของพวกเขาในเกาหลีเหนือ โดยเชื่อว่า ‘การตายของฉันช่างน่ายินดี' เราต้องทำให้พวกเขาตระหนัก (ว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น)” เขากล่าว

“ถ้าผมไปแนวหน้า ผมอาจจะเผชิญหน้ากับปืนและกระสุนจากทหารเกาหลีเหนือ แต่ผมจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้พวกเขาเกี่ยวกับความเป็นจริงของสงคราม” เขากล่าวเสริม

กลยุทธ์โน้วน้าวใจให้แปรพักตร์มีอะไรบ้าง

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, สื่อของรัฐเกาหลีเหนือเผยแพร่รูปภาพนี้เมื่อวันที่ 11 ก.ย. แสดงให้เห็นการฝึกของกองกำลังพิเศษระหว่างการตรวจตราโดยคิม จอง-อึน

ผู้แปรพักตร์เสนอวิธีการต่าง ๆ ในการเข้าถึงกองทหารเกาหลีเหนือที่ประจำการอยู่ โดยใช้การทำสงครามจิตวิทยาผ่านใบปลิวที่โปรยโดยโดรน โทรโข่ง และการรณรงค์ผ่านสื่อสังคมสังคมออนไลน์

“เราจะใช้โดรนเพื่อเผยแพร่ใบปลิว [สื่อโฆษณาชวนเชื่อ] และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น ยูทิวบ์ หากเราสามารถเข้าใกล้แนวหน้าได้ เราก็สามารถใช้โทรโข่งเพื่อทำสงครามจิตวิทยาได้” ดร.อัน ชาน-อิล ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาเกาหลีเหนือระดับโลกและผู้นำกองทัพอาวุโสผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือ กล่าว

ดร.อัน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำงานในกองพันป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเกาหลีเหนือ มีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กองกำลังพิเศษของเกาหลีเหนือจะเข้าไปเกี่ยวข้องในสงครามยูเครนครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงหน่วยสตอร์มคอร์ป (Storm Corps) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้วย โดยนี่เป็นหน่วยที่ได้รับการฝึกเรื่องการแทรกซึม การก่อวินาศกรรมโครงสร้างพื้นฐาน และการลอบสังหาร

“หากกองทัพเกาหลีเหนือสองหรือสามกองพลถูกส่ง [ไปยังรัสเซีย] เราก็มีงานต้องทำอย่างแน่นอน นั่นคือเหตุผลของการออกคำแถลงดังกล่าว” เขากล่าว

รายงานระบุว่าผู้แปรพักตร์บางรายได้จัดตั้งองค์กรขึ้นเมื่อไม่นานมานี้โดยมีเป้าหมายเพื่อชักจูงให้ทหารเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปยูเครนแปรพักตร์ กลยุทธ์ของพวกเขาก็เช่น การส่งแผ่นพับและไฟล์เสียงให้กับกองกำลังยูเครนเพื่อให้คำแนะนำในการหลบหนีจากแนวหน้า

อะไรคือความท้าทาย

อุปสรรคในทางปฏิบัติและการทูตทำให้แผนเหล่านี้ซับซ้อนขึ้น กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ออกคำสั่งห้ามการเดินทางไปยูเครน หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี หรือปรับเป็นเงินสูงสุด 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 240,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีความกลัวว่าการส่งผู้แปรพักตร์ไปยังยูเครนอาจยั่วยุทางการเกาหลีเหนือและรัสเซีย ส่งผลให้ความมั่นคงในภูมิภาคไม่มั่นคงมากขึ้นไปอีก

“เป็นเรื่องดีที่จะประกาศว่า ‘เราจะไปสู้' แต่จริง ๆ แล้วการส่งทหารออกไปนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ลี มิน-บก หัวหน้ากลุ่มรณรงค์ชวนเชื่อด้วยการปล่อยบอลลูนไปยังเกาหลีเหนือ (North Korea Balloon Team) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนืออีกกลุ่มหนึ่งกล่าว

ขณะที่คนอื่น ๆ ตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ในการโน้มน้าวทหารเกาหลีเหนือให้แปรพักตร์ว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่

หนึ่งในนั้นคือ ลี วุง-กิล อดีตสมาชิกชั้นนำในกองกำลังสตอร์มคอร์ปของเกาหลีเหนือ เขาเตือนว่าความพยายามดังกล่าวอาจส่งผลตรงกันข้าม “หากคุณพยายามพูดให้พวกเขาแปรพักตร์ พวกเขาจะยิงคุณที่ศีรษะ” เขากล่าว

นอกจากนี้ เขายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ผู้แปรพักตร์บางคนซึ่งอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้มานานหลายปี ยังขาดความรู้ที่ทันสมัยเกี่ยวกับพลวัตภายในของกองทัพเกาหลีเหนือด้วย

นายซิมจากสมาคมทหารคริสเตียนเกาหลีเหนือ ตระหนักถึงความท้าทายในการทำลายระเบียบวินัยและความภักดีที่ฝังแน่นอยู่ในกองทหารเกาหลีเหนือ

“คิม จอง-อึน ต้องการให้ผู้คนพูดว่า ‘กองทัพเกาหลีเหนือคือของจริง' เมื่อกองทหารของเขาไป (สู่สนามรบ) และต่อสู้ได้เป็นอย่างดี”

“การวางแผนส่งกองทหารเกาหลีเหนือไปยูเครนถูกวางแผนล่วงหน้าแค่หนึ่งหรือสองวัน [เท่านั้น] หรือ พวกเขาต้องวางแผนร่วมกับรัสเซียและฝึกรบตามนั้น” เขากล่าว

“[เหล่าทหารเกาหลีเหนือ] คือคนที่มุ่งมั่นและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อย่างกล้าหาญและยอมตายเพื่อผู้นำและพรรค ไม่ใช่ว่าเราแค่รวบรวมคนที่ไม่มีเงินหรือไม่มีอะไรกินแล้วส่งพวกเขาไปรบ”

สำหรับดร.ดู จิน-โฮ แห่งสถาบันวิเคราะห์ด้านกลาโหมแห่งเกาหลี เขามองว่า การเผยแพร่ข้อความเสียงด้วยลำโพงโดยตรงมีความเสี่ยงสูง

“ทันทีที่พวกเขาเปิดการถ่ายทอดเสียงออกไปผ่าน [ลำโพงต่อต้านเกาหลีเหนือ] ก็จะถูกโดรนโจมตี” เขากล่าวเตือน

ลี วุง-กิล อดีตสมาชิกสตอร์มคอร์ปผู้นี้เสนอแนะว่า ควรลดวิธีการสื่อสารในทางตรงลงจะดีกว่า โดยเขาเชื่อว่า ข้อความวิดีโอหรือการบันทึกเสียงอาจมีประสิทธิภาพมากกว่า

“การส่งวิดีโอสั้น ๆ จากผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือที่มาที่นี่ [เกาหลีใต้] และมีชีวิตอย่างมีความสุขเช่นนี้จะเป็นประโยชน์มากกว่ามาก”

เนื่องจากทหารเกาหลีเหนืออาจประสบปัญหาในการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น นายลีจึงเสนอให้ส่งเครื่องเล่น MP3 หรือโทรศัพท์มือถือเก่า ๆ ที่โหลดไฟล์เหล่านี้ไว้ข้างใน

ความไม่ย่อท้อ

ที่มาของภาพ, Chung Sung-Jun/Getty Photos

คำบรรยายภาพ, รัฐบาลยูเครนเผยแพร่วิดีโอบนยูทิวบ์และเทเลแกรมเพื่อให้กองทหารเกาหลีเหนือยอมจำนน

แม้จะมีความเสี่ยงและความกังขาจากผู้อื่น แต่ผู้แปรพักตร์ยังคงแน่วแน่ในภารกิจนี้ของพวกเขา

“พวกเรา [ผู้แปรพักตร์] คือคนที่ทำในสิ่งที่เราเชื่อว่าถูกต้อง มันจะมีความหมายเพียงใดหากได้ใช้ชีวิตในวันท้าย ๆ เพื่อการนี้” นายซิมกล่าว

ขณะที่แผนของผู้แปรพักตร์เหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการหารือ แต่ดูเหมือนรัฐบาลยูเครนได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยพวกเขาเผยแพร่วิดีโอโฆษณาชวนเชื่อที่มุ่งเป้าไปที่ทหารเกาหลีเหนือซึ่งมีชื่อว่า “A Discover to the Soldiers of the Korean Folk’s Military” (แปลเป็นภาษาไทยว่า “ข้อความฝากถึงทหารกองทัพประชาชนเกาหลี”) ผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ยูทิวบ์ และเทเลแกรม

กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ “ไม่ขอแสดงจุดยืน” เกี่ยวกับความตั้งใจของผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือที่จะเดินทางไปยังยูเครน

เฮอรี ทิคกี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวกับบีบีซีว่า ผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือได้รับการ “ต้อนรับ” และได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วม “กองทหารนานาชาติของเรา”

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พวกเขามาที่นี่ในยูเครน และร่วมมือกับพวกเขา ความรู้เกี่ยวกับกองกำลังเกาหลีเหนือ ภาษา และความเข้าใจที่พวกเขามี อาจมีคุณค่าอย่างเหลือเชื่อสำหรับพวกเรา” เขากล่าว

นอกจากนี้ เขายังระบุด้วยว่า “การที่ปูตินนำกองทหารเกาหลีเหนือมาร่วมในการทำสงครามเชิงรุกกับยูเครน ก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงระดับโลกซึ่งต้องการการตอบสนองจากทั่วโลก” เขากล่าวทิ้งท้าย