เปิดภาพถ่ายหายากยุคแรกของเทือกเขาหิมาลัยจากนักสำรวจชาวอิตาลี

ที่มาของภาพ : DAG

วิตตอริโอ เซลลา บันทึกภาพยอดเขาในเทือกเขาคาราโคเรม เมื่อกว่าศตวรรษที่แล้ว

วิตตอริโอ เซลลา คือช่างภาพชาวอิตาลียุคบุกเบิกซึ่งผลงานการถ่ายภาพของเขาในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 มีส่วนสำคัญต่องแวดวงการถ่ายภาพภูเขาและประวัติศาสตร์ของการปีนเขา

ภาพถ่ายเทือกเขาหิมาลัยที่หาชมได้ยากของช่างภาพคนนี้ ยังคงเป็นหนึ่งในภาพถ่ายที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ที่กรุงเดลีของอินเดีย กำลังมีการจัดแสดงนิทรรศภาพที่ชื่อว่า “วิตตอริโอ เซลลา: ช่างภาพในเทือกเขาหิมาลัยผู้นำเสนอความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาหิมาลัยผ่านเลนส์”

นิทรรศการนี้จัดขึ้นโดย ฮิวจ์ ทอมสัน นักสำรวจและนักเขียนชาวอังกฤษชื่อดัง และเดลี อาร์ต แกลอรี (Delhi Art work Gallery – DAG) โดยนิทรรศการครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในคอลเลกชันผลงานศิลปะในอินเดียของวิตตอริโอ เซลลา ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง

นิทรรรศการนี้ประกอบด้วยภาพถ่ายบนระดับความสูงในยุคแรก ๆ ที่มีการถ่ายภาพเอาไว้ของยอดเชาสองแห่ง ได้แก่ ภูเขากันเจนชุงคา (Kanchenjunga) ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสามของโลก และภูเขาเคทู (K2) ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลก โดยทั้งสองภาพถูกถ่ายไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว

and proceed readingเรื่องแนะนำ

Close of เรื่องแนะนำ

ที่มาของภาพ : DAG

เกมกีฬาโปโลในเมืองกิลกิต บัลติสถาน (Gilgit Baltistan) ปัจจุบันอยู่ทางตอนเหนือของปากีสถาน

วิตตอริโอ เซลลา (1859–1943) เกิดที่เมืองบิเอลลาทางตอนเหนือของอิตาลีซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าขนสัตว์ เขาเริ่มต้นการปีนเขาครั้งแรกที่เทือกเขาแอลป์ใกล้กับบ้านเกิด

“ตลอดอาชีพการงานของเขา เซลลาได้ใช้ทักษะด้านวิศวกรรมและเคมีที่เขาได้เรียนรู้มาจากโรงงานขนสัตว์และการพร่ำสอนจากพ่อของเขา” ธอมสันกล่าว

เมื่อเซลลาอายุ 20 ปี เขาได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคการถ่ายภาพที่ซับซ้อน เช่น กระบวนการโคลโลเดียน ซึ่งทำให้เขาสามารถประดิษฐ์กระจกแผ่นขนาดใหญ่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากได้

ภาพถ่ายพาโนรามาของเขาที่ถ่ายขึ้นด้วยความสมบูรณ์แบบทางเทคนิค ได้รับความชื่นชมจากทั่วโลก

ที่มาของภาพ : DAG

ทิวทัศน์ของเมืองดาร์จีลิงและภูเขากันเจนชุงคา เมื่อปี 1889

การเดินทางบนเทือกเขาหิมาลัยของเซลลาเริ่มต้นขึ้นในปี 1899 โดยเขาได้ร่วมการสำรวจกับดักลาส เฟรชฟิลด์ นักสำรวจชาวอังกฤษ ในการสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ภูเขากันเจนชุงคา

การเดินทางสำรวจโดยรอบภูเขาแห่งนี้ยังกินพื้นที่เข้าไปในเขตของประเทศเนปาล ซึ่งยังคงเป็นประเทศที่ไม่ได้ติดต่อกับโลกในขณะนั้น

แม้ว่าความทะเยอทะยานในการปีนเขาของคณะสำรวจจะมีอุปสรรคขวางกั้นจากฝนที่ตกหนัก แต่เซลลาก็ใช้โอกาสนั้นในการถ่ายภาพยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เขาทดลองอย่างไม่หยุดหย่อนกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการถ่ายภาพเทเลเฟโตหรือภาพระยะไกลของยอดเขาคานเชนจุงกา ซึ่งภาพถ่ายของเขานำผู้ชมไปสู่โลกที่อมตะเหนือกาลเวลา

ที่มาของภาพ : DAG

พระอาทิตย์ตกที่ยอดเขาบรอดพีกในเทือกเขาคาราโคเรม เมื่อปี 1909

ที่มาของภาพ : DAG

ภาพภ่ายภูเขาเคทูจากทางฝั่งตะวันตก บันทึกโดยเซลลา

หนึ่งทศวรรษต่อมา เซลลาบรรลุความสำเร็จที่สูงขึ้นครั้งใหม่ทั้งในด้านการปีนเขาและในทางศิลปะจากการร่วมเดินทางสำรวจไปยังภูเขาเคทู ในปี 1909 ร่วมกับดยุกแห่งอาบรูซซี

ภาพถ่ายของเซลลาจากภูเขาที่ปีนขึ้นไปยากที่สุดในโลกเป็นหลักฐานถึงทักษะและความอึดของช่างภาพผู้นี้ เพราะเขาได้แบกกล้องที่มีน้ำหนักเกือบ 30 กิโลกรัม ขึ้นไปบนนั้น โดยเดินทางผ่านภูมิประเทศที่อันตรายต่าง ๆ เพื่อสร้างสรรค์ภาพที่นิยามความหมายของการถ่ายภาพภูเขา

จิม เคอร์แรน ผู้เขียนหนังสือ K2: The Narrative of the Savage Mountain (หรือแปลได้ว่า ภูเขาเคทู เรื่องราวของภูเขาอันป่าเถื่อน) กล่าวว่า เซลลา “อาจจะเป็นช่างภาพถ่ายภาพภูเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด… ชื่อของเขา เป็น สัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบทางเทคนิคและความละเอียดอ่อนทางสุนทรียศาสตร์”

ที่มาของภาพ : DAG

จุดพักค้างแรมระหว่างเดินทางขึ้นเขาคาราโคเรมของหิมาลัย เมื่อปี 1909

เซลลาเป็นที่รับรู้ในเรื่องความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถเดินทางข้ามเทือกเขาแอลป์ได้อย่างรวดเร็ว แม้จะต้องแบกอุปกรณ์ถ่ายภาพที่มีน้ำหนักมากก็ตาม

สายสะพายกล้องและรองเท้าบูทของเขาในเวลานั้น มีน้ำหนักรวมกันมากกว่าในยุคปัจจุบันถึงสามเท่า และมันถูกเก็บรักษาไว้ที่สถาบันถ่ายภาพในเมืองบิเอลลา เฉพาะเพียงเสื้อผ้าอย่างเดียวก็มีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัม ขณะที่อุปกรณ์กล้อง รวมถึงกล้อง Dallmeyer ขาตั้งกล้อง และแผ่นกระจก มีน้ำหนักรวมกันอีก 30 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าขีดจำกัดน้ำหนักสัมภาระของสายการบินในปัจจุบัน

ที่มาของภาพ : DAG

สะพานเชือกข้ามแม่น้ำพูมาห์ในเทือกเขาคาราโคเรม เมื่อปี 1909

ที่มาของภาพ : DAG

ยอดเขาหิมาลัยเมื่อมองจากแคชเมียร์ ในปี 1909

ฮิวจ์ ทอมสัน เปิดเผยว่าเซลลาถ่ายภาพยอดเขาเคทูไว้ราว 250 ภาพ ด้วยกล้อง Ross & Co ในช่วงระยะเวลา 4-5 เดือน ส่วนที่ยอดเขากันเจนชุงคา เขาถ่ายไว้ประมาณ 200 ภาพ

“เทียบกับยุคดิจิทัลในปัจจุบัน การถ่ายภาพจำนวนมากเท่านี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร หรือแม้กระทั่งช่วงท้าย ๆ ของยุคฟิล์ม มันก็เทียบเท่ากับฟิล์มแค่ประมาณ 8 ม้วน ซึ่งช่างภาพในช่วงปี 1970 อาจใช้หมดในช่วงเช้าของการถ่ายภาพบนภูเขาลูกเดียว แต่ยุคที่เซลลาถ่ายภาพเหล่านั้น นี่เป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก”

“มันหมายความว่าเขาต้องใส่ใจและคิดอย่างรอบคอบกับทุกภาพ เพราะเขามีแผ่นเพลทให้ถ่ายค่อนข้างน้อย”

ที่มาของภาพ : DAG

นักปีนเขาค้างแรมบนธารน้ำแข็งในเทือกเขาหิมาลัย เมื่อปี 1899

หลายปีต่อมา แอนเซล อดัมส์ ช่างภาพและนักปีนเขาที่มีชื่อเสียง เขียนถึงภาพถ่ายของเซลลาว่า “ความบริสุทธิ์ในการตีความของเซลลา ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเคารพอย่างลึกซึ้ง”

การถ่ายภาพที่ระดับความสูงบนภูเขามาพร้อมกับความเสี่ยง ภาพถ่ายที่ทะเยอทะยานที่สุดหลายภาพของเซลลาเสียหาย เพราะสภาพอากาศชื้น ทำให้แผ่นรองกั้นไปติดกับตัวแผ่นเนกาทีฟ

แต่ภาพที่รอดมาได้เผยให้เห็นถึงมุมมองที่ยอดเยี่ยม ทอมสันกล่าว

“เซลลาเป็นหนึ่งในคนแรก ๆ ที่รับรู้ว่า รอยเท้าในหิมะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการจัดองค์ประกอบภาพราว เช่นเดียวกับนักปีนเขาที่ทิ้งรอยเท้าพวกนั้นไว้”