เปิด 3 ข้อความอ่อนไหวเกี่ยวกับการโจมตีกบฏฮูตีในเยเมน จาก “แช็ตหลุด” ฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ

Article data
- Creator, เบิร์นด์ เดบุสมันน์ จูเนียร์
- Role, ผู้สื่อข่าวบีบีซีนิวส์ ประจำทำเนียบขาว
การหารือของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมน ได้รับการเผยแพร่เนื้อหาฉบับเต็มโดยนิตยสาร ดิ แอตแลนติก (The Atlantic) แล้ว
เนื้อหานี้มาจากกลุ่มสนทนาในแอปพลิชัน Signal ที่ เจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร ดิ แอตแลนติก ถูกดึงเข้าไปอยู่ในกลุ่มด้วยความผิดพลาด
หลังเปิดเผยตัวอย่างบทสนทนาบางส่วนไว้ในบทความก่อนหน้านี้ เขาตัดสินใจเผยแพร่การสนทนาเกือบทั้งหมดเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ภายหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนยืนกรานว่าไม่มีการแบ่งปันข้อมูลลับใด ๆ ในกลุ่มดังกล่าว
โกลด์เบิร์ก เขียนว่า “คำกล่าวเหล่านี้ทำให้เราเชื่อว่าผู้คนควรดูข้อความเหล่านี้เพื่อหาบทสรุปด้วยตัวเอง”
ต่อไปนี้คือ 3 ข้อความไฮไลท์ พร้อมบทวิเคราะห์
เรื่องแนะนำ
Stop of เรื่องแนะนำ
ตารางเวลาการโจมตี
ข้อความเหล่านี้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการของกองทัพสหรัฐฯ ในการโจมตีในเยเมนที่เรียกว่า “แพ็คเกจ” (equipment) ซึ่งเป็นคำศัพท์ทางทหารที่หมายถึง กลุ่มของเครื่องบิน ระบบอาวุธ และอุปกรณ์ประมวลข้อมูลข่าวกรองของหน่วยที่เข้าร่วมในปฏิบัติการ
“ความคิดที่ว่าข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นข้อมูลลับในเวลานั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจได้” เกล็นน์ เกอร์สเตลล์ อดีตที่ปรึกษาทั่วไปของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือเอ็นเอสเอ (NSA) กล่าวกับบีบีซี
เขากล่าวเสริมด้วยว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจได้รับการยกเลิกชั้นความลับในภายหลัง แต่การดำเนินการทางทหารใด ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ที่เกี่ยวข้องกับกองทหารสหรัฐฯ จะถูกจัดชั้นให้เป็นความลับตอนที่ข้อมูลดังกล่าวถูกแชร์

ข้อความจาก พีท เฮกเซธ ระบุว่า เครื่องบินรบเอฟ 18 (F-18) มีกำหนดปล่อยตัวเมื่อใด รวมถึงการโจมตีจะเกิดขึ้นเมื่อใด และการโจมตีแบบ “ตอบสนอง” (place apart of living off-essentially based) อาจเกิดขึ้นภายในกรอบเวลาใด
ในบริบทนี้ “ทริกเกอร์” (place apart of living off) หมายถึงชุดของพารามิเตอร์ที่ต้องได้รับการยอมรับก่อนที่จะนำอาวุธไปใช้งาน อาจเป็นจุดอ้างอิงทางภาพ เช่น โทรศัพท์มือถือที่ทำให้เกิดแสงสว่างขึ้นได้
ข้อมูลนี้ถือเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูง
ฟิลิป อิงแกรม อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารของกองทัพอังกฤษ บอกกับบีบีซีว่า ข้อมูลที่คล้ายคลึงกันนี้ “จัดอยู่ในประเภทข้อมูลลับสุดยอด”
“คุณสามารถวางแผนในทางปฏิบัติว่า เครื่องบินจะบินมาจากที่ไหน” เขากล่าวเสริม
หลังจากการเปิดเผยการสนทนาดังกล่าว ทำเนียบขาวและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายอื่น ๆ โต้แย้งว่าข้อมูลนี้ไม่ได้เท่ากับ “แผนการทำสงคราม”
ในข้อความที่โพสต์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ข้อความหนึ่งของเฮกเซธกล่าวว่า “ดิ แอตแลนติก เปิดเผยสิ่งที่เรียกว่า ‘แผนการทำสงคราม' แต่ ‘แผนการ' ดังกล่าวไม่ระบุชื่อคน ไม่ระบุเป้าหมาย ไม่ระบุสถานที่ ไม่ระบุหน่วย ไม่ระบุเส้นทาง ไม่มีแหล่งที่มา ไม่มีวิธีการ”
“คนยิvขีปนาวุธ” ของฮูตี เดินเข้าไปยังบ้านแฟนสาวที่ถูกยิvถล่ม
ในแช็ตส่วนนี้ของการสนทนา ไมค์ วอลท์ซ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการโจมตี ซึ่งในภาษาทหารเรียกว่าการประเมินความเสียหายจากการสู้รบ หรือ BDA (battle concern evaluation)
วอลซ์ให้ข้อมูลว่า อาคารเป้าหมายได้พังทลายลงมา และก่อนหน้านี้กองทัพสหรัฐฯ ได้ระบุตัวเป้าหมายที่พวกเขาเรียกว่า “คนยิvขีปนาวุธ” ของกลุ่มฮูตี เดินเข้าไปในอาคารซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบ้านพักของแฟนสาวได้อย่างชัดเจน

ในข้อความดังกล่าว วอลท์ซแสดงความยินดีกับพีท โดยหมายถึงเฮกเซธ รวมถึง IC ซึ่งเป็นคำย่อของ “ชุมชนข่าวกรอง (intelligence community)” และ คูริลลา ซึ่งหมายถึงไมเคิล คูริลลา นายพลแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ ผู้กำกับดูแลกองบัญชาการกลาง ซึ่งเป็นกองบัญชาการรบระดับภูมิภาคที่มีหน้าที่รับผิดชอบตะวันออกกลางและบางส่วนของเอเชียกลางและเอเชียใต้
ข้อความไม่ได้เปิดเผยว่าการติดตามตำแหน่งหรือการเคลื่อนไหวของเป้าหมายทำด้วยวิธีอะไร
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารที่บีบีซีพูดคุยด้วย แต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ ชี้ว่าพวกเขาอาจใช้ส่วนผสมของระบบติดตามทางอากาศ ความสามารถในการติดตามที่ใช้เทคโนโลยี หรือข้อมูลข่าวกรองของมนุษย์บนพื้นดินร่วมกัน หรืออาจใช้แหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งรวมกัน
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย fifty three รายจากการโจมตีทางอากาศครั้งแรกของสหรัฐฯ ต่อเป้าหมายกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งโจมตีเป้าหมายมากกว่า 30 แห่ง รวมถึงศูนย์ฝึกอบรม โครงสร้างพื้นฐานด้านโดรน ตลอดจนสถานที่ผลิตและจัดเก็บอาวุธ และศูนย์ควบคุมและสั่งการ รวมถึงศูนย์แห่งหนึ่งที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่ามีผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานไร้คนขับอยู่หลายราย
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าวอลท์ซหมายถึงเป้าหมายใดจากการแช็ตในกลุ่มสนทนาดังกล่าว
กิจกรรมต่าง ๆ ของซีไอเอในเยเมน
นี่อาจจะเป็นอีกข้อความหนึ่งที่อ่อนไหวจาก โจ เคนท์ อดีตทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และผู้สมัคร สส. สอบตก ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ

ในข้อความของเขา เคนท์อ้างถึงการโจมตีที่อิสราเอลกระทำด้วยตนเอง
กองทหารอิสราเอลโจมตีเป้าหมายกลุ่มฮูตีในเยเมนซ้ำแล้วซ้ำเล่านับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามในฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของกลุ่มฮูตีต่อเป้าหมายของอิสราเอลที่ดำเนินการเพื่อสนับสนุนกลุ่มฮามาส
การโจมตีล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 และ 26 ธ.ค. ของปีที่แล้ว
ตามที่เคนท์กล่าว รัฐบาลอิสราเอลจะพยายาม “เติมเต็ม” คลังอาวุธที่ใช้ในการโจมตีครั้งต่อไป แม้เขาเชื่อว่านั่นเป็นเพียง “ปัจจัยรอง” ก็ตาม
มีข้อความที่ละเอียดอ่อนกว่าเล็กน้อยจาก จอห์น แรทคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง หรือซีไอไอ (CIA) ระบุว่าสหรัฐฯ กำลัง “ระดมทรัพยากร” เพื่อช่วยโจมตี แต่ความล่าช้า “จะไม่ส่งผลกระทบเชิงลบ” ต่อการทำงานของหน่วยงานในเยเมน
“จะใช้เวลาเพิ่มเติมเพื่อระบุจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าสำหรับการรายงานเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของกลุ่มฮูตี” เขากล่าว
ทรัพยากรในบริบทนี้อาจหมายถึงสายลับที่ดำเนินการโดยซีไอเอบนพื้นที่ในเยเมน หรือหมายถึงวิธีการทางเทคโนโลยี เช่น การบินโดรนเพื่อการเฝ้าระวัง
มิก มัลรอย อดีตรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม และอดีตเจ้าหน้าที่กึ่งทหารของซีไอเอ กล่าวว่า ข้อความของแรทคลิฟฟ์มีความละเอียดอ่อนมาก
“โดยพื้นฐานแล้ว เราไม่อยากแบ่งปันว่าซีไอไอมุ่งเน้นไปที่จุดไหน” เขากล่าวเสริม
แรทคลิฟฟ์กล่าวในการไต่สวนของสภาเมื่อวันพุธว่าเขาไม่ได้ส่งข้อมูลลับ
รายงานเพิ่มเติมโดย โนเมีย อิกบาล และ รูธ โคเมอร์ฟอร์ด
ที่มา BBC.co.uk