ตลอดหกสัปดาห์แรกที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้ “อีลอน มัสก์” เป็นหัวหน้าหน่วยงาน “กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล” หรือ DOGE ได้เข้าไปป่วนหน่วยงานราชการต่างๆ ของสหรัฐฯ โดยอ้างว่าเข้าไป ‘ตรวจสอบ' เพื่อแก้ไขการทุจริตและสิ้นเปลือง แต่ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชีแล้ว หน่วยงาน DOGE เองต่างหากที่ทำในสิ่งตรงข้ามกับการตรวจสอบทั้งในแง่กระบวนการและในแง่จริยธรรม
อีลอน มัสก์ พูดที่งานสัมมนาปฏิบัติการทางการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยม (CPAC) ศูนย์ประชุม Gaylord Nationwide Resort & Convention Heart รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกาเมื่อ 25 ก.พ. 2568 (ที่มา: Gage Skidmore/Flickr/CC BY-SA 2.0)
หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีลอน มัสก์ ก็ได้ตั้งหน่วยงานที่เรียกตัวเองว่า “กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล” หรือ DOGE แต่ในช่วงตลอด 6 สัปดาห์แรก ของรัฐบาลทรัมป์ DOGE ของมัสก์ก็ก็เข้าไปสร้างความปั่นป่วนให้ระบบราชการสหรัฐฯ
พวกเขาพากันบุกเข้าไปตามหน่วยงานต่างๆ ทำการเข้าถึงข้อมูลที่อ่อนไหวและระบบการเงินของประชาชน ซึ่งพวกเขาอ้างว่าทำไปเพื่อการ “ตรวจสอบ” เพื่อหยุดการทุจริต และหยุดการใช้งบประมาณโดยสิ้นเปลือง มีการตีพิมพ์เผยแพร่ “ข้อมูล” ที่พวกเขาอ้างว่าคันพบจากการ “ตรวจสอบ” แต่ข้อมูลที่ว่านี้ มีจำนวนมากเป็นข้อมูลผิดพลาด
ถึงแม้ว่ามัสก์และ DOGE จะอ้างเรื่องการตรวจสอบและการยุติการทุจริต แต่ก็มีนักตรวจสอบบัญชีรัฐบาลกลางสหรัฐฯ 2 ราย ที่บอกว่าการกระทำของ DOGE นั้นแทบไม่ได้นับเป็นการตรวจสอบใดๆ เลย
ในตอนที่ทรัมป์หาเสียงนั้น เขาเคยกล่าวอ้างว่าจะสร้างคณะทำงานเพื่อประสิทธิภาพของรัฐบาล จนนำมาซึ่ง DOGE ที่มีผู้นำคือมัสก์ ส่วนมัสก์ก็อ้างว่าจะทำการปรับลดงบประมาณของภาครัฐลง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่างบประมาณของทั้งปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปรับลดงบประมาณมากไปกว่างบประมาณที่ใช้จริงนี้ ต่อมามัสก์เลยอ้างว่าจะลดเพดานเป้าหมายลงเหลือแค่ปรับลดงบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์
แม้แต่การที่มัสก์อ้างว่าจะปรับลดงบประมาณจำนวนเช่นนี้ก็ไม่เข้ากับข้อเท็จจริงแต่อย่างใด เพราะถึงแม้ว่าจะมีกรณีการทุจริตคอร์รัปช่นเกิดขึ้นจริงจากงบประมาณรัฐ แต่ในรายงานจากสำนักตรวจสอบอิสระของรัฐสภาสหรัฐฯ ก็ประเมินว่าตัวเลขการสูญเสียจากการทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นไม่ได้สูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์แบบที่มักส์อ้างไว้
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องการตรวจสอบบัญชียังเปิดเผยอีกว่า หน่วยงาน DOGE ไม่เห็นจะใช้กระบวนการการตรวจสอบที่มีอยู่เลย ทั้งๆ ที่มันเป็นเครื่องมือที่จะตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหาความสิ้นเปลือง, การทุจริต และการลุแก่อำนาจ แบบที่มัสก์อ้างไว้ได้
ผู้ตรวจสอบบัญชีจริงๆ เขาทำกันอย่างไร?
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตรวจสอบบัญชีบอกว่ามีมาตรฐานการตรวจสอบรัฐบาลที่เรียกว่า GAGAS หรือ “สมุดปกเหลือง” ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานตรวจสอบอิสระ โดยจะมีทั้งการเน้นเรื่องการเงิน, การให้ความร่วมมือ และความสามารถในการทำงานขององค์กรที่ได้รับการตรวจสอบ
นอกจากนี้มาตรฐานการตรวจสอบสมุดปกเหลืองของสหรัฐฯ นั้น ยังมีการดำเนินการตามแผนขั้นตอน 5 เฟส คือ การวางแผน, การรวบรวมข้อมูลหลักฐาน, การประเมิน, การรายงานผล และการติดตามผล โดยที่ผู้ตรวจสอบบัญชีจะต้องวางกรอบการตรวจสอบ คอยนำกฎหมายหรือมาตรฐานต่างๆ มารับใช้กับการตรวจวัดผลประเมินผลเพื่อใช้วางแผน จากนั้นก็เริ่มสัมภาษณ์คณะทำงานในองค์กรที่รับการตรวจสอบ, เก็บข้อมูลต่างๆ และสอบทานข้อมูลด้านการเงิน ด้านการซื้อขายต่างๆ และรายงานอื่นๆ
เมื่อเสร็จสิ้นจากกระบวนการข้างต้น ก็ค่อยนำนโยบายหรือกระบวนการมาใช้พิจารณาข้อมูลที่ได้ว่ามีการสิ้นเปลือง การทุจริต หรือการลุแก่อำนาจ หรือไม่ จากนั้นก็รายงาน ให้ข้อเสนอแนะ และเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทางคณะตรวจสอบยังสามารถติดตามผลกับองค์กรเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ด้วย
นอกจากนี้กระบวนการตรวจสอบยังมีเรื่องนิยามในทางเทคนิคอยู่ด้วย ในการจะตรวจวัดและสรุปว่า การกระทำต่างๆ เป็นไปตามข้อหาต่างๆ จริงหรือไม่ เช่นเรื่องการสิ้นเปลืองนั้นต้องพิจารณาจากการซื้อมาจำนวนมากแต่ก็ไม่ได้ใช้ หรือการใช้จ่ายมากเกินจำเป็น การทุจริตนั้นต้องเป็นเรื่องของการจงใจลวงลวง เช่นการติดสินบน หรือมีการแก้ไขบันทึกทางธุรกิจเกิดขึ้น การลุแก่อำนาจ ก็จะเป็นการตรวจสอบเรื่องอย่างเช่นการเล่นพรรคเล่นพวกหรือการลำเอียง หรือใช้จ่ายมากเกินไปในการเดินทาง
เรื่องนี้นำมาสู่กรณีของ DOGE ที่บุกเข้าไปล้วงข้อมูลต่างๆ โดยพลการ ไม่มีกระบวนการ ไม่มีการวางแผน หรือหลักการใดๆ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชีบอกว่า สิ่งที่ DOGE ทำไม่นับเป็นการตรวจสอบบัญชีเลยแม้แต่น้อยแต่เป็น “การปล้น การขโมยข้อมูลจำนวนมากของรัฐบาล”
ไม่เพียงเท่านั้นสิ่งที่ DOGE ทำ อย่างการยกเลิกการสั่งซื้อขนาดใหญ่ของรัฐบาล หรือการสั่งปลดข้าราชการ ยังกลายเป็นการเพิ่มรายจ่ายให้กับภาครัฐโดยไม่จำเป็นด้วย เพราะการสั่งของที่ละเป็นจำนวนมากมักจะได้รับได้รับส่วนลด แต่การยกเลิกสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเช่นนี้หมายความว่ารัฐบาลจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับการยกเลิก แต่คราวนี้ของบางอย่างก็จำเป็นจะต้องสั่งมาใช้อยู่ดี ทำให้ยังต้องสั่งของเหล่านั้นแต่คราวนี้ไม่มีส่วนลดแล้ว กลายเป็นว่ารัฐต้องจ่ายเพิ่มขึ้น
อีกทั้งในทางตรงกันข้าม สิ่งที่ DOGE ทำกลับเป็นการทำลายระบบตรวจสอบด้วยซ้ำ เพราะในขณะที่ DOGE นำคนนอกที่ไร้ประสบการณ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องกระบวนการภายในของภาครัฐ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีหน่วยงานภายในของภาครัฐที่ช่วยเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ คือ หน่วยงานบริการปรับเปลี่ยนด้านเทคโนโลยี ของ สำนักบริหารงานบริการทั่วไปสหรัฐฯ แต่ DOGE กลับไปไล่นักเทคโนโลยีกลุ่มนี้ออก ทำให้จากกลุ่มๆ นี้ไม่สามารถปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรัฐบาลได้
เรื่องนี้ทำให้ผู้เชี่วยชาญด้านการตรวจสอบบัญชีมองว่า สิ่งที่ DOGE ต้องการไม่ใช่เรื่อง “ความมีประสิทธิภาพ” ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ “มันเป็นการลวงลวง”
อีกทั้งยังมีเรื่องน่ากังวลคือการที่ คนของหน่วยงาน DOGE ที่บางคนเพิ่มจะเรียนจบจากโรงเรียนมัธยนศึกษา สามารถเข้าถึงหน่วยงานสำคัญๆ ที่ต้องปกปิดหรือรักษาข้อมูลได้ มีการนำ แช็ตบอท ระบบปัญญาประดิษฐ์เข้าไปวางเพื่อล้วงข้อมูลในสำนักบริหารงานบริการทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการเข้าถึงข้อมูลอ่อนไหวในส่วนต่างๆ อย่างกระทรวงการคลัง, ระบบประกันสังคมของประชาชน หรือแม้กระทั่งกระทรวงกลาโหม ที่เกี่ยวข้องกับการทหารและความมั่นคงในชาติ
DOGE ล้วงข้อมูลอ่อนไหวด้านกลาโหมสหรัฐฯ
อีกทั้งสิ่งที่ทำให้เกิดข้อกังขาเมื่อช่วงกลางเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา คือการที่มัสก์ไปเยือนกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนทากอน สร้างข้อกังวลว่ามัสก์และหน่วยงาน DOGE อาจจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อ่อนไหวของรัฐบาลได้ เช่นข้อมูลเกี่ยวกับแผนการรับมือของสหรัฐฯ ต่อกรณีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับจีน ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในข้อมูลที่กองทัพสหรัฐฯ พยายามรักษาไว้เป็นความลับสุดยอด
ข้อมูลดังกล่าวนี้คือสไลด์ที่เป็นความลับสุดยอดทางราชการ เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าสหรัฐฯ เตรียมตัวอย่างไรถ้าหากเกิดสงครามแล้วมีจำเป็นต้องมีการสู้รบกับจีน มีการพูดถึงตั้งแต่การเตือนภัย การประเมินว่าจีนจะโจมตีเป้าหมายใดบ้าง และใช้เวลานานเท่าใด ซึ่งเอกสารเหล่านี้จะมีการนำเสนอต่อประธานาธิบดีเพื่อการตัดสินใจอยู่แล้ว
แต่ทั้งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พีต เฮกเซธ และมัสก์ ต่างก็ปฏิเสธในเรื่องที่มีการรับรู้เกี่ยวกับข้อมูลรับมือความขัดแย้งกับจีน เฮกเซธ บอกว่าการที่ DOGE เข้ามาหารือกับเพนทากอนเป็นเรื่อง “การพบปะอย่างไม่เป็นทางการในเรื่องนวัตกรรม, ประสิทธิภาพ และ การผลิตที่ชาญฉลาดขึ้น” ขณะที่มัสก์กล่าวหาว่าสื่อนิวยอร์กไทม์ว่า “โฆษณาชวนเชื่อทั้งเพ” ในเรื่องที่รายงานกรณี DOGE เข้าถึงข้อมูลอ่อนไหว
ตามกำหนดการแล้ว DOGE จะเข้าไปเยี่ยมเพนทากอนเพื่อหารือกับเหล่าเสนาธิการทหารรวมถึง พล.ร.อ. ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ที่จะเข้าร่วมผ่านทางออนไลน์ โดยจะเป็นการหารือสรุปคร่าวๆ โดยเน้นประเด็นจีน แต่จะพูดถึงแค่ข้อมูลที่เปิดเผยได้
แต่ก็มีเจ้าหน้าที่คนในของเพนทากอนบอกว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลย ไม่ได้มีการร่วมหารือกับเหล่าเสนาธิการแต่อย่างใด มีแต่การที่มัสก์เข้าพบปะกับเฮกเซธที่สำนักงาน
เรื่องที่มัสก์มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับทั้งเพนทากอนและกับจีนก็ชวนให้กังวลเช่นกันว่าถ้าหากเขาและองค์กร DOGE เข้าถึงข้อมูลทางการทหารได้จะส่งผลอะไรบ้าง เพราะในฐานะของซีอีโอของเทสลา มัสก์มีการขยายธุรกิจเข้าไปในจีนอย่างมาก อีกทั้งในฐานะซีอีโอของ SpaceX มัสก์ก็ได้รับเงินจากเพนทางกอนหลายพันล้านดอลลาร์ในการส่งดาวเทียมทางการทหารขึ้นไปในอวกาศ อีกทั้งกองทัพสหรัฐฯ และกองทัพยูเครนก็ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาโครงข่ายการสื่อสารทางดาวเทียม สตาร์ลิงค์ ของ SpaceX ด้วย
แล้วองค์กร DOGE มีไว้ทำอะไรกันแน่?
ในตอนที่มัสก์ก่อตั้ง DOGE เขาแสดงให้เห็นว่าต้องการจะเน้นใช้เทคโนโลยีและบุคลากรในการปรับลดงบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งคนในหน่วยงานของ DOGE ก็มักจะมาจากพนักงานของบริษัทเทสลา หรือ SpaceX ที่มัสก์เป็นซีอีโออยู่
แต่ทว่าขอบเขตการทำงานของ DOGE ก็ไม่ชัดเจน ทำให้สิ่งที่พวกเขาทำกลายเป็นความโกลาหล สร้างความแตกตื่นให้กับข้าราชการสหรัฐฯ และเกิดความกังวลว่าจะเข้าถึงข้อมูลที่อ่อนไหวอย่างรายจ่ายของภาครัฐ ข้อมูลส่วนตัวข้าราชการ อีกเรื่องหนึ่งคือการที่ DOGE กลับเป็นองค์กรที่ขาดความโปร่งใสเสียเอง
เดบอราห์ เพิร์ลสไตน์ นักวิชาการด้านรัฐธรรมนูญจากมหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน กล่าวว่า “หนึ่งในหลายเหตุผลที่พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และพวกเขา(DOGE)มีอำนาจอะไร เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
มีการตั้งข้อสังเกตอีกว่าคณะทำงานของ DOGE หลายคนไม่ได้เป็นนักตรวจสอบบัญชีแต่อย่างใด แต่เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ยังหนุ่ม ที่มาจากสายไอที และมีคนหนึ่งที่ลาออกหลังพบว่าเขาเคยโพสต์ทวิตเตอร์ในเชิงเหยียดเชื้อชาติสีผิวมาก่อน
DOGE ไม่เพียงสามารถเข้าถึงข้อมูลลับทางราชการเช่น ข้อมูลขององค์กรอย่าง USAID ได้เท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นผู้กำหนดให้มีการปรับลดจำนวนข้าราชการลง โดยที่ข้าราชการเหล่านี้มีเงินเดือนคิดเป็นแค่ร้อยละ 5 ของงบประมาณทั้งหมดเท่านั้น นอกจากนี้ยังสั่งตัดงบประมาณโครงการต่างๆ ที่ทรัมป์ กับ มัสก์ไม่เห็นด้วย
แต่ทางตรงกันข้าม DOGE ยังคงปล่อยให้มีปัญหาความไร้ประสิทธิภาพเกิดขึ้นอยู่ เช่น เรื่องปัญหาโครงสร้างทางไอทีในรัฐบาลกลางที่กำลังต้องการการเปลี่ยนแปลงแก้ไข
DOGE เจอฟ้องร้องหลายคดี
ทั้งนี้ มีการฟ้องร้องหลายกรณีเกิดขึ้นกับ DOGE ตั้งแต่กรณีแรกสุดที่กล่าวหาว่าการจัดตั้งทีมของ DOGE เองนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป็นการให้บทบาทของกลุ่มคนนอกรัฐบาลมีส่วนในกระบวนการตัดสินใจของรัฐบาล ถึงแม้ก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวจะชี้แจงว่าคณะทำงาน DOGE บางส่วนเป็นลูกจ้างพิเศษของรัฐบาล
หลังจากนั้นก็มีการฟ้องร้องอื่นๆ เกิดขึ้น เช่น การฟ้องร้องจากสหภาพคนทำงานของ USAID หลังจากที่มัสก์กล่าวหาว่าคณะทำงานให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็น “องค์กรอาชญากรรม” และมีการปลดคณะทำงานออก
กลุ่มต่อมาที่ฟ้องร้อง DOGE คือสหภาพข้าราชการกระทรวงการคลัง ที่ทำให้ผู้พิพากษาส่วนกลางของสหรัฐฯ ออกคำสั่งจำกัดไม่ให้คณะทำงานของ DOGE เข้าถึงข้อมูลอ่อนไหวได้
นอกจากนี้ยังมีการฟ้องร้องจาก สภานักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ที่ฟ้องร้องให้ DOGE หยุดการเข้าถึงข้อมูลการกู้ยืมรัฐบาลกลางเพื่อการศึกษาของนักศึกษาหลายล้านราย
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบอกว่า ผลการตัดสินคดีต่างๆ ที่ฟ้องร้อง DOGE นั้นจะเป็นสิ่งที่จะกำหนดขอบเขตการทำงานของ DOGE และท้าทายอำนาจของ DOGE ได้ โดยที่บางคดีอาจจะตัดสินโดยศาลสูงสุดของสหรัฐฯ
เรียบเรียงจาก
‘It’s a Heist’: Staunch Federal Auditors Are Terrified by DOGE, WIRED, 18-03-2025
Elon Musk's Pentagon search recommendation from sparks extra questions about his salvage accurate of entry to to sensitive information, NPR, 21-03-2025
Who is a component of Elon Musk's DOGE, and what are they doing?, NPR, 07-02-2025
ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )