“เรือของฉันอยู่ห่างจากชายฝั่งเพียงไม่กี่เมตรตอนที่สึนามิถล่ม” นักข่าวบีบีซีเล่าวันคลื่นยักษ์ถล่มที่หมู่เกาะอันดามัน

คำบรรยายภาพ, ทันทีที่เราออกจากท่าเรือ เรือของเราก็โซเซไปมา ท่าเทียบเรือที่อยู่ถัดจากจุดที่เราลงเรือก็พังถล่มลงสู่ทะเล

Article data

  • Creator, กีตา ปันเดย์
  • Position, บีบีซีนิวส์, กรุงเดลี

วันบ็อกซิ่งเดย์ [ตรงกับวันที่ 26 ธ.ค. ของทุกปี] ปี 2004

ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในเวลา 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ฉันอยู่บนเรือเฟอร์รีที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะแฮฟล็อค (Havelock Island) เกาะแห่งหนึ่งในหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ของอินเดีย

เกาะนี้เป็นที่รู้จักจากชายหาดทรายขาวและน้ำทะเลใสสีฟ้า โดยชายหาดราธานาการ์บนเกาะนี้เพิ่งได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ให้เป็น “ชายหาดที่ดีที่สุดในเอเชีย”

เพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและครอบครัวของเธออาศัยอยู่ที่พอร์ตแบลร์ เมืองหลวงของหมู่เกาะนี้มานานกว่า 15 ปีแล้ว แต่นี่เป็นครึ่งแรกที่ฉันเดินทางมาเยือนหมู่เกาะนี้ และฉันก็เดินทางมาถึงในคืนวันคริสต์มาสอีฟ (24 ธ.ค.)

เราวางแผนที่จะใช้เวลา 3 วันที่เกาะแฮฟล็อค และในเช้าวันนั้น เราเตรียมของว่างและแซนด์วิช เก็บข้าวของ และพาเด็ก ๆ ที่ตื่นเต้นไปขึ้นเรือเฟอร์รีที่ท่าเรือฟีนิกซ์เบย์ในพอร์ตแบลร์

Skip เรื่องแนะนำ and proceed readingเรื่องแนะนำ

Waste of เรื่องแนะนำ

ด้วยความไม่อยากพลาดบรรยากาศอะไรไป ฉันจึงขึ้นไปยืนอยู่บนดาดฟ้าด้านหน้า มองไปรอบ ๆ ขณะที่ภัยพิบัติเริ่มต้นขึ้น

ทันทีที่เราออกจากท่าเรือ เรือก็โซเซไปมา แล้วจู่ ๆ ท่าเทียบเรือที่เราเพิ่งขึ้นมาก็พังถล่มลงสู่ทะเล ตามมาด้วยหอคอยเฝ้าระวังและเสาไฟฟ้า

มันเป็นภาพที่ผิดธรรมชาติมาก ๆ ผู้คนหลายสิบคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

โชคดีที่ในตอนนั้นท่าเรือไม่มีผู้คน จึงไม่มีผู้บาดเจ็บ

เรืออีกลำมีกำหนดออกในอีกครึ่งชั่วโมง แต่ผู้โดยสารยังมาไม่ถึงกัน

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, คลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มบ้านเรือนจำนวนมากในพื้นที่ลุ่มต่ำ

ลูกเรือคนหนึ่งบอกฉันว่าเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงขนาด 9.1 ครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวที่ทรงพลังที่สุดอันดับสามที่เคยบันทึกไว้ในโลก และยังคงเป็นแผ่นดินไหวที่ใหญ่ที่สุดและสร้างความเสียหายมากที่สุดในเอเชีย

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ใต้มหาสมุทรอินเดีย และก่อให้เกิดสึนามิที่สร้างความเสียหายร้ายแรง คร่าชีวิตผู้คนประมาณ 228,000 คน ในกว่า 12 ประเทศ และสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลในอินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย มัลดีฟส์ และไทย

หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ ซึ่งตั้งอยู่เพียง 100 กิโลเมตรทางเหนือของจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ได้รับความเสียหายอย่างหนักเมื่อกำแพงน้ำสูงถึง 15 เมตร ซัดเข้าฝั่งในเวลาราว 15 นาทีต่อมา

ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 1,310 คน แต่ด้วยจำนวนผู้สูญหายกว่า 5,600 คนที่คาดว่าเสียชีวิต จึงเชื่อว่ามีชาวเกาะมากกว่า 7,000 คนเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ตอนที่เราอยู่บนเรือ พวกเราไม่รู้ถึงความเสียหายในวงกว้างรอบ ๆ ตัว โทรศัพท์มือถือของเราไม่สามารถใช้งานในทะเลได้ และเรารับข้อมูลเพียงเล็กน้อยจากลูกเรือ เราได้ยินเกี่ยวกับความเสียหายในศรีลังกา บาหลี ไทย มัลดีฟส์ และเมืองชายฝั่งตอนใต้ของอินเดียอย่างนาคาปัตตินัม

ที่มาของภาพ, AFP

คำบรรยายภาพ, ชายชาวอินเดียคนนี้ยืนอย่างหมดแรงหลังจากออกค้นหาญาติที่สูญหายในเมืองกุฑฑะโลร์ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2004

ทว่าตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มเกาะหลายร้อยเกาะที่กระจัดกระจายอยู่ในอ่าวเบงกอล ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของอินเดียไปทางตะวันออกประมาณ 1,500 กิโลเมตร

จากจำนวนทั้งหมด มีเพียง 38 เกาะเท่านั้นที่มีผู้คนอาศัยอยู่ หมู่เกาะเหล่านี้เป็นบ้านของประชากรราว 400,000 คน รวมถึงชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นนักล่าสัตว์และเก็บของป่า 6 กลุ่ม ที่ดำรงชีวิตอย่างโดดเดี่ยวจากโลกภายนอกมานับพันปี

วิธีเดียวที่จะเดินทางไปยังหมู่เกาะเหล่านี้คือ การเดินทางผ่านเรือเฟอร์รี แต่เรามารู้ในภายหลังว่า ท่าเทียบเรือในภูมิภาคนี้ได้รับความเสียหายถึงเกือบ 94%

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ในวันที่ 26 ธ.ค. 2004 เราไม่สามารถเดินทางไปถึงแฮฟล็อคได้ ตามที่เราได้รับแจ้งท่าเทียบเรือที่นั่นได้รับความเสียหายและจมอยู่ใต้น้ำ

เรือจึงเลี้ยวกลับและเริ่มเดินทางกลับไปยังพอร์ตแบลร์ ในขณะนั้น มีการคาดการณ์ว่าเราอาจไม่ได้รับอนุญาตให้จอดเทียบท่าที่พอร์ตแบลร์ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย และอาจต้องค้างคืนบนเรือ

สถานการณ์นี้ทำให้ผู้โดยสาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาพักผ่อนริมทะเล รู้สึกกังวลใจ

หลังจากล่องลอยอยู่ในทะเลที่ปั่นป่วนมาหลายชั่วโมง เราก็กลับมาถึงพอร์ตแบลร์ เนื่องจากท่าเรือฟีนิกซ์เบย์ถูกปิดหลังจากได้รับความเสียหายในช่วงเช้า เราจึงต้องไปใช้ท่าเรือชาธัม ซึ่งเป็นท่าเรืออีกแห่งในพอร์ตแบลร์ ท่าเทียบเรือที่เราไปถึงมีหลุมขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัดในบางจุด

ตอนที่เรากำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ภาพความเสียหายปรากฏอยู่รอบตัวเรา อาคารพังทลายกลายเป็นเศษซาก เรือเล็กพลิกคว่ำอยู่กลางถนน และถนนหนทางเต็มไปด้วยรอยแยกขนาดใหญ่ คลื่นยักษ์ได้ทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่อาศัยเมื่อบ้านเรือนในพื้นที่ลุ่มต่ำถูกน้ำท่วม

ฉันได้พบกับเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ยังตกอยู่ในอาการช็อก เธอบอกฉันว่าบ้านของเธอเต็มไปด้วยน้ำและเธอเกือบจะจมน้ำตาย ผู้หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเธอสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดในชีวิตไปในชั่วพริบตาเดียว

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ในพอร์ตแบลร์ อาคารพังทลายกลายเป็นเศษซาก เรือเล็กพลิกคว่ำตั้งอยู่กลางถนน และถนนเต็มไปด้วยรอยแยกขนาดใหญ่

ตลอดสามสัปดาห์ถัดมา ฉันรายงานข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งนี้และผลกระทบที่มีต่อประชากรอย่างละเอียด

นี่เป็นครั้งแรกที่สึนามิสร้างความเสียหายร้ายแรงขนาดนี้ในหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ช่างยิ่งใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการได้

น้ำเค็มปนเปื้อนแหล่งน้ำจืดหลายแห่งและทำลายพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนมาก การจัดส่งสิ่งของจำเป็นไปยังหมู่เกาะเป็นเรื่องยากลำบาก เนื่องจากท่าเรือหลายแห่งไม่สามารถใช้งานได้

ทางการดำเนินการช่วยเหลือและกู้ภัยครั้งใหญ่ โดยมีการส่งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศไปยังพื้นที่ต่าง ๆ แต่ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าพวกเขาจะเข้าถึงทุกเกาะได้

ในทุก ๆ วัน เรือของกองทัพเรือและหน่วยยามฝั่งจะนำผู้คนที่ไร้ที่อยู่อาศัยจากสึนามิบนเกาะอื่นมายังพอร์ตแบลร์ ซึ่งโรงเรียนและอาคารของราชการถูกเปลี่ยนเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว

พวกเขาต่างมาพร้อมกับเรื่องราวความเสียหายจากบ้านเกิดตอนเอง หลายคนบอกฉันว่าพวกเขาหนีออกมาได้ โดยมีแค่เสื้อผ้าติดตัวมา

ผู้หญิงคนหนึ่งจากเกาะคาร์นิโคบาร์เล่าว่า ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว พื้นดินเริ่มพ่นน้ำเป็นฟองออกมาในขณะที่คลื่นจากทะเลซัดเข้ามาพร้อมกัน

เธอและชาวบ้านอีกหลายร้อยคนต้องรอการช่วยเหลือโดยไม่มีอาหารหรือน้ำดื่มนานถึง forty eight ชั่วโมง เธอบอกว่านี่เป็น “ปาฏิหาริย์” ที่เธอและลูกน้อยวัย 20 วันรอดชีวิตมาได้

พอร์ตแบลร์แทบจะถูกเขย่าด้วยอาฟเตอร์ช็อกทุกวัน ซึ่งบางครั้งรุนแรงพอที่จะทำให้เกิดข่าวลือเรื่องสึนามิลูกใหม่ ทำให้ผู้คนที่หวาดกลัวต้องรีบวิ่งขึ้นไปยังที่สูง

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ผู้คนนับพัน ๆ กลายเป็นคนไร้บ้าน

ไม่กี่วันต่อมา กองทัพอินเดียได้พานักข่าวบินไปยังเกาะคาร์นิโคบาร์ ซึ่งเป็นเกาะที่เป็นพื้นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ ขึ้นชื่อเรื่องชายหาดอันงดงาม และยังเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศขนาดใหญ่ของอินเดีย

คลื่นยักษ์สึนามิที่รุนแรงได้ทำลายฐานทัพจนราบเรียบ น้ำที่นี่ขึ้นสูงถึง 12 เมตร และขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังหลับใหล พื้นดินก็ถูกดึงหายไปจากใต้เท้าพวกเขา มีผู้เสียชีวิต 100 คนในที่แห่งนี้ โดยกว่าครึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศและครอบครัวของพวกเขา

เราได้ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านมะละกา (Malacca) และคาคัน (Kaakan) บนเกาะ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความโกรธเกรี้ยวของธรรมชาติ ชาวบ้านต้องอพยพไปพักอาศัยในเต็นท์ข้างถนน ครอบครัวบางส่วนถูกน้ำซัดจนต้องแยกออกจากกัน

คู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเล่าให้ฉันฟังว่า พวกเขาสามารถช่วยลูกน้อยวัย 5 เดือนได้สำเร็จ แต่ลูกอีกสองคนอายุ 7 ขวบและ 12 ขวบถูกคลื่นซัดหายไป

บ้านเรือนทุกหลังล้วนพังทลายกลายเป็นเศษซาก มีสิ่งของส่วนตัวกระจัดกระจายไปทั่ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเรียน รองเท้าของเด็ก และเครื่องดนตรีคีย์บอร์ด

สิ่งเดียวที่ยังคงตั้งอยู่ และอยู่ในสภาพสมบูรณ์อย่างน่าประหลาดใจ คือรูปปั้นครึ่งตัวของมหาตมะ คานธี บิดาแห่งชาติอินเดีย ซึ่งตั้งอยู่บนวงเวียนกลางถนน

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ฐานทัพอากาศอินเดียบนเกาะคาร์นิโคบาร์ถูกคลื่นยักษ์ทำลายจนราบเรียบ

เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพคนหนึ่งบอกเราว่า ทีมของเขาค้นพบร่างผู้เสียชีวิต 7 ศพในวันนั้น และเราได้อยู่สังเกตการฌาปนกิจหมู่ของพวกเขาจากระยะไกล

ที่ฐานทัพอากาศ เราเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยดึงร่างของผู้หญิงคนหนึ่งออกจากซากปรักหักพัง

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวว่า สำหรับทุกศพที่ถูกค้นพบในเกาะคาร์นิโคบาร์ มีหลายศพที่ถูกคลื่นซัดหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ

หลังผ่านมาหลายปี ฉันยังคงคิดถึงวันที่ฉันขึ้นเรือเฟอร์รีเพื่อไปยังแฮฟล็อคอยู่บ่อยครั้ง

ฉันสงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น และจะเกิดอะไรขึ้นหากกำแพงน้ำซัดเข้าฝั่งในขณะที่ฉันกำลังรออยู่ที่ท่าเรือเพื่อขึ้นเรือเฟอร์รี

ในวันบ็อกซิ่งเดย์ ปี 2004 ฉันรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่หลายพันคนที่เสียชีวิตไม่ได้โชคดีเช่นนั้น

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ผู้คนหลายพันคนที่สูญหายไปในเหตุการณ์สึนามิไม่เคยถูกพบอีกเลย