เลดี้ กาก้า เผย “สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุด คือ การอยู่คนเดียว”

ที่มาของภาพ : Interscope
Article knowledge
- Writer, มาร์ก ซาเวจ
- Purpose, ผู้สื่อข่าวดนตรี
ไม่มีใครอยากอยู่คนเดียว และไม่มีงานใดที่โดดเดี่ยวไปกว่าการเป็นป็อปสตาร์
ลองถามเรื่องนี้กับ เลดี้ กาก้า ดูสิ
การขึ้นมามีชื่อเสียงของเธอในปี 2009-2010 ไม่เหมือนกับสิ่งที่เราเคยเห็นมาก่อน เธอเป็นหนึ่งในป็อปสตาร์คนแรก ๆ ที่ถูกวัดพลังในอินเทอร์เน็ต ซึ่งดูเหมือนว่ารูปภาพและข่าวซุบซิบของเธอนั้นมักถูกโจมตีบนเว็บไซต์ข่าวบันเทิงและข่าวเซเลบริตี้ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา เช่น TMZ อย่างไม่จบสิ้น
ความกระหายของพวกเขาช่างรุนแรง เธอเปลี่ยนลุคและสไตล์ดนตรีมากมายในช่วงเวลาเพียงสามปี จนมีนักวิจารณ์คนหนึ่งกล่าวว่าเธอเหมือนกำลัง ‘เร่งสปีดสายอาชีพทั้งหมดตามแบบอย่างมาดอนน่า”
แล้วเมื่อชื่อเสียงของเธอเพิ่มมากขึ้น พาดหัวข่าวก็ยิ่งหลุดโลกมากขึ้น! ไม่ว่าจะเป็น เธอจัดพิธีกรรมซาตานในโรงแรมที่ลอนดอน! เธอเป็นกระเทยแบบลับ ๆ ! หรือ เธอวางแผนจะสละขาตัวเองออกเพื่อ “แฟชั่น” !!
and proceed readingเรื่องแนะนำ
of เรื่องแนะนำ
เมื่อเธอเข้าร่วมงานเอ็มทีวี อวอร์ดส์ (MTV Awards) ปี 2010 ในชุดที่ทำจากเนื้อสัตว์ทั้งหมด ดูเหมือนไม่มีใครเข้าใจว่ามันเป็นมุกตลก ซึ่ง เลดี้ กาก้าต้องการเสียดสีว่าเธอคืออาหารอันโอชะสำหรับสื่อแท็บลอยด์
ทว่าบนเวที เลดี้ กาก้า คือจุดศูนย์รวมแห่งการบูชาจากบรรดาแฟนเพลงของเธอที่เรียกตัวเองว่า “ลิตเติล มันสเตอร์ส (Limited Monsters) ซึ่งแปลไทยได้ว่าเจ้าปีศาจตัวน้อย แต่ใครจะรู้ว่าการถูกยกย่องเช่นนั้นช่างเป็นภาพลวงตาที่ห่างไกลจากความเป็นจริงที่เธอเผชิญ
“แบรนดอน, ฉันอยู่คนเดียว ทุก ๆ คืน” กาก้าบอกกับสไตลิสต์ของเธอในสารคดีปี 2017 เรื่อง Five Foot Two หรือชื่อฉายในภาษาไทยว่า กาก้า: ห้าฟุตสองนิ้ว
“ฉันใช้เวลาทั้งวันอยู่ท่ามกลางผู้คนที่สัมผัสตัวฉัน และพูดกับฉันตลอดเวลา แล้วจู่ ๆ ทุกอย่างก็เงียบสนิท”
กาก้าในวัย 38 ปี หมั้นหมายกับ ไมเคิล โปแลนสกี ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี อย่างมีความสุข เธอยอมรับว่าปีแห่งความโดดเดี่ยวเหล่านั้น ทำให้เธอหวาดกลัว
“ฉันคิดว่าสิ่งที่กลัวมากที่สุดคือ การที่ฉันต้องทำสิ่งต่างเพียงลำพังด้วยตัวเอง-ใช้ชีวิตด้วยตนเอง” เธอบอกกับบีบีซี
“และฉันคิดว่าของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การได้พบกับ ไมเคิล คู่ครองของฉัน และได้อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายไปกับเขา”

ที่มาของภาพ : Getty Images
ทั้งคู่คบหากันตั้งแต่ปี 2020 และเปิดเผยว่าหมั้นกันแล้วที่เทศกาลภาพยนตร์เวนิสซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว โดยกาก้าสวมแหวนหมั้นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก
มันช่างเป็นแหวนที่น่าตื่นตาตื่นใจ จากเพชรเม็ดโตทรงวงรีที่ฝังอยู่บนแหวนทองคำขาวและทองคำสีอมชมพูโรสโกลด์ 18 กะรัต พร้อมด้วยเพชรเม็ดเล็ก ๆ ประดับรอบวง แต่บนมืออีกข้าง กาก้ากลับสวมแหวนวงเล็กกว่า เรียบง่ายกว่า เป็นแหวนที่มีใบหญ้าสองสามใบฝังอยู่ในเรซิน และปรากฏว่านี่แหละคือแหวนวงที่มีความหมายต่อเธอจริง ๆ
“ไมเคิลขอฉันด้วยใบหญ้าเหล่านี้จริง ๆ” เธอเปิดเผย
“เมื่อนานมาแล้ว เราอยู่ที่สวนหลังบ้าน และเขาถามฉันว่า ‘ถ้าผมจะขอคุณแต่งงาน ผมต้องทำยังไง ?'”
“และฉันก็แค่พูดว่า ‘แค่เอาใบหญ้าจากสวนหลังบ้านมาพันรอบนิ้วของฉัน นั่นก็ทำให้ฉันมีความสุขมากแล้ว'”
มันเป็นความโรแมนติกที่ลึกซึ้งแต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้าโศกในเวลาเดียวกัน ก่อนหน้านี้ สวนหลังบ้านของกาก้าในมาลิบู เคยเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของ ซอนยา ดูแฮม เพื่อนสนิทของเธอที่เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี 2017
“มันเป็นความสูญเสียอย่างมาก แต่แล้วความสุขก็กำลังเกิดขึ้นกับฉัน” เธอหวนระลึกช่วงเวลาที่โปแลนสกีขอหมั้น
“การหมั้นหมายในอายุ 38 ปี ฉันเคยคิดนะว่าอะไรนำมาสู่ช่วงเวลานี้ได้”

ที่มาของภาพ : Frank LeBon
อัลบั้ม Mayhem ถือเป็นการกลับมาเต็มตัวของกาก้าในวงการเพลงป็อป หลังจากช่วงที่เธอหมกมุ่นอยู่กับอาชีพนักแสดง และออกอัลบั้มแยกที่มีเพลงแจ๊สและเพลงคลาสสิกอเมริกันอยู่บ้าง
จากการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารโว้กเมื่อปีที่แล้ว นักร้องรายนี้เปิดเผยว่าคู่หมั้นคือผู้ที่ทำให้เธอขยับไปในทางนั้น
“เขาเหมือน ‘ที่รัก ฉันรักคุณนะ คุณต้องทำเพลงป็อปแล้วหล่ะ'” เธอบอก
“ในทัวร์คอนเสิร์ตโครมาติกา (Chromatica) ผมเห็นไฟในตัวเธอ” โปแลนสกี กล่าวเสริม “ผมต้องการช่วยรักษาสิ่งนั้นให้อยู่กับเธอตลอดเวลา และหันมาเริ่มทำเพลงที่ทำให้เธอมีความสุข”
“เพลงที่โกรธเกรี้ยวที่สุด”
ด้วยแนวทางดังกล่าว อัลบั้มนี้จึงย้อนกลับไปสู่แนวเพลงที่หนักแน่นของเพลงฮิตยุคแรก ๆ ของกาก้า เช่น โปเกอร์ เฟซ (Poker Face), จัสท์ แดนซ์ (Impartial Dance) และ บอร์น ดิส เวย์ (Born This Approach)
ในเพลงล่าสุด อะบราคาดาบรา (Abracadabra) เธอยังหยิบเอาสำนวนแปลก ๆ ของ แบด โรแมนซ์ (Harmful Romance ) กลับมาใช้อีกครั้ง แม้ว่าคราวนี้จะมีการอ้างอิงถึงความxายในขณะที่เธอร้องว่า “morta-ooh-Gaga (มอร์ทา-โอ-กาก้า)” ก็ตาม
ในภาพปกอัลบั้ม มีใบหน้าของเธอสะท้อนอยู่ในกระจกที่แตก ขณะที่ในวิดีโอ เธอเผชิญหน้ากับตัวเองในเวอร์ชันก่อน ๆ
มีความรู้สึกที่ท่วมท้นว่า ศิลปิน สเตฟานี เจอร์มานอตตา กำลังเผชิญหน้ากับตัวตนบนเวทีที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง
ทุกอย่างมาถึงจุดสูงสุดในเพลงที่มีชื่อว่า เพอร์เฟค เซเลบบริตี (Supreme Celeb) ที่เธอร้องว่า “ฉันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อื้อฉาว (I grew to alter right into a infamous being)” เนื้อเพลงที่สะท้อนชุดเนื้อสดในอดีต ซึ่งลดทอนความเป็นมนุษย์ของเธอลง
“ฉันสร้างตัวตนต่อสาธารณชน ซึ่งฉันเองก็ค่อย ๆ กลายเป็นมันอย่างแท้จริงในทุก ๆ ด้าน – และการต้องรับมือกับความเป็นสองด้านนี้ การพยายามแยกให้ออกว่าตรงไหนคือ ‘ฉัน' และตรงไหนคือ ‘เลดี้ กาก้า' มันเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก”
“นี่กลับทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ”

ที่มาของภาพ : Getty Images
เธอรอมชอมเรื่องราวการกำหนดบทบาทในฐานะบุคคลสาธารณะและชีวิตส่วนตัวได้อย่างไร ?
“ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันตระหนักได้จริง ๆ คือ มันดีต่อใจมากกว่า หากไม่มีเส้นแบ่งและหลอมรวมทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง” เธอกล่าว
“สิ่งที่ดีที่สุดของฉันคือ การยอมรับว่าฉันเป็นศิลปินหญิง และการใช้ชีวิตในทางศิลปะคือหนทางที่ฉันเลือก”
“ฉันเป็นคนรักการแต่งเพลง ฉันเป็นคนรักการทำดนตรี การฝึกซ้อม การออกแบบท่าเต้น งานโปรดักชันบนเวที เครื่องแต่งกาย การจัดไฟ การแสดงต่าง ๆ สำหรับการแสดง”
“นั่นคือความหมายของการเป็นเลดี้กาก้า มันคือศิลปินที่อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด”
ในการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ นักศิลปินรายนี้ได้พูดถึงวิธีแยกตัวเองออกจากการเป็น เลดี้ กาก้า ว่า เธอเชื่อว่าบุคลิกนี้มีส่วนในความสำเร็จของเธอ และตัวเธอไม่ได้มีส่วนร่วมกับอะไรเลย
เมย์เฮมถือเป็นช่วงเวลาที่เธอทวงคืนความเป็นเจ้าของผลงานเพลงต่าง ๆ ของเธอ ซึ่งไม่ใช่แค่จาก “เลดี้ กาก้า” เท่านั้น แต่รวมถึงโปรดิวเซอร์และนักเขียนเพลงคนอื่น ๆ ที่อยู่ในวงโคจรของเธอ
“ตอนที่ฉันอายุยังน้อย คนพยายามจะเอาความดีความชอบจากเสียงและภาพลักษณ์ของฉัน แต่ ทุกแรงบันดาลใจ ทุกจินตนาการเกี่ยวกับสิ่งที่ดนตรีป็อปสามารถเป็นได้ ล้วนมาจากตัวฉันเอง”
“ดังนั้น ฉันอยากกลับไปสำรวจแรงบันดาลใจในช่วงแรก ๆ และเส้นทางอาชีพของฉันอีกครั้ง และครอบครองมันในฐานะสิ่งที่ฉันเป็นคนสร้างขึ้นมา อย่างสมบูรณ์เสียที”

ที่มาของภาพ : Getty Images
จากจุดเริ่มต้น เป็นที่ชัดเจนว่ากาก้ารู้สึกตื่นเต้นกับการเข้าสู่เฟสใหม่นี้
เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว หลังจากแสดงในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เธอได้ออกไปตามท้องถนนในกรุงปารีส และเล่นเดโมเพลงใหม่ของเธอให้แฟน ๆ ที่รวมตัวกันอยู่หน้าโรงแรมฟัง
มันเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการฟื้นคืนตัวตนในเส้นทางอาชีพช่วงแรกของเธอ
“ฉันทำแบบนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว การเล่นเพลงของฉันให้แฟน ๆ ฟังตั้งแต่ก่อนที่เพลงจะออก” เธอกล่าว
“หลังการแสดง ฉันเคยเชิญแฟน ๆ ไปที่หลังเวที แล้วเราก็ไปเที่ยวเล่นกัน ฉันจะเล่นเพลงเดโมให้พวกเขาฟัง และดูว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับเพลงนั้น”
“ฉันแน่ใจว่าคุณสามารถจินตนาการได้ว่าหลังจากผ่านไป 20 ปี แล้ว คุณย่อมไม่คาดหวังให้ผู้คนออกมาฟังเพลงของคุณ และตื่นเต้นที่จะได้เห็นคุณ ดังนั้น ฉันแค่อยากแบ่งปันพวกเขา เพราะฉันตื่นเต้นที่พวกเขายังอยู่ที่นั่นเสมอ”

ที่มาของภาพ : Interscope / Lady Gaga
ในฐานะผู้สัมภาษณ์ นี่เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับฉันเช่นกัน ครั้งสุดท้ายที่ฉันสัมภาษณ์ เลดี้ กาก้า คือในปี 2009 ตอนที่เพลง “จัสท์ แดนซ์” (Impartial Dance) ขึ้นอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร
ตอนนั้นเธอตื่นเต้นมาก เธอคุยอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับความรักที่เธอมีต่อ จอห์น เลนนอน เรียกตัวเองว่า “ผู้ติดเฮโรอีน” สำหรับชาวอังกฤษ และสัญญาว่าจะส่งเอ็มพีสาม (MP3) ของ บลูเบอร์รี คิสส์ (Blueberry Kisses) มาให้ฉัน ซึ่งเป็นเพลงที่ยังไม่ได้เผยแพร่ โดยมันเป็นเพลงเกี่ยวกับการแสดงฉากเกี่ยวกับเพศฉากหนึ่งในขณะที่ลมหายใจของคุณมีกลิ่นกาแฟรสบลูเบอร์รี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉันได้เห็นบทสัมภาษณ์ของเธอมีความระมัดระวังมากขึ้น เธอสวมเครื่องแต่งกายที่ดูเกินจริง พร้อมด้วยแว่นกันแดดสีดำสนิท ราวกับว่าจงใจสร้างกำแพงกั้นระหว่างเธอกับนักข่าว แต่กาก้าที่ฉันพบในนครนิวยอร์ก เป็นคน ๆ เดียวกันกับที่ฉันเคยคุยด้วยเมื่อ 16 ปีก่อน ซึ่งมีท่าทีสบายใจกับตัวเอง และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
เธอผ่อนคลายลงเพื่อ “การเติบโตและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่”
“การอยู่กับเพื่อน ๆ การอยู่กับครอบครัว การได้พบคู่หมั่นอันน่าทึ่งของฉัน ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันเป็นคนที่สมบูรณ์แบบขึ้น แทนที่ให้ความสำคัญกับการสวมบุคลิกบนเวที”
เมื่อช่วงท้ายของการสัมภาษณ์มาถึง เธอกล่าวเสริมว่า “ฉันต้องการให้เมย์เฮมมีตอนจบ ฉันต้องการให้ความโกลาหลหยุดลง”
“ฉันก้าวออกจากการเป็นไอคอน มันจบลงด้วยความรัก”
ที่มา BBC.co.uk