เหตุลอบยิงซีอีโอ บ.ประกันภัยยักษ์ใหญ่กลางนครนิวยอร์ก แรงจูงใจของผู้ก่อเหตุคืออะไร
Article knowledge
- Creator, แบรนด์ เดบุสมันน์ จูเนียร์
- Role, บีบีซีนิวส์
เจ้าหน้าที่ตำรวจในนครนิวยอร์ก ในสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยภาพถ่าย 2 ใบ ของบุคคลที่ไม่ได้สวมหน้ากาก โดยเชื่อว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในการสังหารประธานบริหารของบริษัทด้านสุขภาพแห่งหนึ่ง
ไบรอัน ทอมป์สัน วัย 50 ปี ซีอีโอของบริษัทประกันที่มีชื่อว่า “ยูไนเต็ด เฮลธ์แคร์” (UnitedHealthcare) ถูกสังหารด้วยปืนจากด้านหลัง เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น บริเวณหน้าโรงแรมฮิลตัน ซึ่งตั้งอยู่ในย่านมิดทาวน์ ใจกลางเกาะแมนฮัตตัน
หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุหลบหนีไปโดยไม่ได้นำสิ่งของใด ๆ ของทอมป์สันไปด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่านี่เป็นการก่อเหตุที่มีการวางแผนไว้ก่อนแล้ว
เจ้าหน้าที่สอบสวนยังใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าและปลอกกระสุนปืนที่มีข้อความลับเขียนอยู่เพื่อติดตามผู้ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ได้เปิดเผยแรงจูงใจเบื้องหลังเหตุการณ์ยิงครั้งนี้
นี่คือสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยและกระบวนการสืบสวนสอบสวน
Skip เรื่องแนะนำ and proceed readingเรื่องแนะนำ
Discontinue of เรื่องแนะนำ
การยิง-หลบหนี เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงผู้เสียชีวิตเวลา 6:45 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ บริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่านแห่งหนึ่งบนเกาะแมนฮัตตัน ของมหานครนิวยอร์ก ใกล้กับอาคารไทม์ สแควร์ และสวนสาธารณะชื่อดังอย่างเซ็นทรัลพาร์ก
ตามกำหนดการนั้น ทอมป์สัน จะมีกำหนดขึ้นพูดในงานสัมมนานักลงทุนงานหนึ่งในช่วงบ่าย-เย็น ของวันนั้น
ตามรายงานของตำรวจ ผู้ต้องสงสัยซึ่งสวมหน้ากากสีดำและเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลอ่อนหรือสีครีมดูเหมือนจะมารอทอมป์สันอยู่ประมาณห้านาทีด้านนอกโรงแรมฮิลตัน ซึ่งเขามีกำหนดจะกล่าวสุนทรพจน์
ทอมป์สันซึ่งเดินทางมาถึงแล้วถูกยิงเข้าที่หลังและขา และได้รับการแจ้งว่า เขาเสียชีวิตประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ที่โรงพยาบาลในพื้นที่
โจเซฟ เคนนี หัวหน้าฝ่ายสืบสวนของสำนักงานตำรวจนครนิวยอร์ก (NYPD) เปิดเผยว่า อาวุธของผู้ต้องสงสัยดูเหมือนจะเกิดปัญหาขัดลำกล้องในตอนแรก แต่เขาสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและยิงต่อได้
ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่ามือปืนได้ติดตั้งอุปกรณ์เก็บเสียง ซึ่งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ไซเลนเซอร์” เข้ากับปืนพกของเขา จากการตรวจสอบของบีบีซีเวริฟาย (BBC Take a look at)
อีริก อดัมส์ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ NYPD ให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ว่าเขาไม่เคยพบกับคดีที่คนร้ายใช้อุปกรณ์เก็บเสียงมาก่อนตลอดเส้นทางอาชีพของเขา
“ผมไม่เคยเห็นไซเลนเซอร์มาก่อนเลย” เขากล่าว “มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับพวกเราทุกคน”
รายงานระบุว่าผู้สืบสวนเชื่อว่าอาวุธที่ใช้เป็นปืน “BT Space Six 9” ซึ่งเป็นปืนที่มีการทำการตลาด โดยมีต้นกำเนิดมาจากปืนที่เคยใช้ในภารกิจพิเศษของฝ่ายพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ตอนนี้ตำรวจได้พยายามไปยังร้านขายอาวุธปืนในรัฐคอนเนตทิคัตเพื่อพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของการซื้ออาวุธปืนดังกล่าว
หลังเหตุการณ์ยิง วิดีโอแสดงให้เห็นว่าผู้ต้องสงสัยหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุด้วยการเดินเท้า ตอนแรกเจ้าหน้าที่กล่าวว่าผู้ต้องสงสัยใช้จักรยานไฟฟ้า Citi Bike ของ Lyft
แต่ Lyft ซึ่งเป็นเจ้าของและดำเนินการ Citi Bike เปิดเผยในภายหลังว่า ทางบริษัทได้รับแจ้งจาก NYPD ว่าไม่มีการใช้ยานพาหนะของบริษัทในเหตุการณ์นี้ ตามรายงานของ CBS News ซึ่งเป็นพันธมิตรของบีบีซีในสหรัฐฯ
การสืบสวนสอบสวน
จนถึงขณะนี้ การสืบสวนเหตุสังหารทอมป์สันได้มุ่งเน้นไปที่เบาะแสเพียงไม่กี่อย่างที่ตำรวจใช้ในการระบุตัวผู้ต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ภาพสองภาพของชายที่ไม่ได้สวมหน้ากากเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่ง NYPD ระบุว่าเป็น “ผู้ต้องการตัวเพื่อสอบปากคำ” ที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนี้
แหล่งข่าวด้านการบังคับใช้กฎหมายบอกกับ CBS ว่าบุคคลดังกล่าวเชื่อว่าได้ใช้บัตรประชาชนปลอมในการเช็คอินที่โฮสเทลในบริเวณใกล้เคียง โดยชื่อที่ใช้เป็นชื่อปลอมและไม่น่าจะเป็นชื่อของบุคคลจริง
เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่าบุคคลที่ตำรวจกำลังต้องการตัวนั้น ได้นั่งรถบัสมาจากแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย มายังนิวยอร์กก่อนเกิดเหตุยิงไม่กี่วัน CBS รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าบุคคลดังกล่าวขึ้นรถบัสที่แอตแลนตา หรือขึ้นระหว่างจุดแวะพักระหว่างทาง
ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามือปืนเป็นคนเดียวกับผู้ต้องสงสัยหรือไม่
ก่อนหน้านี้ ตำรวจเปิดเผยว่าผู้ต้องสงสัยถูกถ่ายภาพที่ร้านสตาร์บัคส์ใกล้เคียง เพียงไม่กี่นาทีก่อนเกิดเหตุยิง
แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากในภาพ แต่แหล่งข่าวตำรวจบอกกับ CBS ว่าหน้ากากถูกดึงลงมาจนเห็นดวงตาและส่วนหนึ่งของจมูก
ด้วยเหตุนี้ ผู้สืบสวนจึงใช้ซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าเพื่อพยายามค้นหาคู่หน้าที่ตรงกัน
จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนยังไม่สามารถระบุแรงจูงใจในการสังหารได้ แม้ว่าตำรวจจะตั้งข้อสังเกตว่าผู้ก่อเหตุได้หลบหนีโดยไม่ได้เอาทรัพย์สินของทอมป์สันไปแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ตำรวจกำลังทดสอบปลอกกระสุนสามปลอกและกระสุนจริงสามนัดที่พบในที่เกิดเหตุเพื่อหาดีเอ็นเอ
เจ้าหน้าที่ค้นพบคำว่า “ปฏิเสธ” (issue), “ป้องกัน” (shield) และ “ปลด” (depose) บนปลอกกระสุน ตามที่แหล่งข่าวด้านการบังคับใช้กฎหมายสองรายบอกกับ CBS
เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่านี่อาจเป็นการอ้างอิงถึงหลัก “3D ของการประกันภัย” ซึ่งเป็นคำที่เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้คัดค้านอุตสาหกรรมประกันภัย
คำดังกล่าวหมายถึงกลยุทธ์ที่บริษัทประกันภัยใช้เพื่อปฏิเสธการจ่ายเงินให้กับผู้ป่วยในระบบสุขภาพของอเมริกาที่มีความซับซ้อนและดำเนินการส่วนใหญ่โดยเอกชน
คำเหล่านี้คล้ายคลึงแต่ไม่ตรงกับหนังสือที่มีชื่อว่า “Extend, Train, Protect: Why Insurance coverage Companies Get no longer Pay Claims and What You Can Attain About It”[อาจแปลเป็นภาษาไทยว่า[อาจแปลเป็นภาษาไทยว่าล่าช้า ปฏิเสธ ป้องกัน: เหตุใดบริษัทประกันถึงไม่จ่ายค่าเคลมประกันและคุณจะทำอย่างไรได้บ้าง]
หนังสือเล่มนี้ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2010 เขียนโดยเจย์ ไฟน์แมน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยรัตเกอร์สในรัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยมีเนื้อหาเปิดโปงอุตสาหกรรมประกันภัยและให้คำแนะนำแก่ชาวอเมริกันในการจัดการกับปัญหาในเชิงโครงสร้าง
ศาสตราจารย์ไฟน์แมนปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเมื่อบีบีซีติดต่อเขา
ตำรวจยังพบโทรศัพท์มือถือตกอยู่ในซอยหนึ่ง ตามเส้นทางหลบหนีของผู้ต้องสงสัย โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่าพวกเขากำลัง “ตรวจสอบ” โทรศัพท์ดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบลายนิ้วมือบนแก้วกาแฟซึ่งเชื่อว่าถูกทิ้งโดยผู้ต้องสงสัย และได้ส่งไปยังห้องแล็บอาชญากรรมของ NYPD ด้วยความหวังว่าจะช่วยระบุตัวตนหรือสร้างลำดับเหตุการณ์ได้
เจ้าหน้าที่สืบสวนยังเปิดเผยว่ามีการออกหมายค้นที่สถานที่แห่งหนึ่งในย่านอัปเปอร์เวสต์ไซด์ (Better West Aspect) ของแมนฮัตตัน ซึ่งเขาถูกพบว่าเข้าไปก่อนหน้านี้ในวันเกิดเหตุ
สถานที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับโครงการที่อยู่อาศัยเฟรเดอริก ดักลาส ซึ่งตำรวจระบุว่ากล้องวงจรปิดแสดงภาพผู้ต้องสงสัยอยู่นอกอาคารประมาณเวลา 05:00 น. ในเช้าวันเกิดเหตุ
ก่อนหน้านี้ ตำรวจระบุว่าพวกเขาจะค้นหาห้องพักของทอมป์สันที่โรงแรมแมริออตใกล้เคียง ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกับจุดเกิดเหตุยิงเช่นกัน
ไบรอัน ทอมป์สัน คือใคร ?
ไบรอัน ทอมป์สัน ซีอีโอบริษัทประกันสุขภาพของสหรัฐฯ ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการโจมตีที่มีการวางแผนไว้ก่อนแล้ว
พอลเลตต์ ทอมป์สัน ภรรยาของเขา บอกว่า เขาเคยถูกข่มขู่ที่เกี่ยวข้องกับ “ความคุ้มครอง” ทางการแพทย์
“มีการข่มขู่บ้างค่ะ” พอลเลตต์บอกกับ NBC “ประมาณว่าเรื่องการขาดความคุ้มครอง [ทางการแพทย์] ฉันไม่ทราบรายละเอียดค่ะ”
“ฉันรู้แค่ว่าเขาบอกว่ามีบางคนที่ข่มขู่เขา”
ทอมป์สันเข้าร่วมงานกับยูไนเต็ด เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ในปี 2004 ก่อนหน้านี้เขาทำงานให้กับบริษัทบัญชีไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอร์ส
เขาเติบโตในสายงานจนกลายเป็นซีอีโอในปี 2021 โดยสามารถนำบริษัทจนมีกำไรมหาศาลเป็นเวลาหลายปี
เขามีรายได้จากบริษัท 10.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 348 ล้านบาท) เมื่อปีที่ผ่านมา ในปี 2022 เขามีรายได้ 9.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 334 ล้านบาท) และในปี 2021 มีรายได้ 9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 327 ล้านบาท)
“พ่อที่รัก” และ “เพื่อนร่วมงานที่ได้รับความเคารพ”
การเสียชีวิตของทอมป์สันสร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน
“เราใจสลายตอนได้ยินข่าวการเสียชีวิตที่ไร้เหตุผลของไบรอันที่เรารัก” พี่สะใภ้ของเขากล่าวในแถลงการณ์ที่ออกในนามของครอบครัว
“ไบรอันเป็นคนที่เปี่ยมด้วยความรัก ใจกว้าง และมีพรสวรรค์ เขาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และส่งผลกระทบ[ที่ดี]ต่อชีวิตของผู้คนมากมาย” เธอกล่าว
เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเขาเป็น “พ่อที่รักลูกมาก” ของลูกชายสองคนในครอบครัว
ด้านบริษัท ยูไนเต็ต เฮลธ์ กรุ๊ป (UnitedHealth Team) กล่าวว่า บริษัท “รู้สึกเสียใจและตกตะลึงอย่างยิ่ง” กับการเสียชีวิตของเขา
“ไบรอันเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนที่ได้รับความเคารพจากทุกคนที่ทำงานกับเขา” บริษัทกล่าวในแถลงการณ์
“เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานตำรวจนครนิวยอร์กและขอให้คุณอดทนและความเข้าใจในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ หัวใจของเราส่งถึงครอบครัวของไบรอันและทุกคนที่ใกล้ชิดกับเขา”
ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง
ทอมป์สันกำลังเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน
คดีฟ้องร้องแบบกลุ่มนี้ถูกยื่นฟ้องโดยกองทุนบำเหน็จบำนาญในเดือน พ.ค. 2024 ซึ่งกล่าวหาว่านายทอมป์สันขายหุ้นของยูไนเต็ตเฮลธ์ กรุ๊ป (UnitedHealth Team) มูลค่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เขาทราบว่าบริษัทกำลังถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐสอบสวน
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล (The Wall Road Journal) ที่เผยแพร่ในเดือน ก.พ. เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าบริษัทได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ หรือไม่
บีบีซีได้ติดต่อ บริษัท ยูไนเต็ตเฮลธ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท ยูไนเต็ต เฮลธ์แคร์ เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ยูไนเต็ต เฮลธ์แคร์เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในด้านประกันภัย ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพ บริการเภสัชกรรม และข้อมูลด้านสุขภาพ ในปี 2023 บริษัทมีรายได้มากกว่า 3.71 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตามเอกสารของศาล บริษัทได้ซื้อกิจการด้านสุขภาพมากกว่า 35 แห่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมกำลังตรวจสอบว่าบริษัทได้ใช้ความได้เปรียบทางการตลาดเพื่อลดการแข่งขัน ส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและพนักงานหรือไม่
รายงานจากวอลล์ สตรีท เจอร์นัล ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้สัมภาษณ์ตัวแทนในอุตสาหกรรมสุขภาพ และตั้งคำถามเกี่ยวกับ “ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อกลุ่มแพทย์ของบริษัทต่อคู่แข่งและผู้บริโภค”
กองทุนบำเหน็จบำนาญของนักดับเพลิงเมืองฮอลลีวูดเป็นผู้เริ่มต้นยื่นฟ้องนายทอมป์สันและผู้บริหารคนอื่น ๆ โดยกล่าวหาว่าพวกเขาล้มเหลวในการแจ้งให้นักลงทุนทราบเกี่ยวกับการสอบสวนก่อนที่จะขายหุ้นของบริษัทรวมมูลค่ากว่า 117 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในฐานะนักลงทุนระยะยาวที่ซื้อหุ้นจำนวนมาก กองทุนบำเหน็จบำนาญมักดำเนินการในนามของผู้ถือหุ้น และได้เสนอคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มต่อยูไนเต็ต เฮลธ์ คดีดังกล่าวยังคงดำเนินอยู่
นอกจากนี้ บริษัทกำลังเผชิญการดำเนินคดีทางกฎหมายเกี่ยวกับข้อเสนอควบรวมกิจการกับบริษัทคู่แข่งด้านสุขภาพ
ยูไนเต็ต เฮลธ์ เสนอซื้อกิจการ อเมดิซิส (Amedisys) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่บ้านและบริการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ด้วยมูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่เมื่อวันที่ 12 พ.ย. กระทรวงยุติธรรมได้ยื่นฟ้องเพื่อระงับการควบรวมกิจการดังกล่าว โดยกล่าวหาว่าการควบรวมดังกล่าวจะทำให้การแข่งขันลดลง และ “ส่งผลเสียต่อผู้ป่วยที่ได้รับบริการสุขภาพที่บ้านและบริการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย บริษัทประกันที่ทำสัญญาบริการสุขภาพที่บ้าน และพยาบาลที่ให้บริการดังกล่าว”
ยูไนเต็ต เฮลธ์ ตอบโต้ว่าการควบรวมกิจการจะ “ส่งเสริมการแข่งขันและนวัตกรรม นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วย และการเข้าถึงการดูแลที่มีคุณภาพมากขึ้น” บริษัทอธิบายว่าการฟ้องร้องของกระทรวงยุติธรรมเป็น “การตีความกฎหมายต่อต้านการผูกขาดเกินกว่าเหตุ”
ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กระทรวงยุติธรรมได้เพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการผูกขาดอุตสาหกรรมและส่งเสริมการแข่งขันระหว่างบริษัทต่าง ๆ
ที่มา BBC.co.uk