ใครคือตัวเต็งในโผฝ่ายบริหารชุดใหม่ของ ทรัมป์?
Article files
- Author, แซม คาบรัล, เอมี วอล์คเกอร์ และ นาดีน ยูซิฟ
- Role, บีบีซีนิวส์
โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่อย่างเป็นทางการคนแรก โดยให้ ซูซี ซัมเมอร์ออลล์ ไวลส์ ผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งปี 2024 ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
ทีมงานเปลี่ยนผ่านอำนาจของประธานาธิบดีคนใหม่กำลังคัดกรองแคนดิเดตหลายรายก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะหวนคืนสู่ทำเนียบขาว ในวันที่ 20 ม.ค. 2025
หลายคนที่เคยดำรงตำแหน่งในรัฐบาลทรัมป์ในวาระแรก ไม่มีแผนกลับเข้ารับหน้าที่อีก ทว่าสื่อของสหรัฐฯ ระบุว่า มีข่าวลือว่าบรรดาพันธมิตรผู้ภักดีกับ ทรัมป์ จำนวนหนึ่งจะกลับรับหน้าที่อีก
ว่าที่ผู้นำคนที่ 47 ของสหรัฐฯ วัย 78 ปี จากพรรครีพับลิกัน ยังมีพันธมิตรใหม่อยู่รายล้อมรอบตัว ซึ่งอาจเข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ทำงานในทำเนียบขาว และรับบทบาทสำคัญอื่น ๆ ในรัฐบาล
ต่อไปนี้คือรายชื่อบุคคลที่ปรากฏในโผเข้าดำรงตำแหน่งในรัฐบาล “ทรัมป์ 2.0”
Skip เรื่องแนะนำ and continue finding outเรื่องแนะนำ
Terminate of เรื่องแนะนำ
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
ซูซี ไวลส์ และ คริส ลาซิวิตา ผู้จัดการร่วมฝ่ายรณรงค์หาเสียง คือผู้วางแผนเบื้องหลังชัยชนะของ ทรัมป์ เหนือคู่แข่งอย่าง กมลา แฮร์ริส
ในสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะของเขาเมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) ทรัมป์ เรียก ไวลส์ ว่า “สาวน้ำแข็ง” โดยมีที่มาจากอารมณ์สงบนิ่งของเธอ และกล่าวว่า เธอ “ชอบที่จะอยู่เบื้องหลัง”
ไวลส์ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว (White House chief of team) ซึ่งเป็นการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล “ทรัมป์” 2.0 รายแรก และถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนี้ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวมักเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของประธานาธิบดี คอยบริหารวาระและดูแลการดำเนินงานในแต่ละวัน และบริหารจัดการเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
ไวลส์ วัย 67 ปี ทำงานในวงการการเมืองร่วมกับพรรครีพับลิกันมานานหลายทศวรรษ ตั้งแต่การรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ประสบความสำเร็จของ โรนัลด์ เรแกน ในปี 1980 ก่อนที่เธอจะเข้ารับหน้าที่ผู้จัดตารางงานในทำเนียบขาว ต่อมาปี 2010 เธออยู่ในทีมหาเสียงของ ริค สก็อตต์ ผลักดันให้นักธุรกิจผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองไม่มากนัก เข้ารั้งเก้าอี้ผู้ว่าการการรัฐฟลอริดาได้ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือน
ไวลส์ ได้พบกับ ทรัมป์ ระหว่างการเลือกตั้งขั้นต้น (ไพรมารี) ของพรรครีพับลิกันในปี 2015 และเป็นผู้จัดการร่วมฝ่ายรณรงค์หาเสียงในรัฐฟลอริดาซึ่งถือเป็นหนึ่งในรัฐสมรภูมิ (สวิงสเตต) ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ทำให้ ทรัมป์ เฉือนgเอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ในรัฐฟลอริดาไปได้แบบฉิวเฉียด
ชาวรีพับลิกันกล่าวกันว่า ไวลส์ ได้รับความเคารพนับถือและมีความสามารถในการควบคุมอัตตาอันสูงลิ่วของบุคคลที่อยู่ในวงโคจรของ ทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้เธอสามารถออกคำสั่งอย่างเป็นระบบระเบียบ ซึ่งเป็นสิ่งที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว 4 คนก่อนหน้านี้ของ ทรัมป์ ไม่สามารถทำได้
รัฐมนตรียุติธรรม
ไม่มีการตัดสินใจเรื่องบุคลากรในตำแหน่งใดจะมีความสำคัญต่อวิถีการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของ ทรัมป์ มากไปกว่าตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (Attorney traditional)
หลังจากความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับทั้ง เจฟฟ์ เซสชันส์ และ วิลเลียม บาร์ รัฐมนตรียุติธรรม ในสมัยแรกของเขา คาดว่า ทรัมป์ จะเลือกพันธมิตรผู้ภักดีที่จะใช้อำนาจในการฟ้องลงโทษบรรดานักวิจารณ์และฝ่ายตรงข้าม
สำหรับรายชื่อที่ปรากฏในโผ ครม. ได้แก่ เคน แพ็กซ์ตัน อัยการสูงสุดของรัฐเท็กซัส ซึ่งถูกตั้งข้อกล่าวหาและถูกถอดถอนเช่นเดียวกับ ทรัมป์, แมทธิว จี. วิทเทเกอร์ รักษาการ รมว.ยุติธรรม 3 เดือน หลังจากที่ เซสชันส์ ลาออกตามคำขอของ ทรัมป์, ไมค์ เดวิส นักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาที่เคยเป็นเสมียนผู้พิพากษาศาลฎีกา ให้กับ นีล กอร์ซัช และเคยข่มขู่บรรดานักวิจารณ์และนักข่าวที่ต่อต้าน ทรัมป์ อย่างรุนแรง, มาร์ก เปาเล็ตตา ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งในสำนักงานงบประมาณของ ทรัมป์ และโต้แย้งว่าไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมายที่ประธานาธิบดีต้องอยู่ห่าง ๆ จากการตัดสินใจของกระทรวงยุติธรรม
รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (The secretary of place of origin security) จะเป็นผู้นำในการบังคับใช้คำมั่นสัญญาที่ ทรัมป์ หาเสียงไว้ว่าจะเนรเทศผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารจำนวนมาก และ “ปิดล้อม” พรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก รวมถึงเป็นผู้นำในการตอบสนองต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติของรัฐบาล
ทอม โฮแมน อดีตรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐฯ (ICE) ในสมัยแรกของรัฐบาลทรัมป์ ถือเป็น “ตัวเต็ง” ที่จะเข้ารับหน้าที่นี้
โฮแมน วัย 62 ปี สนับสนุนการแยกเด็กผู้อพยพจากพ่อแม่ของพวกเขาเพื่อเป็นวิธีป้องกันการลักลอมข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย เขากล่าวว่า นักการเมืองที่สนับสนุนนโยบายคุ้มครองผู้อพยพและให้ที่พักพิงควรถูกตั้งข้อหาทางอาญา แม้ว่าเขาจะลาออกในปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงกลางเทอมของประธานาธิบดีคนที่ 45 แต่เขายังคงเป็นผู้สนับสนุนแนวทางของ ทรัมป์ และเป็นบุคคลสำคัญในการพัฒนาแผนเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ของ ทรัมป์ ทั้งนี้เขาให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนเนรเทศผู้อพยพว่า จะไม่ใช่การกวาดล้างชุมชนครั้งใหญ่ แต่จะมีการจับกุมแบบพุ่งเป้า
แชด วูล์ฟ เคยทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ระหว่างปี 2019-2020 กระทั่งการแต่งตั้งเขาถูกตัดสินว่าผิดกฎหมาย และ แชด มิเซลล์ อดีตที่ปรึกษาทั่วไปของรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ก็อาจเป็นคู่แข่งได้เช่นกัน
ขณะที่ สตีเฟน มิลเลอร์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นสถาปนิกของแผนเนรเทศผู้อพยพของ ทรัมป์ ได้รับการคาดหมายว่าจะกลับมารับหน้าที่ที่ปรึกษาอาวุโสของทำเนียบขาวอีกครั้ง
รัฐมนตรีต่างประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (The US secretary of hiss) เป็นที่ปรึกษาหลักของประธานาธิบดีด้านกิจการต่างประเทศ และทำหน้าที่เป็นหัวหน้านักการทูตทั้งปวงของอเมริกาเมื่อเป็นตัวแทนของประเทศในต่างแดน
มาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกจากรัฐฟลอริดา เพิ่งได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของ ทรัมป์ เป็นบุคคลสำคัญที่จะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งสำคัญใน ครม.
รูบิโอ วัย fifty three ปี เป็นผู้สนับสนุนจีน และคัดค้าน ทรัมป์ ในการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรครีพับลิกันเมื่อปี 2016 ก่อนสลายความขัดแย้งหลังจากนั้น เขาเป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมการความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภาและรองประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองพิเศษของสภา
ส่วนผู้ท้าชิงตำแหน่งรายอื่น ๆ ได้แก่ โรเบิร์ต โอไบรอัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของ ทรัมป์, บิลล์ ฮาเกอร์ตี้ วุฒิสมาชิกจากรัฐเทนเนสซี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศญี่ปุ่น, ไบรอัน ฮุค ทูตพิเศษประจำอิหร่านในช่วงรัฐบาล “ทรัมป์ 1” ซึ่งถือเป็นนักการทูต “สายเหยี่ยว” และเป็นผู้นำความพยายามในการเปลี่ยนผ่านของกระทรวงการต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมี ริชาร์ด กรีเนลล์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศเยอรมนี ทูตพิเศษประจำคาบสมุทรบอลข่าน และรักษาการผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (DNI) เขามีส่วนร่วมอย่างมากในความพยายามพลิกผลความพ่ายแพ้ของ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 และยังเข้าร่วมการประชุมส่วนตัวระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ในเดือน ก.ย. อีกด้วย ทั้งนี้ ทรัมป์ อ้างว่า สามารถยุติสงครามยูเครนได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ กรีเนล สนับสนุนให้มีการตั้งเขตปกครองตนเองในทาง
หน่วยข่าวกรอง/ หน่วยงานความมั่นคง
ความเป็นนักสู้ของ กรีเนลล์ อาจทำให้เขาเหมาะกับตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ (National security adviser) มากกว่าเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ต้องได้รับการรับรองจากวุฒิสภา
นอกจากนี้ ยังมี จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ, คีธ เคลล็อกก์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีคนแรกของ ทรัมป์, เอลดริดจ์ คอลบี อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม และ แคช ปาเทล ผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีที่เคยทำงานในสภาความมั่นคงแห่งชาติ และดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมในช่วงเดือนสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของ ทรัมป์
ปาเทล วัย 44 ปี ผู้ช่วยขัดขวางการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาล “ทรัมป์ 1” ไปสู่รัฐบาล โจ ไบเดน ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งในปี 2020 มีแนวโน้มว่าจะได้เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาง (CIA)
ทรัมป์ ยังกล่าวอีกว่า เขาจะไล่ คริส เรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (FBI) ซึ่งเขาเสนอชื่อในปี 2017 ก่อนทะเลาะกันหลังจากนั้น ทำให้ เจฟฟรีย์ เจนเซน อดีตอัยการสหรัฐฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ ถูกมองว่าอาจได้เข้ามารับหน้าที่แทน เรย์
รัฐมนตรีกลาโหม
มีการพูดถึงชื่อ 2 ชื่อที่จะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (Defence secretary) ได้แก่ ไมเคิล วอลทซ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการด้านกำลังทหารของสภาล่าง และเป็นทหารผ่านศึกสงครามอัฟกานิสถาน และ โรเบิร์ต โอไบรอัน
ทรัมป์ ตัดสินใจตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าจะไม่ส่ง ไมค์ ปอมเปโอ เข้ารั้งเก้าอี้เจ้ากระทรวงกลาโหม
สำหรับ ปอมเปโอ เป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) และรัฐมนตรีต่างประเทศในสมัย “ทรัมป์ 1” ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนอิสราเอลและมีบทบาทสำคัญในการย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม เขายังเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการดำเนินงานของข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accords) ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และบาห์เรนกลับมาเป็นปกติ อีกทั้งยังเป็นคนที่ยังออกตัวปกป้อง ทรัมป์ หลังจากที่ ทรัมป์ อ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้งจนทำให้เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2020
ทูตยูเอ็น
ในเทอมแรกของ ทรัมป์ อีลีส สเตฟานิก สส. หญิงจากรัฐนิวยอร์ก เปลี่ยนจากผู้สนับสนุนสายกลางมาเป็นผู้สนับสนุนที่กล้าแสดงออก ผู้นำอันดับ 4 ของพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรยังเป็นหนึ่งใน “องครักษ์พิทักษ์ทรัมป์” อย่างแข็งขันที่สุดในแคปิตอลฮิลล์ ซึ่งทำให้เธอเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งตัวแทน ทรัมป์ ในพื้นที่ที่ไม่เป็นมิตรในสหประชาชาติ (UN)
แต่เธออาจต้องช่วงชิงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหประชาชาติ (UN ambassador) กับ มอร์แกน ออร์ทากัส อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ, เดวิด ฟรีดแมน เอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล และ เคลลี คราฟต์ เอกอัครราชทูตยูเอ็น ที่ดำรงตำแหน่งเมื่อสิ้นสุดวาระของ ทรัมป์
รัฐมนตรีคลัง
รายงานข่าวระบุว่า ทรัมป์ กำลังพิจารณาให้ โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งผู้ไม่เห็นด้วยกับการค้าเสรี และเป็นผู้นำสงครามภาษีศุลกากรกับจีน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง (Treasury secretary)
อย่างไรก็ตาม อาจมีอีกอย่างน้อย 4 คนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งนี้ ได้แก่ สก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์มหาเศรษฐีที่กลายมาเป็นผู้ระดมทุนรายใหญ่และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับประธานาธิบดีคนใหม่, จอห์น พอลสัน ผู้บริจาคเงินรายใหญ่จากวงการกองทุนเฮดจ์ฟันด์, เจย์ เคลย์ตัน อดีตประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC), แลร์รี คุดโลว์ นักวิจารณ์ด้านการเงินของ Fox Enterprise Community ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของ ทรัมป์ ในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรก
รัฐมนตรีพาณิชย์
ลินดา แม็กแมน ผู้ร่วมดำรงตำแหน่งประธานคณะทำงานเปลี่ยนผ่านของ ทรัมป์ ถือเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งสำคัญในการเป็นตัวแทนภาคธุรกิจของสหรัฐฯ และการสร้างงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (Commerce secretary) หลังก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารธุรกิจขนาดเล็กในวาระแรกของเขา
บุคคลอื่นที่สามารถดำรงตำแหน่งนี้คือ บรูค โรลลินส์, โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์, เคลลี เลิฟเลอร์ นักธุรกิจหญิงผู้มั่งคั่งที่เคยดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เป็นเวลาสั้น ๆ
รัฐมนตรีมหาดไทย
คริสตี โนเอม ผู้ว่าการรัฐเซาต์ดาโกตา ซึ่งถูกมองข้ามมิให้เป็นคู่หูของ ทรัมป์ ในการชิงเก้าอี้รองประธานาธิบดี เนื่องจากเธอยอมรับอย่างประหลาดว่าเธอฆ่าสุนัขของตัวเอง ทว่าความภักดีที่มีต่อ ทรัมป์ อาจทำให้เธอได้รับผลตอบแทนเป็นเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (Interior secretary) ซึ่งบริหารจัดการที่ดินสาธารณะและทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ดัก เบิร์กกัม ผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโกตา อาจช่วงชิงตำแหน่งนี้กับเธอ
รัฐมนตรีพลังงาน
นอกจากนี้ ดัก เบอร์กัม ยังมีชื่อเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงาน (Energy secretary) โดยเขาจะปฏิบัติตามนโยบายหาเสียงของ ทรัมป์ ในการ “เจาะ เจาะ เจาะ” และปฏิรูปนโยบายพลังงานของสหรัฐฯ
เบอร์กัม ผู้ประกอบการด้านซอฟต์แวร์ขายบริษัทเล็ก ๆ ของตนให้กับไมโครซอฟต์ในปี 2001 เคยลงสมัครเลือกตั้งขั้นต้นของพรรครีพับลิกันในปี 2024 เป็นเวลาสั้น ๆ ก่อนขอถอนตัว โดยให้การสนับสนุน ทรัมป์ และสร้างความประทับใจให้กับ ทรัมป์ ได้อย่างรวดเร็วด้วยบุคลิกที่ไม่ค่อยดรามาและมีทรัพย์สินอันมั่งคั่ง
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า อดีตรัฐมนตรีพลังงาน แดน บรูอิลเลตต์ ก็อยู่ในรายชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งนี้ด้วย
โฆษกทำเนียบขาว
คาโรลีน เลวิตต์ วัย 27 ปี สร้างความประทับใจให้ ทรัมป์ ในฐานะโฆษกทีมรณรงค์หาเสียงของเขา และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยโฆษกทำเนียบขาวในสมัยที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ เธอมีชื่อเป็น “ตัวเต็ง” ว่าอาจขึ้นแท่นโฆษกทำเนียบขาว (Press secretary) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องเจอกับสื่อมวลชนมากที่สุดในคณะรัฐบาล
โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์
โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ เป็นทนายความด้านสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ไม่เชื่อมั่นในวัคซีน และยังเป็นหลานชายของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี อีกด้วย
เขาเคยลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งนี้ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นผู้สมัครอิสระ แต่ไม่ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากนัก ต่อมาเขาถอนตัวจากชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ แล้วหันมาสนับสนุน ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันแทน
บุคคลหลายคนที่สนิทสนมกับทีมหาเสียงของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่กล่าวกับซีบีเอสซึ่งเป็นพันธมิตรด้านข่าวของบีบีซีในสหรัฐฯ ว่า เคนเนดี จูเนียร์ อยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิที่จะได้ขับเคลื่อนงานในกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (Health mand human products and services division – HHS)
แม้ เคนเนดี วัย 70 ปี จะไม่มีวุฒิการศึกษาทางการแพทย์ แต่คาดว่าจะกลายเป็น “ดาราสาธารณสุข” ในรัฐบาลทรัมป์
การโจมตีความน่าเชื่อถือของ เคนเนดี โดยพรรคเดโมแครตไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีอำนาจในการควบคุมวุฒิสภา และการแต่งตั้ง เคนเนดี ให้ดำรงตำแหน่งใน ครม. ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรคเดโมแครต
นอกจากงานใหม่ในฝ่ายสุขภาพและบริการมนุษย์แล้ว เคนเนดี ยังสามารถมีอิทธิพลต่อนโยบายของกระทรวงเกษตร สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Adjust and Prevention – CDC) หรือองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (Food and Drug Safety Administration – FDA) ได้อีกด้วย
อีลอน มัสก์
หนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อให้ ทรัมป์ หวนคืนตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะนี้นักวิจารณ์กล่าวว่า อีลอน มัสก์ จะมีอำนาจในการกำหนดกฎระเบียบที่ส่งผลต่อบริษัทของเขาอย่างเทสลา (Tesla), สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) และเอ็กซ์ (X)
มัสก์ และ ทรัมป์ ต่างให้ความสนใจในแนวคิดที่ให้เขาเป็นผู้นำ “กระทรวงส่งเสริมประสิทธิภาพของรัฐบาล” (Division of Authorities Effectivity) ซึ่งจะก่อตั้งขึ้นใหม่ เพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงสิ่งที่เขาเรียกว่า “ระบบราชการของรัฐบาลกลางที่เทอะทะและกดดัน”
อักษรย่อของหน่วยงานดังกล่าว – DOGE – เป็นการอ้างอิงแบบเล่น ๆ ถึง “มีม” สกุลเงินดิจิทัลที่มัสก์เคยโปรโมตไว้ก่อนหน้านี้
แต่ มัสก์ วัย fifty three ปี อาจมีบทบาทในด้านการทูตระดับโลกได้เช่นกัน เขาเข้าร่วมการโทรศัพท์พูดคุยครั้งแรกระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนเมื่อวันพุธ (6 พ.ย.)
ที่มา BBC.co.uk