แพลตฟอร์มคริปโต บายบิท ถูกแฮ็ก สูญกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ อาจเป็นการโจรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์

ที่มาของภาพ : Getty Photos

บายบิท (Bybit) แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี เปิดเผยว่ามีถูกแฮกเกอร์ขโมยสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 50,330 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นการโจรกรรมคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

เบน โจว ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต บายบิท ซึ่งมีฐานอยู่ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แจ้งให้ผู้ใช้งานทุกรายที่ใช้บริการแพลตฟอร์มนี้ว่า เงินดิจิทัลของพวกเขา “ปลอดภัย” และทางบริษัทจะคืนเงินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ

บายบิทระบุว่า ผู้โจมตีขโมยจากกระเป๋าเงินดิจิทัลอีเธอร์เรียม (Ethereum-ETH) ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโตที่มีมูลค่าเป็นอันดับสองรองจากบิทคอยน์

ผู้ก่อตั้งบายบิท กล่าวว่าเงินจำนวนนี้อาจได้รับการชดเชยจากบริษัทหรือจากการกู้ยืมจากพันธมิตร โดยบายบิทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 671,120 ล้านบาท)

บายบิทเปิดเผยว่า แฮ็กเกอร์ได้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยแล้วโอนเงินไปยังที่อยู่ที่ไม่ระบุชื่อ หลังจากการโจรกรรม มูลค่าของอีเธอร์เรียมลดลงประมาณ 4% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ก.พ.) ทำให้มูลค่าเหลืออยู่ที่ 2,641.41 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเหรียญ ความเสียหายจากการโจรกรรมครั้งนี้ ทำลายสถิติเดิมที่เคยเกิดการโจรกรรมเหรียญอีเธอร์เรียม และเหรียญ USD มูลค่า 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 20,804 ล้านบาท) จากโรนิน เน็ตเวิร์ก เมื่อปี 2022

and proceed readingเรื่องแนะนำ

Discontinue of เรื่องแนะนำ

บายบิทก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยมีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และปีเตอร์ ธีล อดีตซีอีโอของเพย์พาล (Paypal) เป็นหนึ่งในนักลงทุนรายแรก ๆ ปัจจุบันบายบิทมีผู้ใช้งานมากกว่า 60 ล้านคนทั่วโลกและให้บริการเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ

“บายบิทยังคงสามารถดำเนินการได้ แม้การขาดทุนจากการแฮ็กครั้งนี้จะไม่ได้รับการชดเชย แต่เงินทุนทั้งหมดของลูกค้าจะได้รับการใช้คืน เราสามารถครอบคลุมการขาดทุนได้” นายโจวกล่าวเพิ่มเติม โดยบายบิทระบุในโพสต์บน “เอ็กซ์” ว่าบริษัทได้รายงานกรณีนี้ต่อเจ้าหน้าที่และกำลังทำงาน “อย่างรวดเร็วและครอบคลุม” เพื่อระบุตัวแฮ็กเกอร์

สกุลเงินดิจิทัล ซึ่งได้รับความนิยมจากนักลงทุน เกิดเป็นประเด็นถกเถียงหลายครั้ง เนื่องจากหลายคนวิจารณ์ว่ามูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรล้วน ๆ ทำให้มูลค่าของสกุลเงินสามารถถูกควบคุมได้ง่าย

ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ก็ถูกวิจารณ์สำหรับการเปิดตัวเหรียญดิจิทัลของตัวเองในขณะที่เขากล่าวว่าตน “ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีมากนัก”

เหรียญดิจิทัลที่ชื่อว่า TRUMP ปรากฏในบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาก่อนการรับตำแหน่งประธานาธิบดี และกลายเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าสูงที่สุด แต่ภายหลังมูลค่าของเหรียญได้ลดลงอย่างมาก

การจารกรรมครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นความกังวลเรื่องความปลอดภัยในตลาดสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งตลาดหวังว่าจะได้รับความไว้วางใจใหม่หลังจากที่ทรัมป์เปิดตัวเหรียญของตัวเอง นอกจากนี้ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีหลายพันล้านเจ้าของเทสลาและที่ปรึกษาของทรัมป์ ก็เคยกล่าวถึงบิทคอยน์ในอดีต

ในปี 2014 แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Mt Gox ยื่นล้มละลายหลังจากที่มีสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 11,744 ล้านบาท) ถูกขโมยโดยผู้ก่อเหตุอาศัยช่องโหว่ในระบบความปลอดภัยของบริษัทลงมือ

ในปี 2019 เกิดเหตุการณ์แฮ็กเกอร์ขโมยบิทคอยน์มูลค่า 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,375 ล้านบาท) จากแพลตฟอร์มไบแนนซ์ ซึ่งเป็นการโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง