
“ฉันโชคดีที่กลับลงมาได้” นักปีนเขาผู้รอดชีวิตจากพายุหิมะถล่มเอเวอเรสต์ เล่านาทีต่อสู้กับภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำ

Article Records
-
- Author, ลอรา บิกเกอร์
- Characteristic, ผู้สื่อข่าวประจำประเทศจีน
- Author, โกห์ ยูว์
- Characteristic,
- Author, เคลลี อึง
- Characteristic,
นักปีนเขาที่เผชิญกับพายุหิมะอย่างกะทันหันบริเวณใกล้กับภูเขาเอเวอเรสต์เปิดเผยว่าพวกเขาเผชิญกับภาวะ “ไฮโปเธอร์เมีย (hypothermia)” หรือภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิลดต่ำลงจนเกินไป ในตอนที่พวกเขาต้องลุยฝ่าหิมะที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงเดินหน้าช่วยอพยพคนจำนวนมาก
รานงานจากสื่อของทางการจีนระบุว่า มีนักปีนเขาเสียชีวิตอย่างน้อย 1 คนในเหตุการณ์นี้ และอีกกว่า 200 คนยังคงติดค้างอยู่บนเนินเขาทางตะวันออกของเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นจุดยอดนิยมสำหรับนักปีนเขาและนักเดินป่า
หิมะเริ่มตกในเย็นวันศุกร์ (3 ต.ค.) และทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายร้อยชีวิตถูกส่งไปเคลียร์กองหิมะที่กีดขวางการเข้าถึงพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ที่ระดับความสูงมากกว่า 4,900 เมตร
ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พาคนจำนวน 350 คนออกไปยังที่ปลอดภัยในเขตชูตัง (Qudang) เขตชนบทเล็ก ๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างติดต่อกับนักเดินป่าที่ยังคงติดค้างอยู่บนภูเขา
ตง ชูฉาง ช่างภาพสายธรรมชาติ เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนที่หลั่งไหลมาที่นี่ในช่วง “สัปดาห์ทอง” (Golden Week) ซึ่งหมายถึงช่วงวันหยุดยาวประจำปีของชาวจีน
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed learningได้รับความนิยมสูงสุด
ได้รับความนิยมสูงสุด
เขาตั้งตารอที่จะถ่ายภาพความมหัศจรรย์ของเทือกเขาหิมาลัยจากเนินเขาในทิเบต และหลังจากที่เขาเริ่มออกเดินป่าเมื่อวันเสาร์ (4 ต.ค.) ไม่กี่ชั่วโมง พายุหิมะก็เริ่มกระหน่ำลงมา
“ฟ้าฝ่าและพายุฝนฟ้าคะนองดูเหมือนจะไม่หยุดลงเลย หิมะตกหนักมากจนผมแทบจะนอนไม่ได้” ตง บรรยายถึงเหตุการณ์ตอนนั้น
กลุ่มของเขาเดินขึ้นถึงระดับความสูง 4,600 เมตร ก่อนที่จะตัดสินใจกลับลงมา
“เสื้อกันลมและกันฝนของพวกเราต้านหิมะเหล่านี้ไม่ได้เลย พวกเราเปียกโชกกันหมด” เขาระบุ ก่อนจะกล่าวเสริมว่ามีหลายคนในกลุ่มของเขาเริ่มแสดงสัญญาณของอาการไฮโปเธอร์เมีย
ชายวัย 27 ปีรายนี้เคยไปเยือนเทือกเขาหิมาลัยมาแล้วกว่า 10 ครั้ง แต่เขาบอกว่าเขา “ไม่เคยเจอกับสภาพอากาศแบบนี้มาก่อน”
เส้นทางหนีจากพายุของตงนั้นเต็มไปด้วยหิมะที่ชุ่มน้ำและลูกเห็บที่ตกลงมา
“ทุกคนเคลื่อนที่กันอย่างช้า ๆ เส้นทางมันลื่นมาก ผมล้มตลอดเลยเพราะเจอแต่น้ำแข็ง”
กลุ่มของเขาใช้เวลาค่ำคืนสุดท้ายที่โรงแรมในเมืองชูตัง ซึ่งพวกเขาต้องอาศัยไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ
เมื่อพวกเขาออกจากโรงแรมในช่วงเช้าวันที่ 6 ต.ค. พายุหิมะก็สลบลงในที่สุด “พวกเราโล่งใจมากที่ได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุน” เขากล่าว
เฉิน เกอชวง ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดินป่ากลุ่มเดียวกับตง เล่าว่าหิมะหนาประมาณ 1 เมตร ในตอนที่กลุ่มของเธอเริ่มเดินกลับลงมาเมื่อวันอาทิตย์ (5 ต.ค.)
“ทุกคนในกลุ่มของเราเป็นนักเดินป่าที่มีประสบการณ์” เฉินระบุ “แต่พายุหิมะนี้ครั้งนี้มันรับมือยากสุด ๆ ฉันโชคดีที่กลับลงมาได้”
“หิมะในปีนี้มันไม่เหมือนกับทุก ๆ ปี” หญิงวัย 29 ปี ผู้หลงใหลในกิจกรรมกลางแจ้งระบุ

ที่มาของภาพ : Getty Images
หญิงอีกรายบอกกับบีบีซีว่าสามีของเธอที่ติดอยู่ในพายุหิมะกำลังค่อย ๆ ลงจากภูเขามา แต่หิมะหนาที่ปกคลุมอยู่ทำให้การลงจากภูเขาเป็นเรื่องยากมาก
“แม้แต่สำหรับกู้ภัยยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเขาต้องเคลียร์หิมะออกไปก่อนเพื่อเปิดเส้นทางเดิน” หญิงรายนี้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุ
“ฉันหวังว่ากลุ่มของสามีจะเจอ ทีมช่วยเหลือ อย่างปลอดภัย”
สามียังบอกกับเธออีกว่าเขาแทบจะไม่ได้นอนในเต็นท์ของตัวเองเลย เพราะเขากลัวว่าจะถูกหิมะฝังกลบ
อีริค เหวิน นักเดินป่าอีกรายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่ามีสามคนในกลุ่มของเขาที่มีอาการไฮโปเธอร์เมีย แม้ว่าจะแต่งกายป้องกันมาอย่างเพียงพอแล้ว
พวกเขาแทบไม่ได้นอนเลยเพราะหิมะตกหนักมาก และกลุ่มของเขาต้องเคลียร์หิมะทุก ๆ 10 นาที
“ไม่อย่างนั้นเต็นท์ของเราคงพังไปแล้ว”

ที่มาของภาพ : Dong Shuchang
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงครึ่งทางของวันหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์เนื่องในวันชาติจีนที่เรียกกันว่า “สัปดาห์ทอง” ซึ่งเป็นช่วงพีคสำหรับการท่องเที่ยวในท้องถิ่น
โดยปกติแล้วเดือน ต.ค. จะเป็นเดือนที่ท้องฟ้าแจ่มใสและมีอุณหภูมิที่เป็นมิตร ทำให้เป็นช่วงเดือนหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินป่าหรือปีนเขาบริเวณภูเขาเอเวอเรสต์
นักเดินป่าหลายคนเลือกเดินไปตามเส้นทางเดินป่า “การ์มา วัลเลย์” ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่เป็นเส้นทางที่สวยงามในการจะเดินไปยังฐานเอเวอเรสต์ โดยการเดินตามเส้นทางนี้ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกได้
แม้จะมีหลายคนพยายามปีนขึ้นสู่ยอดภูเขาในทุก ๆ ปี แต่มันเป็นการปีนเขาที่ถือได้ว่าอันตรายอย่างยิ่ง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีกระแสความกังวลทั้งเรื่องความแออัด สิ่งแวดล้อม และความพยายามปีนเขาที่อันตรายถึงชีวิตในหลายครั้ง
ภูมิภาคแห่งนี้กำลังเผชิญกับปัญหาสภาพอากาศที่รุนแรง
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเนปาล เผชิญฝนถล่มและน้ำท่วมซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 47 คน ทำให้ถนนถูกปิดกั้น และสะพานพังทลาย
ขณะที่อีกฟากหนึ่งของจีน พายุไต้ฝุ่นแมตโมได้เคลื่อนขึ้นยังบริเวณชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศแล้ว ทำให้ประชาชนราว 150,000 คน ต้องอพยพจากบ้านเรือน
ที่มา BBC.co.uk