โรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (BV) ถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
- Author, มิเชล โรเบิร์ตส์
- Feature, บรรณาธิการดิจิทัลข่าวสุขภาพ บีบีซีนิวส์
นักวิจัยพบว่า ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) จริง ๆ แล้วอาจจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (sexually transmitted infection – STI)
ในปัจจุบัน ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service – NHS) ในสหราชอาณาจักร ระบุว่า ภาวะดังกล่าวมีสาเหตุจาก “การเปลี่ยนแปลงความสมดุลทางธรรมชาติของแบคทีเรียภายในอวัยวะเพศหญิง และไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” แม้ว่ามันจะถูกระตุ้นได้โดยการมีเพศสัมพันธ์ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาทางการแพทย์ฉบับหนึ่งอ้างว่า ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้หญิงหนึ่งในสามทั่วโลก และยังสามารถเป็นสาเหตุของภาวะการมีบุตรยาก การคลอดก่อนกำหนด และการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด เป็นภาวะที่เกิดการแพร่กระจายในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ และเข้าข่ายคำจำกัดความของคำว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การศึกษาทดลองดังกล่าวที่จัดทำโดยองค์กรด้านสุขภาพในออสเตรเลียฉบับนี้ ซึ่งได้รับการเผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์ Unique England Journal of Remedy เมื่อไม่นานมานี้ พบว่าการรักษาโรคในคู่รักที่สตรีมีเพศสัมพันธ์ด้วย มีความสำคัญในการกำจัดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียนี้ด้วย
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย คืออะไร ?

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย คือสาเหตุทั่วไปของอาการการตกขาวที่ผิดปกติ ซึ่งทำให้มีตกขาวกลิ่นเหมือนกลิ่นคาวปลา ขณะที่สีและความสม่ำเสมอก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เช่น กลายเป็นสีเทาปนขาว หรืออาจจะมีแบบกะปริบกะปรอยและเป็นน้ำ
เรื่องแนะนำ
Quit of เรื่องแนะนำ
แต่ราวครึ่งหนึ่งของผู้หญิงที่มีภาวะดังกล่าวจะไม่ปรากฏอาการใด ๆ และโดยปกติผู้ที่มีภาวะดังกล่าวจะไม่รู้สึกอาการเจ็บหรือคันใด ๆ
โดยภาวะดังกล่าวสามารถรักษาได้โดยยาปฏิชีวนะแบบเม็ด แบบเจล หรือแบบครีม
ในการทดลองกับคู่รัก 164 คู่ ที่ฝ่ายหญิงมีภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย นักวิจัยประสบความสำเร็จในการรักษาในอัตราที่สูงกว่าเมื่อให้ยาปฏิชีวนะกับทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง แทนที่จะให้ยาปฏิชีวนะแก่ฝ่ายหญิงเพียงฝ่ายเดียว
คณะแพทย์ได้หยุดการทดลองนี้แต่เนิ่น ๆ เมื่อเห็นได้ชัดว่า การกลับมาเป็นภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียซ้ำ ลดลงครึ่งหนึ่งจากการให้ยาปฏิชีวนะกับทั้งชายและหญิง
ศาสตราจารย์แคทริโอนา แบรดชอว์ หนึ่งในหัวหน้าคณะวิจัยชุดนี้กล่าวว่า “การทดลองของเราได้แสดงให้เห็นว่า การติดเชื้อซ้ำจากคู่รักกำลังเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงจำนวนมากมีภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียซ้ำอีก และเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่า แท้จริงแล้วโรคนี้ก็เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
“ส่วนหนึ่งของความยากในการระบุว่า ภาวะดังกล่าวเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ เนื่องมาจากเราไม่ทราบแน่ชัดว่าแบคทีเรียชนิดใดเป็นสาเหตุ แต่ความก้าวหน้าในการจัดลำดับจีโนมช่วยให้เราเข้าใกล้การไขปริศนาข้อนี้มากขึ้น” เธออธิบาย
งานศึกษานี้ซึ่งดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยโมนาชและนักวิจัยจากโรงพยาบาลอัลเฟรด เฮลธ์ ที่ศูนย์สุขภาพทางเพศนครเมลเบิร์น ได้ให้ผู้ชายครึ่งหนึ่งได้รับยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานและยาปฏิชีวนะสำหรับใช้ภายนอกเพื่อทาบนผิวหนังเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่กลุ่มควบคุมไม่ได้รับการรักษาใด ๆ
จากผลการศึกษาที่พบ คลินิกจึงได้เปลี่ยนแนวทางการรักษาโดยให้บริการรักษาคู่รักทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นประจำ
ขณะที่สมาคมเพื่อสุขภาพทางเพศและผู้ติดเชื้อเอชไอวีของอังกฤษ (British Association for Sexual Health and HIV) ระบุว่า การค้นพบดังกล่าวได้ให้ “หลักฐานที่มีคุณค่าเพื่อสนับสนุนสิ่งที่เป็นข้อสงสัยสัยมาอย่างยาวนานว่า ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียอาจจะติดต่อกันได้ทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ติดเชื้อซ้ำ”
“การศึกษานี้ได้ขยายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย และยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่อาจช่วยเสนอแนะวิธีในการรักษาสำหรับกรณีการติดเชื้อที่เกิดขึ้นซ้ำอย่างต่อเนื่องได้” โฆษกของสมาคมดังกล่าวระบุ
หากว่าคุณพบว่ามีอาการของเพศสัมพันธ์ หรือมีข้อกังวลเกี่ยวกับภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย คุณสามารถปรึกษาแพทย์หรือคลินิกด้านสุขภาพทางเพศในพื้นที่ที่คุณอาศัยได้
ที่มา BBC.co.uk