เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา ‘วันชัย ชนาลังการ’ อดีตผอ.สนง.คุมประพฤติจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเงินงบประมาณที่ได้รับจากสำนักงาน ป.ป.ส. ทำค่ายบำบัดยาเสพติดไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ -เอาเงินบริจาคไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษจากจำคุก 5 ปี ลดเหลือ 3 ปี 4 เดือน ได้รอลงอาญา-ปรับเงินอีก 24,000 บาท – สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเห็นชอบตาม อสส.ไม่ฏีกาสู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายวันชัย ชนาลังการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับพวก คือ นางสาวภัชรินทร์ รอดพาล นำเงินงบประมาณที่ได้รับจากสำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อจัดทำค่ายบำบัดยาเสพติดระบบบังคับรักษาไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์และนำเงินที่ได้รับบริจาคไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 , 157 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1
จากเดิม
มีคำพิพากษาว่า นายวันชัย ชนาลังการ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 147 , 151 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลาย บทแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมี หน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็น ของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดย ทุจริตฯ ตามมาตรา 90 เพียงบทเดียว
จำคุก 5 ปี ให้คืนหรือชดใช้เงิน 121,170 บาท แก่สำนักงานป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด ผู้เสียหายด้วย
ส่วน นางสาวภัชรินทร์ รอดพาล จำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
แก้เป็น
ให้ลงโทษปรับนายวันชัย ชนาลังการ จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 36,000 บาท รวมเป็นจำคุก 5 ปี และปรับ 36,000 บาท
ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน และปรับ 24,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ฟังตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56
หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เบื้องต้น คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 24 กุมพาพันธ์ 2568 เห็นชอบตามความเห็นของอัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะไม่ฏีกาคำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )