
ปปง.อายัดทรัพย์ครั้ง 3 คดี เจ้าหน้าที่เขตราชเทวี เรียก 3.2 ล. ‘พันธ์เลิศ ใบหยก’ผู้เสียหาย เงินฝาก กรมธรรม์ 12 รายการ 6.5 ล. ก่อนหน้าโดนยึดเงินสด 6 ล. พระเครื่องพระบูชา 10,887 องค์ กว่า 14.6 ล. ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตพิพากษาจำคุก 8 ปี
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า สำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) ได้มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.173/2567 วันที่ 22 ก.ค. 2568 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม)ราย นายประมวล แสงแก้วศรี พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ สังกัดสํานักงานเขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร กับ พวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณีเรียกเงินจากนายพันธ์เลิศ ใบหยก กรรมการผู้มีอํานาจของ บริษัทภูมิภวัน จํากัด และกับการไม่ต้องชำระโรงเรือนและที่ดินประมาณ 40 ล้านบาท ทรัพย์สินที่ ปปง.อายัด ประกอบด้วยเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 10 บัญชี และสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันชีวิต 2 รายการ รวมทั้งสิ้น 12 รายการ มูลค่า 6,535,662.85 บาท มีชื่อ น.ส.ปราณี เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง
@ก่อนหน้า เงินสด 6 ล. – วัตถุมงคล 10,887 รายการ
การอายัดทรัพย์นายประมวลในคดีนี้เป็นครั้งที่ 3 ก่อนหน้านี้ วันที่ 7 ธ.ค.2566 ปปง.มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.241/2566 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายประมวล แสงแก้วศรี กับพวก ยึดเงินสด จำนวน 6 ล้านบาท เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครอง นางสาวปราณี ต่อมา ปปง.มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.173/2567 วันที่ 18 กันยายน 2567 ยึดทรัพย์สินได้แก่ วัตถุมงคล กรอบพระ พระเครื่อง พระบูชา จำนวน 10,887 รายการ มูลค่า 14,666,420 บาท (ยังไม่ประเมินราคาอีก 1,033 รายการ)
@ โดนแจ้งจับ คดี เรียกเงิน ‘พันธ์เลิศ ใบหยก’ นักธุรกิจดัง แลกไม่ชำระภาษีโรงเรือน
ความเป็นมาในคดีนี้สํานักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามหนังสือที่ ตช 0026.(10)/1544 ลงวันที่ 4 เมษายน 2566 เรื่อง รายงานการดําเนินคดีความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ รายนายประมวล แสงแก้วศรี กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 นายพันธ์เลิศ ใบหยก กรรมการผู้มีอํานาจของ บริษัทภูมิภวัน จํากัด ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงาน สอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ดําเนินคดีกับนายประมวล แสงแก้วศรี ตําแหน่งพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ สังกัดสํานักงานเขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ เนื่องจากบริษัท ภูมิภวัน จํากัด ได้รับหนังสือจากสํานักงานเขตราชเทวี แจ้งให้บริษัทภูมิภวัน จํากัด ชําระภาษี โรงเรือนและที่ดินจํานวนประมาณกว่า 40 ล้านบาท บริษัทภูมิภวัน จํากัด จึงได้มอบหมายให้พนักงาน ของบริษัทภูมิภวัน จํากัด เข้าไปติดต่อที่สํานักงานเขตราชเทวีและได้พบกับ นายประมวล แสงแก้วศรี ตําแหน่ง – พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ โดยนายประมวล แสงแก้วศรี ได้แจ้งว่า หากนำเงินมาให้ตน จำนวน 3,200,000 บาท สามารถจัดการเรื่องดังกล่าวได้ทําให้บริษัทภูมิภวัน จํากัด ไม่ต้องชําระภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำนวน 40 ล้านบาท และนัดรับเงินในวันที่ 4 เมษายน 2566 ที่โรงแรมแบงค็อกมิดทาวน์
ต่อมาในวันที่ 4 เมษายน 2566 เจ้าพนักงานตํารวจ เจ้าหน้าที่ของสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และเจ้าหน้าที่ของสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ร่วมกันวางกําลังที่โรงแรมแบงค็อกมิดทาวน์ ปรากฏว่าพบนายประมวล แสงแก้วศรี เดินทางมาที่โรงแรมตามกําหนดเวลาเพื่อมารับเงินจํานวน 3,200,000 บาท และขณะที่นายประมวล แสงแก้วศรี เดินไปที่ลานจอดรถด้านหน้าของโรงแรมพร้อมกับถือถุงกระดาษสีขาว จํานวน 1 ใบ เจ้าพนักงานตำรวจได้แสดงตัวขอตรวจสอบและตรวจค้นพบเงินสด จํานวน 3,200,000 บาท และจากการตรวจสอบ หมายเลขธนบัตรกับหมายเลขธนบัตรในสําเนาบันทึกประจําวันมีหมายเลขธนบัตรตรงกัน จึงทําการตรวจยึดไว้ เป็นหลักฐานและเป็นของกลางในการดําเนินคดีต่อไป พนักงานสอบสวน กองกํากับการ 1 กองบังคับการ ป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงแจ้งข้อกล่าวหากับนายประมวล แสงแก้วศรี ว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในต่ำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
@ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 8 ปี
ต่อมาวันที่ 29 ต.ค.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 97/2567 คดีหมายเลขแดงที่ 182/2567 พิพากษามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 173 ลงโทษจำคุก 8 ปี (ดูเอกสารคำสั่งท้ายข่าว)
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )