เปิดประวัติ 16 นักข่าว จากเกือบ 200 คน ที่ถูกสังหารในสงครามอิสราเอล-ฮามาส

ที่มาของภาพ : Bashar Taleb/AFP through Getty Pictures

การโจมตีของอิสราเอลได้สังหารนักข่าวอัลจาซีรา 5 คน ใกล้โรงพยาบาลอัล-ชีฟา ในเมืองกาซาซิตี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา

Article Recordsdata

    • Creator, ไลลา บาชาร์ อัล-คลูบ
    • Role, บีบีซีแผนกภาษาอาหรับ

ปัจจุบันมีผู้สื่อข่าวหลากหลายสัญชาติ ประมาณ 192 คน ต้องสังเวยชีวิตไปในสงครามต่อต้านกลุ่มฮามาสของอิสราเอล ซึ่งทำการสู้รบในเขตฉนวนกาซา มาตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2023

ข้อมูลสถิติข้างต้น มาจากรายงานของคณะกรรมการพิทักษ์คุ้มครองสื่อมวลชน (CPJ) ซึ่งได้ประมาณการไว้ด้วยว่า นักข่าวที่เสียชีวิตไปในสงครามครั้งนี้ มีนักข่าวชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกองทัพอิสราเอลสังหาร รวมอยู่ด้วยอย่างน้อย 178 คน

ล่าสุดทีมสื่อมวลชนจากสำนักข่าวอัลจาซีราทั้งหมด 5 คน รวมถึงอานัส อัล-ชารีฟ ผู้สื่อข่าวคนสำคัญของทางสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ได้ตกเป็นเหยื่อการโจมตีแบบมุ่งเป้าโดยเจตนาของกองทัพอิสราเอล ขณะที่พวกเขาอยู่ใกล้โรงพยาบาลอัล-ชีฟา ในเมืองกาซาซิตี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา

สำนักข่าวอัลจาซีราแถลงว่า ในตอนที่ถูกโจมตีทางอากาศ ชารีฟและโมฮัมเหม็ด เกรย์เกห์ เพื่อนผู้สื่อข่าวอีกคนหนึ่ง พร้อมทั้งทีมช่างภาพข่าว ซึ่งประกอบด้วยอิบราฮิม ซาเฮอร์, โมฮัมเหม็ด นูฟาล, และโมอาเมน อาลีวา กำลังอยู่ในเต็นท์ที่พักของผู้สื่อข่าว ตรงหน้าประตูทางเข้าหลักของโรงพยาบาล

ต่อไปนี้เป็นรายชื่อและประวัติของผู้สื่อข่าวที่ถูกสังหารบางราย ซึ่งบีบีซีรวบรวมมาเพื่อไว้อาลัย เนื่องในโอกาสที่สงครามอิสราเอล-ฮามาส ในเขตฉนวนกาซา ดำเนินมาจนใกล้จะครบ 2 ปี ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุด

of ได้รับความนิยมสูงสุด

อานัส อัล-ชารีฟ (ถูกสังหารเมื่อ 10 ส.ค. 2025)

ที่มาของภาพ : Reuters

อานัส อัล-ชารีฟ วัย 28 ปี นักข่าวของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกสังหารเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา

อานัส อัล-ชารีฟ วัย 28 ปี ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ถูกกองกำลังอิสราเอลโจมตีสังหารพร้อมกับเพื่อนร่วมงานจากสำนักข่าวแห่งเดียวกันอีก 4 คน ที่หน้าโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ของเมืองกาซาซิตี นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนรายอื่นเสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกันอีก 2 คนด้วย

ชารีฟมักจะปรากฏตัวในการรายงานสดจากภาคสนามบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรายงานจากบริเวณใกล้กับสถานที่ซึ่งมีการยิvต่อสู้ หรือถูกทิ้งsะเบิดโจมตี

สำนักข่าวอัลจาซีราบอกว่า ชารีฟทำงานเป็นผู้สื่อข่าวกับพวกเขามาราว 2 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนเมืองจาบาเลีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา และเป็นเขตที่มีประชากรหนาแน่น

ชารีฟสมรสแล้วและมีบุตรสองคน ได้แก่ “ชาม” ลูกสาวสาววัย 4 ขวบ และ “ซาลาห์” ลูกชายวัย 1 ขวบ ชารีฟไม่ได้พบหน้าครอบครัวมานานนับปีแล้ว เนื่องจากเขาปฏิเสธคำสั่งอพยพของกองทัพอิสราเอล และยืนกรานจะปักหลักรายงานข่าวสงครามอิสราเอล-ฮามาส อยู่ที่เขตตอนเหนือของฉนวนกาซาต่อไป

เมื่อเดือนธ.ค. ปี 2023 เขาต้องสูญเสียบิดาคือนายจามาล อัล-ชารีฟ ในการโจมตีทางอากาศที่มุ่งเป้าทำลายบ้านของครอบครัวเขาโดยเฉพาะ

หลังมีรายงานข่าวว่าชารีฟน่าจะถูกกองกำลังอิสราเอลสังหารไปแล้ว ได้ปรากฏข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ “เอ็กซ์” (X) ในบัญชีของเขา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นข้อความลาเสียชีวิตที่เขาเขียนเอาไว้ล่วงหน้า และถูกเผยแพร่โดยเพื่อนคนหนึ่งของเขาว่า

“หากพวกคุณได้เห็นข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าอิสราเอลได้ลงมือฆ่-าปิดปากผมสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาผมต้องใช้ชีวิตอยู่ในความเจ็บปวดทุกชั่วขณะ ต้องรับรู้รสชาติของความเจ็บปวดและการสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ถึงกระนั้น ผมไม่เคยลังเลที่จะถ่ายทอดความจริงให้โลกรู้ตามที่มันเป็นอยู่ โดยปราศจากการปลอมแปลงหรือบิดเบือน”

กองกำลังป้องกันอิสราเอลหรือไอดีเอฟ (IDF) แถลงยืนยันว่าได้มุ่งเป้าสังหารชารีฟจริง โดยกล่าวหาว่าเขา “ทำงานรับใช้ฮามาส ในฐานะหัวหน้าหน่วยของแหล่งซ่องสุมก่อการร้ายแห่งหนึ่ง” อย่างไรก็ตาม ทางไอดีเอฟแสดงหลักฐานที่พิสูจน์ยืนยันข้อกล่าวหาข้างต้นน้อยมาก

ก่อนหน้านี้ชารีฟเคยปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นมาแล้ว โดยต้นสังกัดคือสำนักข่าวอัลจาซีรา และบรรดาองค์กรพิทักษ์สิทธิสื่อหลายแห่ง ต่างก็ออกมาช่วยกันปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

บีบีซีสืบทราบมาว่า ชารีฟเคยทำงานกับทีมสื่อของฮามาสในเขตฉนวนกาซา ก่อนจะเกิดสงครามในครั้งนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามในบรรดาข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ที่เขาได้ลงเผยแพร่ไว้ก่อนเสียชีวิต มีหลายโพสต์ที่เขาได้วิพากษ์วิจารณ์ในเชิงตำหนิกลุ่มฮามาสด้วย

โมฮัมเหม็ด เกรย์เกห์ (10 ส.ค. 2025)

ที่มาของภาพ : AFP through Getty Pictures

แม่และน้องชายของโมฮัมเหม็ด เกรย์เกห์ ถูกสังหารในสงครามฉนวนกาซาด้วยเช่นกัน

เกรย์เกห์คือเพื่อนนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ซึ่งถูกสังหารไปพร้อมกับอานัส อัล-ชารีฟ เขาเกิดที่ย่านชูไจย์ยาในเขตฉนวนกาซาเมื่อปี 1992 หลังจากนั้นได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน จากมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งกาซา เมื่อปี 2015

เกรย์เกห์สมรสแล้วและมีบุตรหนึ่งคน ซึ่งก็คือเด็กหญิง “เซนา” วัย 5 ขวบ อย่างไรก็ตามครอบครัวของเขาประสบกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนเม.ย. ปี 2024 เขาพบร่างไร้วิญญาณของแม่ในโรงพยาบาลอัล-ชีฟา หลังจากที่กองกำลังอิสราเอลบุกโจมตีสถานที่ดังกล่าว

เมื่อเดือนมี.ค. ของปีนี้ พี่ชายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เนื่องจากกองกำลังอิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่ย่านชูไจย์ยาที่เป็นบ้านเดิมของเขา

ฟาติมา ฮัสซูนา (16 เม.ย. 2025)

ช่างภาพข่าวหญิง ฟาติมา ฮัสซูนา เสียชีวิตหลังมีการประกาศว่า สารคดีเกี่ยวกับชีวิตประจำวันและการต่อสู้เพื่อชาวปาเลสไตน์ของเธอ ได้รับคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2025 โดยเธอถูกกองกำลังอิสราเอลโจมตีสังหาร หลังมีการประกาศข่าวที่น่ายินดีดังกล่าวเพียง 24 ชั่วโมง

ฮัสซูนาถูกสังหารพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวอีกหลายคน หลังกองกำลังอิสราเอลโจมตีบ้านของเธอในเมืองกาซาซิตี โดยชี้แจงว่าเป็นการโจมตีแบบมุ่งเป้า เพื่อสังหารสมาชิกกลุ่มฮามาสผู้หนึ่ง ที่มีส่วนพัวพันกับการโจมตีทำร้ายทหารและพลเรือนของอิสราเอล

จูเลียต บีโนช นักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 2025 ได้กล่าวไว้อาลัยแก่ฮัสซูนาว่า “เธอควรจะได้อยู่ที่นี่กับเราในค่ำคืนนี้ แต่ศิลปะจะยืนยงอยู่ต่อไป และเป็นประจักษ์พยานอันทรงพลังแก่ชีวิตและความฝันของเรา”

อาเหม็ด มานซูร์ (7 เม.ย. 2025)

อาเหม็ด มานซูร์ เป็นผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ปาเลสไตน์ทูเดย์ ซึ่งเป็นสื่อและสำนักข่าวท้องถิ่นของฉนวนกาซา เขาถูกสังหารขณะอยู่ในเต็นท์ที่พักของสื่อมวลชน ด้วยการโจมตีทางอากาศแบบมุ่งเป้าของฝ่ายกองกำลังอิสราเอล

การโจมตีครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งรวมถึงเฮลมี อัล-ฟากาวี ผู้สื่อข่าวอีกคนหนึ่ง และนายยูเซฟ อัล-คาซินดา ชาวปาเลสไตน์อีกผู้หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีผู้สื่อข่าวได้รับบาดเจ็บอีก 9 รายด้วย

สมาคมผู้สื่อข่าวปาเลสไตน์ (PJS) ได้แถลงประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “การสังหารหมู่ที่เลวร้ายและน่ารังเกียจ” ส่วนกองกำลังไอดีเอฟของอิสราเอลชี้แจงว่า การโจมตีดังกล่าวมีขึ้นเพื่อมุ่งเป้าสังหารนายฮัสซัน อัสลีห์ ช่างภาพข่าวอิสระ เพราะก่อนหน้านี้นายอัสลีห์เป็น “ผู้ก่อการร้ายที่อยู่กับกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023” และ “มีส่วนร่วมในการสังหารหมู่นองเลืoด”

นายอัสลีห์ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็รอดชีวิตมาได้จากการโจมตีเต็นท์ผู้สื่อข่าวในวันที่ 7 เม.ย. ของปีนี้ ส่วนนายอิสมาอิล อัล-ทาวับตา ผู้อำนวยการสำนักสื่อทางการของกลุ่มฮามาส บอกว่าข้อกล่าวหาของฝ่ายอิสราเอล ที่เชื่อว่าอัสลีห์เป็นสมาชิกกลุ่มฮามาสนั้น “ไม่เป็นความจริง” และยืนยันว่าอัสลีห์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองกับกลุ่มฮามาสอย่างแน่นอน

ไฟซาล อาบู อัล-คัมซาน, อัยมาน อัล-จาดี, อิบราฮิม อัล-เชกคาลิล, ฟาดี ฮัสซูนา, มูฮัมหมัด อัล-ลาดาห์ (26 ธ.ค. 2024)

ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 คนนี้ ล้วนมาจากสถานีโทรทัศน์อัล-คัดส์ อัล-ยูม ของปาเลสไตน์ ทั้งหมดถูกสังหารในคราวเดียว หลังกองกำลังอิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่รถถ่ายทอดสดนอกสถานที่ ซึ่งจอดอยู่ตรงค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัต บริเวณใจกลางของฉนวนกาซา

พยานผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลยิvขีปนาวุธใส่รถถ่ายทอดสดดังกล่าวโดยตรง ทั้งที่รถคันนี้จอดอยู่หน้าโรงพยาบาลอัล-อาวดา ทำให้ทีมข่าวที่ทำการรายงานสดเสียชีวิตทั้งหมด และรถถ่ายทอดสดนอกสถานที่ได้รับความเสียหาย

สื่อปาเลสไตน์และผู้สื่อข่าวท้องถิ่นต่างบอกว่า รถคันดังกล่าวมีตราสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่าเป็นรถของสื่อมวลชนอย่างชัดเจน ส่วนผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์อัล-คัดส์ อัล-ยูม ก็ได้ใช้รถคันนี้รายงานเหตุการณ์ความคืบหน้าต่าง ๆ จากภายในโรงพยาบาลอัล-อาวดา และค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตเป็นประจำ

กองกำลังอิสราเอลแถลงยอมรับว่า ได้โจมตีทางอากาศแบบมุ่งเป้าใส่รถคันดังกล่าวจริง โดยอ้างว่า “มีสมาชิกของขบวนการจีฮัดอิสลามอยู่ในนั้น”

อิบราฮิม มูฮาเรบ (18 ส.ค. 2024)

ข้อมูลจากคณะกรรมการพิทักษ์คุ้มครองสื่อมวลชน (CPJ) ระบุว่าอิบราฮิม มูฮาเรบ วัย 26 ปี เป็นผู้สื่อข่าวอิสระที่ทำงานให้สำนักข่าวหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น “อัล-ฮาดัต” ด้วย

มีรายงานว่าเขาถูกกองกำลังอิสราเอลยิvจนได้รับบาดเจ็บ ที่ทางตอนเหนือของเมืองข่านยูนิส หลังจากนั้นไม่มีใครติดต่อเขาได้อีกเลย แต่ในที่สุดก็มีผู้พบศwของเขาในวันรุ่งขึ้น

กองกำลังไอดีเอฟของอิสราเอล มีจดหมายลงวันที่ 28 ส.ค. 2024 ชี้แจงต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุ้มครองสื่อมวลชนว่า “ไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น”

ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) กล่าวประณามการสังหารนายมูฮาเรบ และเรียกร้องให้มี “การสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบและโปร่งใส” เกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของเขา

“ฉันขอเน้นย้ำข้อเรียกร้องของตนเอง ให้มีการปฏิบัติตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เลขที่ 2222/2015 ว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองผู้สื่อข่าว, ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน, และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระหว่างการทำข่าวสงครามในฐานะพลเรือน” ผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโกกล่าว

อิสมาอิล อัล-โกล และ รามี อัล-รีฟี (31 ก.ค. 2024)

คลิปวิดีโอที่ถูกส่งต่อทางสื่อสังคมออนไลน์ในวงกว้าง เผยให้เห็นศwของอิสมาอิล อัล-โกล ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ที่ถูกตัดศีรษะภายในรถยนต์ของเขา หลังถูกโจมตีแบบมุ่งเป้าระหว่างอยู่บนท้องถนนในเมืองกาซาซิตี ส่วนรามี อัล-รีฟี ช่างภาพของเขา รวมทั้งเด็กชายคาเล็ด อัล-ชาวา ซึ่งกำลังขี่จักรยานอยู่ใกล้ ๆ ก็เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ด้วย

กองทัพอิสราเอลแถลงว่า แท้จริงแล้วอิสมาอิล อัล-โกล คือ “ผู้ปฏิบัติการฝ่ายทหารของฮามาสและผู้ก่อการร้ายนุกห์บา” ถ้อยแถลงนี้สื่อความหมายว่า เขาเป็นสมาชิกของหน่วยโจมตีชั้นนำของกลุ่มฮามาสนั่นเอง ทว่ากองทัพอิสราเอลไม่ได้ชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของรามี อัล-รีฟี แต่อย่างใด

สำนักข่าวอัลจาซีราแถลงตอบโต้ข้อกล่าวหาที่มีต่ออัล-โกลว่า “ไร้มูลความจริง” ทั้งยังบอกว่าเหตุการณ์นี้ “ยิ่งแสดงให้เห็นถึงการกระทำที่มีมายาวนาน ในการกุเรื่องและสร้างหลักฐานเท็จของอิสราเอล เพื่อปกปิดอาชญากรรมอันน่ารังเกียจของตนเอง”

ฮัมซา อัล-ดาห์ดูห์ (7 ม.ค. 2024)

ที่มาของภาพ : @hamzadah1996 on X

ฮัมซา อัล-ดาห์ดูห์ (ขวา) กับนายวาเอล อัล-ดาห์ดูห์ พ่อของเขา

เขาคือนักข่าวและช่างภาพของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ซึ่งถูกโจมตีแบบมุ่งเป้าสังหารด้วยโดรนของอิสราเอล ระหว่างร่วมเดินทางกับนักข่าวคนอื่น ๆ จากเมืองข่านยูนิสไปยังเมืองราฟาห์ การโจมตีครั้งนี้ทำให้มุสตาฟา ทูรายา ผู้สื่อข่าวอิสระอีกคนหนึ่งต้องพลอยเสียชีวิตไปด้วย

กองทัพอิสราเอลกล่าวอ้างในภายหลังว่า นักข่าวกลุ่มนี้คือ “สมาชิกขององค์กรก่อการร้าย ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในฉนวนกาซา”

ฮัมซา อัล-ดาห์ดูห์ เป็นบุตรชายคนโตของวาเอล อัล-ดาห์ดูห์ หัวหน้าประจำสำนักงานฉนวนกาซาของสำนักข่าวอัลจาซีรา โดยเมื่อช่วงปลายเดือนต.ค. ปี 2024 วาเอลได้รับข่าวร้ายขณะกำลังออกอากาศรายงานสดว่า ภรรยา บุตรสาว บุตรชาย และหลานชาย ต่างเสียชีวิตในการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลทั้งหมด

ต่อมาในเดือนธ.ค. ของปีเดียวกัน วาเอลยังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีที่คร่าชีวิต ซาเมอร์ อาบู ดักกา สมาชิกทีมข่าวอัลจาซีราอีกผู้หนึ่งด้วย

ซาเมอร์ อาบู ดักกา (15 ธ.ค. 2023)

ที่มาของภาพ : Al Jazeera

สำนักข่าวอัลจาซีราแถลงว่า ซาเมอร์ อาบู ดักกา ช่างภาพของพวกเขา ต้องจากไปเพราะเสียเลืoดมาก หลังทีมแพทย์ฉุกเฉินไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ เนื่องจากมีการระดมโจมตีจุดที่เขาอยู่อย่างหนัก

เขาคือช่างภาพของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ซึ่งเสียชีวิตหลังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยโดรนของอิสราเอล ในตอนนั้นอาบู ดักกา กำลังทำข่าวความคืบหน้า หลังเกิดเหตุที่อิสราเอลทิ้งsะเบิดใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา

สำนักข่าวอัลจาซีราแถลงว่า อาบู ดักกา ต้องจากไปเพราะเสียเลืoดมาก หลังทีมแพทย์ฉุกเฉินไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ เนื่องจากมีการระดมโจมตีจุดที่เขาอยู่อย่างหนัก

ต่อมากองกำลังไอดีเอฟของอิสราเอล ชี้แจงต่อสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า มีการส่งรถพยาบาลฉุกเฉินไปช่วยเหลืออาบู ดักกาแล้ว แต่รถพยาบาล “พบว่าถนนได้รับความเสียหาย” จนไม่อาจไปถึงที่เกิดเหตุได้ทันเวลา

แม่ของอาบู ดักกา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังมรณกรรมของเขาว่า “เขาเพิ่งมาบอกลาฉันเมื่อวาน เขาต้องเสียชีวิตทั้งที่ท้องยังหิวอยู่”

ส่วน “เซน” ลูกชายของอาบู ดักกา เขียนไว้อาลัยถึงพ่อว่า “ขอพระเจ้าทรงเมตตาท่านนะพ่อ พ่อใจดีกับทุกคน และปฏิบัติต่อลูก ๆ เหมือนเป็นเพื่อนกัน ทุกคนรักพ่อ การที่ต้องสูญเสียพ่อไปทำให้เราใจสลาย”

รอย ไอดาน (7 ต.ค. 2023)

ที่มาของภาพ : October 7 Memorial

รอย ไอดาน ถูกสังหารพร้อมกับภรรยาและลูกสาว ในเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023

ในตอนแรกมีรายงานว่า ช่างภาพของหนังสือพิมพ์และสำนักข่าวอิสราเอล “อีเน็ต” (Ynet) ผู้นี้ ได้หายตัวไปหลังกลุ่มฮามาสบุกโจมตีนิคมเกษตรกรรมหรือคิบบุตซ์ (kibbutz) ที่มีชื่อว่า “คฟาร์ อาซา” เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 อย่างไรก็ตาม ต่อมามีผู้พบศwของเขา ในวันที่ 20 ต.ค. ของปีเดียวกัน

ลูกสาวคนหนึ่งของรอย ไอดาน ชื่อว่า “อาวีเกล” ถูกฮามาสจับไปเป็นตัวประกัน แต่ภายหลังได้รับการปล่อยตัวในเดือนพ.ย. 2023 คณะกรรมการพิทักษ์คุ้มครองสื่อมวลชนยืนยันว่า ไอดานยังคงปฏิบัติหน้าที่ช่างภาพข่าวอยู่ ในวันที่ครอบครัวของเขาถูกกองกำลังฮามาสบุกทำร้าย

ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การยูเนสโก กล่าวประณามเหตุสังหารไอดานว่า “การทำงานของช่างภาพข่าว ถือเป็นหลักสำคัญในการช่วยเหลือสังคม เพราะการบันทึกภาพสถานการณ์วิกฤตและสงคราม คือกุญแจสำคัญในการเอาผิดผู้ใช้ความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชน ฉันขอเรียกร้องให้ทางการของทุกฝ่าย ดำเนินการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้”

ยานีฟ โซฮาร์ (7 ต.ค. 2023)

เขาคือช่างภาพของหนังสือพิมพ์ภาษาฮีบรู “ฮายอม” (Hayom) ซึ่งถูกสังหารในเหตุการณ์รุนแรงวันที่ 7 ต.ค. พร้อมกับภรรยาและบุตรสาวสองคน หลังกองกำลังฮามาสบุกโจมตีนิคมเกษตรกรรม “นาฮาล ออซ” ทางตอนใต้ของอิสราเอล

โอเมอร์ ลัคมาโนวิตช์ บรรณาธิการใหญ่ของหนังสือพิมพ์ฮายอม บอกกับคณะกรรมการพิทักษ์คุ้มครองสื่อมวลชนว่า โซฮาร์กำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปทำข่าวการโจมตีดังกล่าว แต่ถูกกองกำลังฮามาสสังหารเสียก่อน

ในอดีตโซฮาร์เคยทำงานให้สำนักข่าวเอพีประจำอิสราเอล เป็นเวลานานถึง 15 ปี ระหว่างช่วงปี 2005-2020 ก่อนจะย้ายมาทำงานที่หนังสือพิมพ์ฮายอม โดยระหว่างที่ทำงานกับเอพีนั้น เขาเคยร่วมบันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญหลายครั้ง อย่างเช่นการถอนกองกำลังอิสราเอลออกจากฉนวนกาซาในปี 2005 และการลักพาตัวทหารอิสราเอล กิลาด ชาลิต โดยกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ในปีต่อมา

นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีตอบโต้กลุ่มฮามาส หลังจากที่ทางตอนใต้ของประเทศถูกกลุ่มติดอาวุธของปาเลสไตน์กลุ่มนี้บุกสายฟ้าแลบ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 เป็นต้นมา มีชาวยิวเสียชีวิตแล้ว 1,200 คน และถูกจับเป็นตัวประกันอีก 251 คน ด้านกระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซาที่กลุ่มฮามาสเป็นผู้บริหารงาน บอกว่ามีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปกว่า 61,000 คน นับตั้งแต่ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลเริ่มขึ้น