แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/9mk5 | ดู : 10 ครั้ง
เด็กผู้หญิงในพื้นที่ชายแดนใต้ถูกกดขี่เสมอไปจริงหรือ-?-เหตุใด

เด็กผู้หญิงในพื้นที่ชายแดนใต้ถูกกดขี่เสมอไปจริงหรือ ?

เหตุใดคนอายุน้อยกว่า 18 ปีจึงแต่งงาน ?

การแต่งงานของคนอายุน้อยกว่า 18 ปี เป็นเรื่อง ‘ล้าหลัง’ ทุกกรณีจริงหรือ ?

‘คนรุ่นก่อน’ และ ‘คนรุ่นใหม่’ มอง ‘การแต่งงาน’ แตกต่างกันอย่างไร ?

เมื่อวัยรุ่นยุคโซเชียลรักชอบกันไว พ่อแม่-ผู้นำศาสนาในชุมชนมีการปรับตัวอย่างไร ?

ทำไมการ ‘ห้ามเด็กแต่งงาน’ จึงอาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุด ?

ชวนทำความเข้าใจประเด็นละเอียดอ่อน-แหลมคม ‘การแต่งงานของเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปีในพื้นที่ชายแดนใต้’ ในมิติซึ่ง ‘คนนอก’ อาจไม่เคยรับรู้ โดยประชาไทพูดคุยกับ เรืองริน ประทิพพรกุล นักวิจัยอิสระ ผู้ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่อง “จากการคุ้มครองสู่การมีส่วนร่วม: การทบทวนบทบาทและเสียงของเด็กในนโยบายเกี่ยวกับการแต่งงานของเด็กในระดับสากลจากชายแดนใต้ของประเทศไทย” (From Protection to Participation: Rethinking Child Agency in Worldwide Child Marriage Insurance policies from Southern Thailand) ที่ Osaka College of Worldwide Public Coverage มหาวิทยาลัยโอซากา ประเทศญี่ปุ่น

งานศึกษาชิ้นนี้รื้อถอนมายาคติที่ว่า ‘ชายแดนใต้เป็นพื้นที่พิเศษ มีกฎหมายอิสลามที่ลิดรอนสิทธิเด็กและสตรี’ โดยมุ่งเน้นทำความเข้าใจคำว่า ‘สิทธิ’ ในมุมมองของบริบทท้องถิ่นคืออะไร ? จำเป็นไหมที่คำว่า ‘สิทธิ’ จะต้องเป็นรูปแบบเดียวกัน ? การปกป้องสิทธิเด็กด้วยนโยบาย youngster marriage โดยไม่คำนึงถึงบริบทของท้องถิ่น อาจกลายไปการจำกัดสิทธิของเด็กหรือไม่ เนื่องจากปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเด็กอายุเท่าไร แต่อยู่ที่ว่าความสัมพันธ์นั้น เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากการเอารัดเอาเปรียบเด็ก หรือเป็นแค่วัยรุ่นรักชอบกัน

สำหรับคำว่า ‘Child Agency' ไม่มีคำแปลตรงตัวในภาษาไทย แต่ในบริบทของวิทยานิพนธ์ชิ้นนี้ จะแปลว่า the flexibility to make a determination, the preference she (เด็กผู้หญิง) made, หรือ ความสามารถในการเป็นผู้กำหนด/มีอำนาจตัดสินใจ/มีบทบาทเป็นเจ้าของการกระทำของตนเอง โดยเรืองรินซึ่งเป็นผู้เขียนต้องการให้ทบทวนว่า การปกป้องเด็กมากเกินไป บอกว่าเด็กไม่มีอำนาจ ยังตัดสินใจอะไรที่ถูกไม่ได้ ผู้ใหญ่จึงต้องปกป้อง ในแง่ของเรื่องแต่งงาน เพราะว่าในนโยบายการต่อต้านการแต่งงานเด็กมักกล่าวไว้ว่าเช่นนั้นว่า kids attain no longer possess agency โดยที่ไม่ได้ฟังเสียงของเด็กเพื่อเข้าใจความจริงให้มากพอ

งานวิจัยชิ้นนี้เกิดจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ธันวาคมปี 2565 ในพื้นที่ จ.ยะลา และ จ. สตูลเป็นหลัก

ภาพขณะลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นวัยรุ่น 15-24 ปี เรื่องความคิดเห็นต่อการกำหนดอายุขั้นต่ำในการนิกะห์ หน้ามัสยิดแห่งหนึ่งใน จ.ยะลา

ถ่ายเมื่อปี 2565 โดย เรืองริน ประทิพพรกุล

อะไรทำให้มาสนใจทำธีสิสเรื่องนี้

เราเป็นคนนอกพื้นที่คนหนึ่งที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น พอถึงปริญญาโท ด้วยคณะที่เรียน ทำให้เริ่มสนใจเรื่องประเด็นเกี่ยวกับเด็ก ตอนนั้นเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นใหญ่คือ เด็กอายุ 11 ขวบไปแต่งงานกับคนอายุ 40 กว่า เราหาข้อมูลตามข่าว เจอกลุ่มคนออกมาเรียกร้องให้แก้ปัญหา แต่ไม่เจอว่ามีงานวิจัยเลย จึงไปบอกอาจารย์ที่ปรึกษาว่าอยากทำเรื่องนี้ อาจารย์ว่าถ้าหาคนพาเข้าพื้นที่ได้ก็ไปสิ ตัวอาจารย์เองก็ทำวิจัยเรื่องสันติภาพ เรื่องการเมือง แล้วก็อาจารย์ที่ญี่ปุ่นเขาก็ไปภาคใต้กันหลายคนแล้ว เราก็น่าจะไปได้

ตอนทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ปี 2562 เราไปเก็บข้อมูลในพื้นที่แค่ช่วงสั้นๆ 3-4 อาทิตย์ นั่นคือครั้งแรกที่ไปจังหวัดชายแดนใต้ ไปนราธิวาสก่อน เก็บข้อมูลคนที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ สมัยก่อน (คนรุ่นแม่) กับสมัยนี้ (คนรุ่นเรา) มีทั้งการพูดคุยตัวต่อตัวและการสนทนาเป็นกลุ่ม

ก่อนเราไปลงพื้นที่ มีแต่คนบอกว่าผู้หญิงเหล่านี้น่าสงสาร โดนบีบบังคับ อยู่ภายใต้กฎหมายอิสลามที่เขาไม่สามารถมีสิทธิเสรีภาพ แต่พอไปถึงทุกคนเอาข้าวเอาน้ำมาให้เรากิน เขาถามเรากลับว่า โอ้โห เธออายุ 26 แล้วยังไม่เคยแต่งงานเลยเหรอ ทำอะไรอยู่ เขาตอนอายุ 15 ก็แต่งงานแล้วนะ เขาทั้งแต่งทั้งหย่ามา 2 รอบแล้ว เรากลายเป็น ‘แปลก’ สำหรับเขา เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจ ตอนนั้นมีเวลาเก็บข้อมูลเแป๊บเดียวก็ต้องกลับมาที่ญี่ปุ่น

ก่อนลงพื้นที่เก็บข้อมูล เราเคยอ่านมาประมาณว่าที่นั่นบรรทัดฐานทางสังคมที่กดขี่ผู้หญิง แต่สิ่งที่เราได้เจอ มันไม่เห็นเป็นแบบนั้น ถ้าเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี คือ เขาท้อง, อยากมีสามี หรือ แค่นั่งมอเตอร์ไซด์ไปกับแฟน แต่พ่อเห็น พ่อก็จับให้แต่งงาน

ส่วน ‘คนรุ่นแม่’ ที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี เขาบอกว่าบริบทในสมัยนั้นคนไม่ได้ไปโรงเรียน ผู้หญิงพอประจำเดือนมาก็ถือว่าแต่งงานได้แล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็มาหาคู่ให้ ลงเอยที่แต่งงานกับคนอายุใกล้ๆ กัน หรือบางคนก็แต่งงานกับคนที่อายุห่างเป็นสิบปี ซึ่งอันนี้เราว่า มันก็คล้ายๆ กับที่อื่นนอกสามจังหวัดชายแดนใต้

อย่างเช่นทางอีสาน เรามีคนรู้จักที่เขาทำผู้หญิงท้อง สุดท้ายก็ต้องแต่งงานกันไป ผูกข้อไม้ข้อมือ ถามว่าด้วยอายุของเขาสัก 14-15 ปี จะให้ไปจดทะเบียนสมรสก็ยังไม่ใช่ แต่เขาแค่ผูกข้อไม้ข้อมือทำตามประเพณีให้ชาวบ้านรับรู้ว่าสองคนนี้เป็นสามีเมียกัน

คนรุ่นแม่หรือรุ่นยาย พอถึงวัยที่เริ่มมีประจำเดือน ผู้ใหญ่ก็จะอยากให้จะคลุมถุงชนบ้าง พาคนมาแนะนำบ้าง เป็นเรื่องปกติ การแต่งงานของคนอายุน้อยในจังหวัดชายแดนใต้จึงไม่ค่อยต่างจากที่อื่นในแง่นี้ แต่แง่มุมที่แตกต่างก็มี เดี๋ยวจะอธิบายต่อไป

คนในพื้นที่ไม่ได้มองว่าการแต่งงานเด็กเป็นเรื่อง subtle (อ่อนไหว) หรือเป็นเรื่องต้องห้าม (taboo) เหมือนอย่างที่คนนอกมอง ?

ปี 2019 ที่เข้าไปทำงาน ตอนแรกๆ ก็คิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นประเด็นที่ subtle แน่เลย สรุปคือเปล่าเลย พอตอนปริญญาเอก เราไปอยู่ยาวเกือบปี อยู่ยะลาเป็นหลัก แต่ก็ไปปัตตานีบ้าง ไปสตูลบ้าง ถามว่าถ้าคนกรุงเทพฯ ท้องก็คงไม่มีใครมาจับแต่งงานถูกไหม เขาก็อาจจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไป การไม่มีพ่ออาจจะไม่เป็นไร

แต่ถ้าบริบทบนพื้นที่อื่น อย่างชายแดนใต้ สำหรับวัยรุ่นที่เป็นช่วงฮอร์โมนพลุ่งพล่านแล้วเกิดพลาดท้อง หรือบางคนอาจจะตั้งใจท้องก็มี เพราะว่าอยากจะออกจากบ้านแล้วไปมีบ้านของตัวเอง การแต่งงานมันไม่ได้มาจากเหตุผลที่ว่า ฉันโดนบังคับ ฉันโดนกดขี่ หรืออะไรอย่างที่เข้าใจ บางคนตอนสัมภาษณ์ก็เล่าตรงๆ ว่า “ตอนนั้นหนูก็แค่อยากมีสามีอะพี่”

ซึ่งถามว่าคนกรุงเทพฯมีไหม ก็มี แต่เราไม่ได้เป็นสังคมชุมชนไง เลยอาจจะไม่เห็นกลุ่มคนที่คิดแบบนี้ ถ้าเป็นคนกรุงเทพฯ เขาจะไม่ใช้คำว่า ‘แต่งงานเด็ก’ แต่เขาจะใช้คำว่า ‘ท้องในวัยเรียน’ หรือ ‘ท้องในวัยรุ่น’

พื้นที่ที่เก็บข้อมูลมีที่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูลด้วย ในแต่ละที่มีความท้าทายในการทำงานอย่างไร จากที่เราอ่านในธีสิสมีตอนหนึ่งที่เขียนว่า สตูลไม่มีการเก็บใบนิกะห์เหมือนกับที่อื่นๆ เป็นเพราะอะไร

ตอนเก็บข้อมูลทำวิจัยที่สตูลง่ายกว่าที่สามจังหวัดมาก สตูลเขาพูดภาษาไทยกัน พูดภาษาใต้ แต่ถ้าสามจังหวัดต้องมีล่าม ต้องมีคนในพื้นที่พาไปหน่อย ใส่ผ้าคลุมและแต่งตัวมิดชิดเหมือนคนในพื้นที่ เขาจะได้เห็นว่าเราตั้งใจอยากมาเรียนรู้วัฒนธรรมเขา เหมือนเราไปบ้านใครก็เคารพกฎบ้าน

ทาง 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูลมีการอนุญาตให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามสามารถใช้กฎหมายอิสลามในการจัดการเรื่องครอบครัวและมรดก ซึ่งก็คือเรื่องแต่งงานและหย่าร้าง จึงมีความแตกต่างจากที่อื่นนิดหนึ่ง

อย่างบริบทของเราที่เป็นชาวไทยพุทธ เราอาจจะจัดงานแต่งงานรดน้ำดำหัวกันที่โรงแรม เสร็จแล้วไปจดทะเบียนสมรสกันที่อำเภอภายหลัง

แต่ทางสี่จังหวัดชายแดนใต้ เรื่องของศาสนาและเรื่องของทะเบียนมันรวมกัน เขามีการจดทะเบียนสมรสในแบบของเขาที่เรียกว่า ‘นิกะห์’ เป็นการแต่งแบบอิสลาม คู่แต่งงานต้องไปให้ผู้นำศาสนาหรือโต๊ะอิหม่ามในหมู่บ้านทำพิธีให้  โดยส่วนใหญ่แล้วจะไปทำที่หมู่บ้านของฝ่ายหญิง

ถ้าเป็นการแต่งงานในพื้นที่สามจังหวัด ใบนิกะห์จะเป็นภาษามลายู ตัวอักษรยาวี เขาจะเขียนเลยว่าหญิงบ้านนี้กับผู้ชายบ้านนี้แต่งงานกันตอนอายุเท่าไร มีสินสอดเป็นอะไร มีใครเป็นพยาน มีใครเป็นผู้ปกครองของฝ่ายหญิง แล้วใบนิกะห์นี้จะให้กับคู่แต่งงานที่ทำพิธีเสร็จแล้ว ส่วนที่ยะลา ผู้ทำพิธีจะสำเนาเก็บไว้เพื่อส่งไปที่สำนักงานอิสลามกลางของจังหวัด หรือ ‘Majlis’ ตามภาษามลายูกลาง ซึ่งหมายถึงสำนักงานอิสลามกลาง (ถ้าเป็นคนมลายูถิ่นสามจังหวัดจะเรียกว่า ‘Majleh’ หรือ มัจเละห์)

เราถามทางสำนักงานอิสลามกลางของยะลาว่า เก็บใบนิกะห์มานานหรือยัง เขาบอกว่าแต่ก่อนไม่ได้เก็บ มีความสะเปะสะปะ ตอนหลังเขาอยากทำให้มันเป็นระบบก็เลยเริ่มเก็บ

ใบนิกะห์ที่เก่าที่สุดที่เราเคยเห็นคือ 50 ปี เขียนในสมุดโน้ตธรรมดาว่าใครแต่งกับใคร แล้วประเด็นคือ คนที่มีใบนิกะห์แล้วและอยากจะทำอะไรที่ต้องยึดโยงกับกฎหมายไทย เช่น ซื้อบ้าน ก็ต้องใช้ทะเบียนสมรส เขาจะต้องเอาใบนิกะห์ไปแปลเป็นภาษาไทยที่สำนักงานอิสลามฯ เพื่อนำไปขึ้นเป็นทะเบียนสมรสของไทย

ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ มันไม่ต้องมีขั้นตอนนี้แล้ว อย่างสิงคโปร์ ถ้าสำนักงานอิสลามของสิงคโปร์จัดพิธีแต่งงานแล้วก็ถือว่ามีทะเบียนสมรสแล้ว ข้อมูลลิงก์กัน เพราะกฎหมายของเขาให้ทำได้ แต่ว่ากฎหมายอิสลามของประเทศไทยคืออนุญาตให้แต่งงานในวัฒนธรรมของอิสลามได้ แต่ข้อมูลในทางระบบราชการไม่ได้ลิงก์กัน อีกประเด็นคือเรื่องภรรยาสี่คน ระบบของไทยจดทะเบียนสมรสภรรยาได้คนเดียว มันก็เป็นเรื่องที่ซับซ้อน

เราถามทางสำนักงานอิสลามกลางของยะลาว่า ที่จังหวัดอื่นเขาเก็บใบนิกะห์เหมือนที่ยะลาไหม ‘บาบอ’ หรือว่าคนที่เป็นผู้นำศาสนาบอกว่าที่ปัตตานี นราธิวาสก็เก็บบ้าง ไม่เก็บบ้าง แต่ที่ยะลาคือตั้งใจจะเก็บให้หมด

ส่วนที่สตูลใบนิกะห์จะเป็นภาษาไทย สมัยก่อนเป็นมลายูเหมือนกัน ช่วงไหนไม่แน่ใจเขาก็เปลี่ยนเป็นภาษาไทย และใช้การพิมพ์กับคอมพิวเตอร์หากเป็นการแต่งที่สำนักงานฯ ต่างกับที่ยะลาที่ยังนิยมเขียนมือ

เราถามสำนักงานอิสลามกลางที่สตูลว่า ทำไมเขาไม่เก็บสำเนาไว้ เขาเล่าว่าการออกใบนิกะห์ที่นี่จะมีแบบฟอร์มเอกสารไว้แล้ว พอคนมาแต่งงานก็พิมพ์ชื่อ พิมพ์ข้อความแทรกเข้าไป จากนั้นก็ปริ้นท์แล้วให้คู่แต่งงานเอากลับไปเลย

ใบนิกะห์จากภาษามลายูอักษรยาวี สนง.คณะกรรมการอิสลามกลาง จ.ยะลา

ถ่ายเมื่อปี 2565 โดย เรืองริน ประทิพพรกุล

ใบนิกะห์ สนง.คณะกรรมการอิสลามกลาง จ.สตูล

ถ่ายเมื่อปี 2022 โดย เรืองริน ประทิพพรกุล

คำแปลใบนิกะห์จากภาษามลายูอักษรยาวี เป็นภาษาไทย สนง.คณะกรรมการอิสลามกลาง จ.ยะลา

ถ่ายเมื่อปี 2565 โดย เรืองริน ประทิพพรกุล

ในธีสิสมีการให้ข้อเสนอแนะทางนโยบายว่า “ไม่ควรกำหนดอายุขั้นต่ำในการแต่งงาน” มีข้อค้นพบอะไรทำให้เสนอในแนวทางนี้

พอเราไปดูในพื้นที่จริงและสัมภาษณ์แต่ละคน พบว่า มีแต่คนแต่งงานก่อนอายุ 18 ปี ไม่ว่าจะเป็นจากเหตุผลเรื่องท้องก่อนแต่ง หรือวัยรุ่นชายหญิงอยู่กันสองต่อสองในที่ลับ เมื่อถูกชาวบ้านจับได้ก็เลยให้แต่งงานเพราะกังวลเรื่องการท้องไม่มีพ่อ จะทำให้หญิงเสื่อมเสีย

แผนภาพ 2.1 ผู้หญิงที่แต่งงานก่อนอายุ 30 ปี ตั้งแต่ปี 1991-2020 แยกตามปีและอายุที่แต่งงาน

(ที่มา: สำนักงานอิสลามกลาง จังหวัดยะลา, วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่อง “จากการคุ้มครองสู่การมีส่วนร่วม: การทบทวนบทบาทและเสียงของเด็กในนโยบายเกี่ยวกับการแต่งงานของเด็กในระดับสากลจากชายแดนใต้ของประเทศไทย” หน้า 31 )

ประเด็นที่เราสนใจก็คือ คนที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี ในข้อมูลนี้พบว่าหญิงที่อายุต่ำสุดคือ 11 ปี มี 2 ใน 1,173 คน ในจำนวนหญิงที่แต่งงานก่อน 18 ในช่วง 30 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ในหญิงที่แต่งงานก่อน 18 นั้น ช่วงอายุจะกระจุกอยู่ที่ช่วงอายุ 14-17 ตรงเส้นดำๆ ทึบๆ กับอีกเส้นข้างล่างที่เป็นกลุ่มแต่งงานก่อนอายุ 15  ปี ถ้าเป็นสมัยก่อน ผู้หญิงอายุ 15 เขาก็แต่งงานกันแล้วเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าสมัยนี้น้อยลง ฉะนั้น เราต้องเอา Bias ของเราออกจากหัวก่อนว่า ‘สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการแต่งงานเด็กเยอะแยะ' เพราะจริงๆ แล้วมันลดลงตามเทรนด์โลก คนเขาก็อยากจะเรียนหนังสือ เรียนปริญญาตรีกัน

มีน้องคนหนึ่งที่เราได้คุย เป็นเด็ก ม.3 เพิ่งแต่งงานกัน ผู้ชายกับผู้หญิงก็อายุใกล้ๆ กัน เขาก็แพลนอนาคตว่าตอนนี้แต่งงานกันเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันก่อน แต่ยังไม่มีลูก รอให้เรียนจบ ปวส. แล้วค่อยมาแพลนเรื่องลูก เราก็รู้สึกว่าน้องเขามีความคิดแบบผู้ใหญ่ เป็นความคิดตามบริบทของที่นั่นที่คุณจะเป็นแฟนกันเฉยๆ ไม่ได้ มันต้องแต่งงานแล้วก็อยู่ด้วยกันให้เรียบร้อย ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ

จริงๆ ที่สื่อโจมตีบอกว่าแนวคิดนี้กดขี่ผู้หญิง มันอาจไม่ใช่ อิหม่ามเอย คนเป็นพ่อเป็นแม่เอย ไม่มีใครอยากเห็นลูกนอกลู่นอกทาง มีแฟนมีอะไรกันตอนวัยรุ่น ที่เขาให้แต่งงานก็เพราะมันเลยเถิดกันไปแล้ว จะไปห้ามเด็กสมัยนี้เขาไม่ฟังกันแล้ว ก็ให้มันแต่งไปเลย อย่างน้อยท้องออกมาจะได้รู้ว่าลูกใคร ใดๆ คือฮอร์โมนวัยรุ่นมันพลุ่งพล่าน ผู้นำศาสนาและพ่อแม่ก็เหมือนไม่มีทางเลือกอื่น แต่ความที่ระบบการแต่งตามครรลองศาสนากับการจดทะเบียนมันเป็นเรื่องเดียวกัน คนนอกเลยเข้าใจผิดคิดว่ามันต่างจากปัญหาการท้องในวัยเรียนเหมือนที่อื่นๆ จริงๆ คือเรื่องเดียวกัน

แล้วพวกปัญหาอย่างเช่นทารกถูกทิ้ง ก็มีนะ เหมือนกับปัญหาท้องในวัยเรียนของที่อื่นๆ เลย อย่างที่เราบอกไปว่าคนอายุน้อยในพื้นที่ชายแดนใต้เขาก็แพลนอนาคตของเขาตามนี้ เขาก็แค่ทำตามบรรทัดฐานหรือกฎของสังคมที่เขามีอยู่ ถ้าเขาจะคบกับแฟนก็คือแต่งงานและไม่ไปคบกับคนอื่นซ้อน

แต่ถ้าเราไม่กำหนดอายุขั้นต่ำของการแต่งงาน อาจมีคนถามกลับมาว่า ถ้าเป็นกรณีเด็กอายุ 11 ปี แต่งงานกับคนวัย 40 ล่ะ แบบนี้มันจะเป็นช่องว่างให้เกิดการแสวงประโยชน์ทางเพศกับเด็กหรือเปล่า

เท่าที่เราไปอยู่มาเกือบปี เราไม่เจอเคสแบบนี้เลย มันอาจจะมีก็ได้และเราก็อาจจะไม่เห็น แผนภาพ 2.2 ที่เห็นด้านล่างเป็นข้อมูลจากชุดเดียวกันกับภาพที่ 2.1 โดยเราอยากรู้ว่าหญิงที่แต่งงานไวๆ กลุ่มนี้แต่งงานกับสามีที่อายุต่างกันขนาดไหน จึงนำมาแยกให้ดู

แผนภาพ 2.2 แสดงให้เห็นถึงความต่างของอายุระหว่างของผู้หญิงที่นิกะห์อายุก่อน 15 ปีกับสามี ตั้งแต่ปี 1991-2020 จะเห็นได้ว่าในช่วงสามสิบปีก่อน สามีมักมีอายุต่างกันกับภรรยาหลายปี แต่เทรนด์นี้ก็เปลี่ยนไป เช่นในปี 2011-2020 อายุของสามีภรรยา 60 % ขึ้นไปคือนิยมแต่งกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อีก 25% คือแต่งกับชายที่อายุห่างกัน5-9 ปีและไม่มีหญิงต่ำกว่า 15 คนไหนที่แต่งกับคนอายุมากคราวพ่อแบบที่เห็นในคนรุ่นก่อนอีกเลย

(ที่มา: สำนักงานอิสลามกลาง จังหวัดยะลา, วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่อง “จากการคุ้มครองสู่การมีส่วนร่วม: การทบทวนบทบาทและเสียงของเด็กในนโยบายเกี่ยวกับการแต่งงานของเด็กในระดับสากลจากชายแดนใต้ของประเทศไทย” หน้า 32)

ถามว่าตอนที่เราไปลงพื้นที่ หาคนยังไง เราก็ไปดูใบแต่งงานที่สำนักงานอิสลามกลาง จ.ยะลา แล้วทำสถิติดูว่าตำบลไหนมากที่สุด ตอนนั้นเลือกมา 10 ตำบลที่ยะลา แล้วก็ไปเกาะติดอยู่ 2 ตำบล พอมองเป็นหน่วยตำบลก็หาข้อมูลง่ายขึ้น ส่วนในเรื่องของการสัมภาษณ์ เราไปติดต่อกำนันผู้ใหญ่บ้านแล้วก็อิหม่ามของหมู่บ้าน ไปเซอร์เวย์ถามวัยรุ่นตามบ้านเลย สุ่มเคาะประตูบ้านเลย ตำบลแรก 122 คน ตำบลที่สอง 90 คน ส่วนที่สตูลหนึ่งตำบล 132 คน ประชากรอายุ 15-24 ปี ทั้งหญิงและชาย ทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเอย สารวัตรกำนันเอย ให้ความร่วมมือดีมาก เพราะเขารู้จักลูกบ้านเขาหมดเอื้อให้เราทำเซอร์เวย์กับวัยรุ่นในพื้นที่ อิหม่ามก็ช่วยเหลือดีมาก มีตำบลหนึ่ง วันศุกร์หลังละหมาดเสร็จอิหม่ามประกาศเลยว่าวัยรุ่นคนไหนไม่รีบกลับบ้านมาให้พี่เขาสัมภาษณ์ก่อน

ทั้งหมดนี้มันไม่ได้เจอเหมือนอย่างที่เป็นข่าวแบบเคสนั้นที่ดังๆ แต่ว่าถามว่ามันมีไหม ก็อาจจะมีบ้าง แล้วมันก็ควรจะแยกเป็นอีกประเด็นหนึ่ง

ขณะลงพื้นที่เก็บข้อมูลที่บ้านกำนัน จ.ยะลา

ถ่ายเมื่อปี 2565 โดย เรืองริน ประทิพพรกุล

หมายความว่า การแต่งงานในหมู่คนอายุน้อยที่คู่แต่งงานอายุใกล้ๆ กัน กับเคสเด็กแต่งงานกับผู้ใหญ่ที่อายุห่างกันมาก มันเป็นคนละประเด็นกัน

คนละประเด็นกัน ที่เรากำลังคุยกันอยู่มันเป็นเรื่องเด็กอยากมีเพศสัมพันธ์ ปัญหาท้องก่อนแต่ง ซึ่งประเทศอื่นก็มี อย่างเช่นสวิสเซอร์แลนด์มีกฏหมายเรื่อง Conclude-in-Age Exemption (อาจแปลเป็นไทยได้ว่า “ข้อยกเว้นสำหรับบุคคลอายุใกล้เคียงกัน”)  เขียนไว้ว่าถ้าเด็กอายุ13-15 ปี สมมติเด็ก ม.1 คบกับเด็ก ม.4 เราจะไปเอาเด็กเข้าคุกไหม ก็ไม่ แต่ถ้าเด็ก ม.1 กับเด็กมหาวิทยาลัยปี 4 ที่ช่วงอายุมันต่างกันมาก สวิสเซอร์แลนด์1

ในยุโรปยังแยกเป็นประเด็นเลยว่า อันนี้คือคนอายุใกล้เคียงกัน มีเพศสัมพันธ์กันไม่ควรเป็นคดีอาญา หรือถ้าฟินแลนด์2

ตาราง 5.1 ข้อยกเว้นสำหรับบุคคลอายุใกล้เคียงกัน ในสวิสเซอร์แลนด์, แคนาดา และ ฟินแลนด์

(ที่มา: วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่อง “จากการคุ้มครองสู่การมีส่วนร่วม: การทบทวนบทบาทและเสียงของเด็กในนโยบายเกี่ยวกับการแต่งงานของเด็กในระดับสากลจากชายแดนใต้ของประเทศไทย”หน้า 112)

สรุปก็คือ ประเทศเหล่านี้เขาก็ปกป้องสิทธิเด็กทั้งสองอย่าง ทั้งปกป้องเสรีภาพวัยรุ่นที่ชอบพอกัน และปกป้องไม่ให้เด็กตกอยู่ใน exploitative relationship (ความสัมพันธ์ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ) โดยที่เขาไม่ได้พูดว่าเป็นเรื่องการแก้ปัญหา youngster marriage เลย

เราก็เลยมองว่ากรณีของภาคใต้ของไทยก็เหมือนกันอย่างนี้แหละ คนที่เราไปสัมภาษณ์มาก็ไม่ได้ต่างกัน เพียงแต่ว่าพอเราไปเหมารวมกับกรณีที่ผู้ใหญ่แต่งงานกับเด็กอายุ 11 ปีมันก็ยังไงๆ อยู่ ซึ่งกรณีนั้นเราว่ามันก็มีความเสี่ยงนะ ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบไหม

ถ้าอายุใกล้กัน มันคือการมีสัมพันธ์กันระหว่างคนรุ่นๆ เดียวกัน เป็นปรากฏการณ์ของวัยรุ่นสมัยนี้ ไม่ควรเป็นคดีอาญาทุกเคส แต่ถ้าเป็นกรณีเช่น ครูกับนักเรียน หรือถ้าพูดในบริบทชายแดนใต้ก็อาจจะเป็นโต๊ะครูกับนักเรียนประถม เคสแบบนี้เราก็เสนอว่ามันต้องมีกลไกช่วยเหลือแหละ เพราะมันก็ดูแปลกๆ คนในพื้นที่เองเขาก็คิดว่าแปลกด้วยนะแบบนี้

ถามว่าเคสแบบนี้มีไหม สมัยก่อนมีนะ เคสที่พ่อแม่นำเด็กผู้หญิงมาเสนอให้เจ้าของโรงเรียนปอเนาะหรืออิหม่าม จากความเชื่อที่ว่าถ้าลูกแต่งงานกับคนเหล่านี้ไปแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ เพื่อนที่พ่อเป็นโต๊ะอิหม่ามเล่าให้เราฟังว่า ขนาดพ่อของเขามีเมียอยู่ 4 คนแล้วก็ยังมีคนเสนอมาให้ อันนี้เป็นเรื่องสมัยก่อน สมัยนี้เขาบอกว่าเขาไม่ได้ยินแล้ว เพราะความเชื่อทำนองนี้ก็จางหายไป เมื่อคนเข้าถึงการศึกษามากขึ้น

ฉะนั้น เราเลยมองว่า การกำหนดอายุขั้นต่ำของการนิกะห์ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด และควรมีความ versatile ให้เหมือนกับประเทศที่เรายกมา

เราเซอร์เวย์สามตำบล สำรวจความคิดเห็นวัยรุ่น 15-24 ปี เรื่องการกำหนดอายุขั้นต่ำ ความคิดเห็นของน้องๆ ที่ยะลาทั้งสองตำบลคือ เห็นด้วยครึ่งหนึ่ง ไม่เห็นด้วยครึ่งหนึ่ง

วัยรุ่นในพื้นที่ที่เราได้คุย ที่เขาบอก “หนูแค่อยากมีสามี” หรือบังเอิญท้องก่อนแต่ง คนพวกนี้เขาตัดสินใจไปแล้ว หรือว่าเขาอาจจะพลาดไป แต่เราต้องซ้ำเขาด้วยการที่ไปจับเขาเข้าคุกไหม มันก็น่าจะเป็นคนละประเด็นกัน เพราะเขาไม่ได้เป็นคนที่ต้องการให้เราไปปกป้อง เราก็เลยเสนอแนะการใช้ Conclude-in-Age Exemption in Southern Thailand’s Context (ข้อยกเว้นสำหรับบุคคลอายุใกล้เคียงกัน ในบริบทชายแดนใต้ของประเทศไทย) ว่าการปกป้องเด็กที่แท้จริง ไม่ใช่การกำหนดอายุขั้นต่ำ แต่มาสร้างกลไกและเงื่อนไขกันว่า กรณี “การแต่งงาน” ที่เกิดจากความสัมพันธ์แบบไหนที่ควรแทรกแซง กรณีไหนที่ไม่จำเป็น

คนที่เราต้องปกป้อง น่าจะเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง เช่น คนที่อาจถูกพ่อแม่จับมาขาย หรือถูกข่มขู่ให้แต่งงาน ถ้าเราไม่ได้ไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จริงๆ เราก็จะมองภาพว่ามันเป็นเหมือนที่ปรากฏในข่าวว่าชายแดนใต้นอกจากจะมีแต่ความไม่สงบแล้ว ยังมีกฎหมายและวัฒนธรรมที่แปลกด้วย แต่พอไปที่นั่นจริงๆ แล้วไปด้วย mindset ที่เปิดกว้าง มันเหมือนกับเราไปต่างประเทศ ทำให้เรารู้ว่ามีอีกวัฒนธรรมหนึ่ง อีกระบบกฎหมายหนึ่ง ทำให้เกิดบริบทในชุมชนแบบนี้ขึ้นมา

จากธีสิสตอนหนึ่งเขียนว่าเคยมีความพยายามแก้ปัญหาด้วยการกดดันไปที่อิหม่ามไม่ให้แต่งงานให้เด็ก แต่ก็พบว่าวิธีนี้ไม่เวิร์ค อยากให้ขยายความ

ตอนที่มีข่าวเคสดังๆ ต่อมาก็มีประกาศให้สำนักงานอิสลามกลางห้ามแต่งงานให้เด็กอายุต่ำกว่า 17 ตามกฎหมายไทย ที่สำนักงานฯ ที่สตูล ก็ปฏิบัติตาม แต่ทำตามในแง่เอกสารเท่านั้น

สมมติว่ามีเด็กหญิง เอ ท้องตอนอายุ 13 ปี สตูลเขาก็รับเรื่องไว้ ทำนิกะห์ให้ก่อน แต่ว่าสตูลยังไม่ออกใบนิกะห์ให้ เพราะว่าอายุยังไม่ถึง สำนักงานฯ ก็จะบอกกับคู่แต่งงานว่า เดี๋ยวพออายุถึงตามกฎหมายไทยแล้วค่อยกมาเอาใบนิกะห์ แต่สุดท้ายแล้วการแต่งงานมันก็เกิดขึ้นอยู่ดี เพื่อทำให้การท้องนั้นถูกต้อง ทำให้เด็กมีพ่อ ให้รู้ว่าเป็นคู่ของใคร

ถามว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เพราะว่าเด็กท้องขึ้นมาแล้ว ถ้าไม่แต่งงานให้แล้วลูกคนนี้คลอดออกมาใครจะมาเป็นพ่อ เขาก็ยังคิดอย่างนี้อยู่ แต่ว่าในรูปแบบของเอกสารเขาทำตามของไทย ซึ่งการกำหนดอายุขั้นต่ำ นอกจากจะไม่แก้ปัญหาอะไรแล้ว ยังเป็นการกดดันให้การระบุอายุที่แท้จริงในการนิกะห์นั้นบิดเบือนไปด้วย

ส่วนแนวทางของที่ยะลาก็จะคล้ายๆ ที่สตูล แต่ที่ยะลาเขามองว่า แล้วยังไงอะ สังคมวัยรุ่นสมัยนี้เป็นอย่างนี้ คนนอกไม่เข้าใจเองแล้วก็มาหาว่าผู้นำศาสนากดขี่เด็ก จริงๆ เด็กเป็นคนมาขอให้แต่งงานให้ด้วยซ้ำ ฉะนั้น เราจึงมองว่าทั้งที่สตูลและที่ยะลาต่างก็อนุโลมให้นิกะห์เพื่อรักษาสิทธิของเด็ก ไม่ใช่เพราะไปกดขี่เด็ก

ปกทะเบียนนิกะห์  สนง.คณะกรรมการอิสลามกลาง จ.ยะลา

ถ่ายเมื่อปี 2565 โดย เรืองริน ประทิพพรกุล

ในภาพรวมเราสามารถพูดได้ไหมว่ามันคือการแก้ปัญหาในมุมวัฒนธรรมของพื้นที่นั้น ที่ว่าถ้าเกิดท้องขึ้นมาก็ต้องแต่งงาน เพื่อให้เด็กที่เกิดมามีพ่อ มีที่ทางในชุมชน

อันนี้เข้าใจถูกต้องแล้ว โต๊ะอิหม่ามเองไม่ใช่ว่าเขาอยากจะทำให้นะ เขาบอกว่า อุ๊ย ทำไมเด็กสมัยนี้แต่งงานกันเร็วจังเลย ท้องกันเร็วจังเลย แต่เขามองว่าเด็กมันอุ้มท้องมา 9 เดือนแล้ว ยังไม่ได้แต่งงานเลย พรุ่งนี้มะรืนนี้มันจะคลอดแล้ว มันแบกท้องมาหา

อิหม่ามคนนี้เขาบอกว่า เขาประกาศที่มัสยิดและประกาศไปทั่วหมู่บ้านเลย พูดอ้อมๆ ว่าใครที่ทำ ‘ซินา’ (Zina) อยู่ หมายถึงบาปจากการที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ให้มาสารภาพบาปได้ โต๊ะอิหม่ามให้อภัย

อันนี้ถือว่าเขาหยวนมาก เพราะว่าถ้าเป็นบริบทแบบอิสลามจ๋าแบบประเทศอื่น เขาอาจจะเฆี่ยนด้วยซ้ำ แต่อันนี้อิหม่ามบอกว่าจะไปยึดหลักอิสลามแบบโบราณก็ไม่ได้แล้ว เพราะว่าเด็กอุ้มท้องมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าสมมติว่าลูกเขาเกิดออกมาโดยที่เขายังไม่ได้แต่งงาน มันจะอยู่ในสังคมนั้นลำบาก

ฉะนั้นอิหม่ามก็เลยตัดสินใจหยวนกับกฎตรงนี้ว่าไม่เป็นไร เธอแต่งงานแล้วนะ แล้วหลังคลอดเธอจะหย่าฉันก็ไม่ว่า แต่ขอให้มันมีเอกสารให้รู้ว่าพ่อของเด็กคนนี้คือใคร มันคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจริงๆ

ตามหลักอิสลามแล้ว พอหย่าแล้วต้องรอสักสามเดือน หรือรอประจำเดือนมาสักสามรอบ ถึงจะแต่งใหม่ได้ แต่ด้วยความที่วัยรุ่นสมัยนี้เปลี่ยนคู่บ่อย บางทีอิหม่ามเองก็อนุโลมให้ หย่าวันนี้ แต่งใหม่สัปดาห์หน้าเลยก็มี เพราะด้วยความกลัวว่าจะเป็นการซินาอีกถ้าไม่รีบแต่งให้ สรุปคืออิหม่ามที่คนนอกคิดว่าจะเข้มงวดหัวโบราณ กลายเป็นว่าต้องจำใจหยวนกฎให้เข้ากับวัยรุ่นสมัยนี้เสียอีก

หลายเคสเป็นตัวเด็กเองที่เข้ามาแต่งงาน แต่มันจะมีเคสที่คบกับแฟนแล้วถูกจับได้ พ่อแม่ลากมาแต่งงานกันก็มี ซึ่งในแต่ละหมู่บ้าน แต่ละชุมชนก็มีกฎไม่เหมือนกัน

มีอยู่ตำบลหนึ่งที่ยะลา กฎเขาคือถ้าคบกันแล้วโดนจับได้ คุณก็ต้องแต่งงาน แต่ถ้าไม่อยากแต่งงาน คุณจะโดนปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่ง สุดท้ายมีอยู่เคสหนึ่งที่พ่อบอกว่ายังไงก็จะไม่ให้ลูกสาวแต่งงาน แม้ว่าผู้ใหญ่บ้านหรือโต๊ะอิหม่ามจะจับได้ว่าลูกสาวอยู่กับแฟนแล้ว แต่ยังไงพ่อก็ไม่ให้แต่งงาน ค่าปรับไม่จ่ายด้วย เขาก็โดนไล่ออกจากหมู่บ้านไป

ผ่านไปสัก 5 ปี ทั้งพ่อทั้งเด็กก็กลับมาที่หมู่บ้าน แต่คนที่หมู่บ้านก็ไม่ได้ต้อนรับ ตอนหมู่บ้านมีเทศกาลหรือช่วงไหนไม่มีคนอยู่บ้าน ปกติแล้วคนในหมู่บ้านจะมีเวรที่คอยตระเวนรอบหมู่บ้านเพื่อดูความเรียบร้อย คนเขาก็จะถือว่าบ้านนี้ไม่เป็นสมาชิกของหมู่บ้าน เขาจะไม่ตระเวนดูให้ คือมันจะเป็นการ Boycott เล็กๆ น้อยๆ ถ้าไม่ทำตามกฎของหมู่บ้าน แต่เคสนี้ ลูกสาวเขาไม่ได้ท้องไง แล้วพ่อเขาก็ไม่ได้อยากจะทำตามกฎ

มีบางเคสอีกเหมือนกันที่อาจจะต่อรองกันได้ เช่น พ่อแม่มาพบว่าลูกคบกับแฟนแล้วแอบไปนอนด้วยกัน พ่อแม่ก็บอกว่าอย่าให้เรื่องไปถึงโต๊ะอิหม่ามนะ ให้เด็กสองคนเลิกกันแล้วก็จับผู้หญิงแยกไปหมู่บ้านหนึ่ง ผู้ชายแยกไปอีกหมู่บ้านหนึ่งก็มี

เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่เวิร์คหรือไม่เวิร์ค ระหว่างจับแยกกับจับให้อยู่ด้วยกัน มันแล้วแต่ว่าคนตรงนั้นเขาจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านี้อย่างไร แต่ละหมู่บ้านก็ใช้คนละบรรทัดฐานกัน พอไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง ใครจะซ้อนมอเตอร์ไซค์ใคร ใครจะอยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้ท้อง ถ้าท้องขึ้นมาก็ต้องแต่งงาน

แล้วถ้าฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงอยู่คนละหมู่บ้าน สมมติหมู่บ้านเอ กับหมู่บ้านบี ซึ่งมีคนละกฎกันแล้วลูกบ้านไปทำเรื่องมา ส่วนใหญ่เขาจะยึดกฎหมู่บ้านของผู้หญิง เพราะเขามองในแง่ของความเสียหาย แต่ก็มีบางหมู่บ้านที่ยึดเอาตามกฎหมู่บ้านที่เป็นสถานที่ที่ถูกจับได้ แล้วแต่กรณี

บรรยากาศการอบรมก่อนแต่งงาน สนง.คณะกรรมการอิสลามกลาง จ.สตูล

ภาพโดย เรืองริน ประทิพพรกุล

แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าการแต่งงานเร็วอาจทำให้เกิดการหย่ากันเร็วด้วยหรือเปล่า เรื่องนี้ในระดับชุมชนเขาคิดกันอย่างไร มีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร

คนรุ่นก่อนอาจจะมองว่าหย่าแล้วจะเสียชื่อเสียงครอบครัว คนมองว่าเพิ่งจะแต่งงานเองทำไมจะหย่าแล้วล่ะ แต่คนรุ่นใหม่บางคนไม่ได้คิดแบบนั้น วัยรุ่นแต่งงานไปเพื่อที่จะได้อยู่กับแฟน แต่พอเบื่อแฟน เขาก็หย่า แล้วพวกนี้เขาก็ไม่ได้แคร์ด้วยซ้ำว่าการหย่าเป็นเรื่องไม่ดี

ตอนแรกเราก็มองเหมือนกันว่าโซลูชั่นในเรื่องการแต่งไวหย่าไวคืออะไร แต่พอได้คุยกับคนรุ่นใหม่ในพื้นที่อายุ 15-24 ปี เราก็รู้สึกว่าการที่เราจะไปแก้ปัญหาเรื่องการหย่าให้เขา เขาก็คงจะร้อง เอ้า! จะมาแก้ทำไม เขาก็แค่ทำตามบรรทัดฐานที่มันมี พอไม่ได้รักกันแล้วก็แค่หย่า พอหย่าเสร็จก็อาจแต่งงานใหม่

มันเหมือนกับการที่คนนอกอย่างเราๆ จะเปลี่ยนแฟนน่ะ เราก็จะทำเรื่องการเลิกกับแฟนคนเก่าให้เรียบร้อย ถ้าพูดแบบภาษาเรา แต่พอมันเป็นภาษาเขาเราอาจไม่ค่อยเข้าใจ เนื่องจากนิยามของคำว่า ‘แต่งงาน’ มันต่างกันไง ฉะนั้น เราก็เลยมองว่ามันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะมากำหนดอายุขั้นต่ำของการแต่งงาน

เหมือนที่เราคุยกันมา ‘การแต่งงาน’ ถูกมองว่าเป็นหนทางของการแก้ปัญหา แต่คนที่ไม่ได้อยากแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้มีจำนวนมากน้อยขนาดไหน

เรื่องการตัดสินใจของการแต่งงาน ถ้าเป็นเด็กอายุ 14-15 ปีท้อง มันก็จะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่อยู่แล้วนะ ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าว่าจะทำยังไง ถามว่าคนที่ทำพลาดไปแล้ว เขาพูดได้ไหมว่าเขาอยากจะแต่งหรือไม่แต่งงาน เขาเองก็ไม่รู้แล้วว่าตกลงฉันต้องทำยังไง ก็คือทำตามกฎของที่มันมีไป อันนี้เป็นคำตอบของคนที่ท้องไปแล้วนะ

แต่ว่าถ้าพูดถึงกรณีที่ไม่ได้ท้อง ไม่ได้มีหลักฐานว่าเด็กสองคนไปทำอะไรกัน เพียงแค่นั่งมอเตอร์ไซค์ด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วจะจับให้แต่งก็มี ซึ่งแน่นอนว่า มีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยที่จะให้แต่งเลยและมีการต่อรองอย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้

กรณีแบบนี้มักจะถูกตักเตือนว่าหญิงชายควรเว้นระยะห่างกัน หากพบเห็นอีก และมีการจูบกอดกัน บางหมู่บ้านก็อาจจะให้แต่งเลย

สิทธิในเนื้อตัวร่างกายในบริบทชายแดนใต้ อาจจะมีหน้าตาไม่เหมือนกับที่คนนอกเข้าใจ

ที่เล่าให้ฟังว่าตอนจะแต่งงานต้องไปหาโต๊ะอิหม่ามที่หมู่บ้านผู้หญิงถึงจะแต่ง แต่มันจะมีกรณีหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น ถ้าคุณอยู่ห่างจากบ้าน 96 กิโลเมตรแล้ว เขาจะถือว่าคุณไม่มี ‘วะลีย์’ ซึ่งแปลว่าผู้ปกครองของฝ่ายหญิง ที่เป็นองค์ประกอบจำเป็นในการนิกะห์ ถ้ากรณีแบบนี้ก็ให้คุณมาที่สำนักงานอิสลามกลาง แล้วคนที่เป็นสมาชิกของคณะกรรมการฯ ที่นั่นทำการแต่งงานให้ได้

การที่มีกฎข้อยกเว้นนี้อยู่ก็เลยเป็นช่องโหว่นิดหนึ่งว่า สมมุติว่าพ่อแม่ไม่ได้อยากเราแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แต่เรารักผู้ชายคนนี้มาก เราก็ตั้งใจออกจากบ้านมา เพราะว่าจะมาใช้ช่องโหว่อันนี้ หมายถึงบ้านเราอาจจะอยู่จังหวัดหนึ่งแต่มาแต่งงานที่อีกจังหวัดหนึ่ง เข้าไปบอกที่สำนักงานอิสลามจังหวัดว่าเมื่อคืนเราทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันมาแล้ว แต่งงานให้หนูหน่อย

คนที่สำนักงานก็อาจจะตกใจ เฮ้ย ! มันได้ยังไงหนู เขาก็สั่งสอนกันไป เด็กก็บอกว่าแต่หนูรู้มาว่าถ้ามีกรณีอย่างงี้แล้วก็ต้องแต่งงาน คุณก็ไม่อยากให้เป็นบาปใช่ไหม คุณก็ต้องให้หนูแต่งนะคะ มันเป็นสิทธิของหนู

คนที่สำนักงานอิสลามที่เขาให้สัมภาษณ์เรา เขาบอกเขาก็งงนะ สิทธิเด็กสมัยนี้มันเป็นแบบนี้เหรอ เสียชีวิตแล้ว แล้วนี่ถ้าฉันไม่ออกใบแต่งงานให้เขาแปลว่าฉันละเมิดสิทธิเขารึเปล่า สุดท้ายเขาก็แต่งให้ เพราะเขาก็ถือว่าเขามีหน้าที่ตรงนี้ ถ้าเขาไม่ทำแล้วเขาจะผิดหรือเปล่า

มันก็เลยกลับกลายเป็นว่า ตกลงว่าคำว่า ‘สิทธิ’ มันคืออะไรกันแน่ การเคารพสิทธิเด็กคือแน่นอน ต้องเคารพและฟังความคิดของเด็ก แต่จะหมายความว่า เด็กอยากทำอะไรก็ให้ทำได้อย่างเสรีไปหมดหรือ คำตอบคือ ไม่ใช่ มันก็ต้องมีกลไกปกป้องด้วย เช่น ถ้ามันเป็นกรณียกเว้นที่น่าสงสัยมากๆ เช่น ระหว่างนักเรียนกับอาจารย์ หรือคนที่อายุต่างกันมากๆ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า pedophilia (โรคใคร่เด็ก) หรือ จะเรียกว่า exploitative relationship มันควรจะมีการตั้งกลไกสอบสวนเข้าไปแทรกแซงตรงนั้น

ผู้สนใจในประเด็นนี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่

  • Pratippornkul, R. (2025) “From Protection to Participation: Rethinking Child Agency in Worldwide Child Marriage Insurance policies from Southern Thailand”, Doctoral Thesis, the Osaka College of Worldwide Public Coverage, Osaka College, Osaka, Japan. https://doi.org/10.18910/101749
  • Pratippornkul, R. (2024). Child-led Marriage in Thailand’s Deep South: Specializing in Child Agency and Social Norms among Muslim Early life. The Worldwide Journal of Children's Rights, 32(4), 945-968. https://brill.com/observe/journals/chil/32/4/article-p945_006.xml
  • Pratippornkul, R. (2024) คู่มืออิหม่ามจังหวัดยะลาเกี่ยวกับหลักการการแต่งงานและการหย่าร้างในสังคมมลายูมุสลิมภาคใต้ของไทย (Solutions of Marriage and Divorce in Malay-Muslim Neighborhood of Southern Thailand: A Guidebook for Imams in Yala Province), วารสารมานุษวิทยาศาสนา 6(2), 56–151. https://shorturl.at/55ml0

โดยเรืองรินในฐานะผู้เขียนวิจัย ขอขอบคุณ น้องล่ามผู้ช่วยวิจัย ชาวบ้าน น้องๆวัยรุ่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อิหม่าม ครู อาสาสมัครหมู่บ้าน ทั้งในสี่จังหวัด(ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำศาสนาและเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการอิสลามกลางประจำจังหวัดยะลาและสตูล  และทุกๆคนที่เมตตาช่วยเหลือในการลงพื้นที่ทำวิจัยให้เป็นไปอย่างราบรื่น


1 2

ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/9mk5 | ดู : 10 ครั้ง
  1. รับบริจาคเลืoด-ขออนุญาตแอดมิขอรับบริจาคเลืoด-(ได้ทุกกรุ๊ป)-|-2025-08-23-13:12:00 รับบริจาคเลืoด ขออนุญาตแอดมิขอรับบริจาคเลืoด (ได้ทุกกรุ๊ป) 2025-08-23 13:12:00
  2. ขสป.กะทูน-เผยภาพสัตว์ป่าหายาก-“สมเสร็จ-และ-หมีหมา”-สะท้อนควา ขสป.กะทูน เผยภาพสัตว์ป่าหายาก “สมเสร็จ และ หมีหมา” สะท้อนควา
  3. คิดค้น-“ซูเปอร์ฟู้ด”-สุดยอดอาหารช่วยชีวิตผึ้งน้ำหวาน คิดค้น “ซูเปอร์ฟู้ด” สุดยอดอาหารช่วยชีวิตผึ้งน้ำหวาน
  4. กรมอุตุนิยมวิทยา-เผยไทยฝนตกหนัก-โดยเฉพาะ-5-จังหวัด-ขณะที่-กท กรมอุตุนิยมวิทยา เผยไทยฝนตกหนัก โดยเฉพาะ 5 จังหวัด ขณะที่ กท
  5. กรมอุตุนิยมวิทยา-เผยพายุโซนร้อนกำลังแรงคาจิกิ-ทวีกำลังแรงขึ้ กรมอุตุนิยมวิทยา เผยพายุโซนร้อนกำลังแรงคาจิกิ ทวีกำลังแรงขึ้
  6. แจ้งเตือน-ชาวอุดรธานีและพี่น้องทางภาคอีสานตอนบน-เฝ้าระวังแล ⛈แจ้งเตือน ชาวอุดรธานีและพี่น้องทางภาคอีสานตอนบน เฝ้าระวังแล
  7. กรมอุทยานแห่งชาติ-จัดงานฉลอง-95-ปี-“หอพรรณไม้-bkf”-เปิดคลังสมบัติพฤ กรมอุทยานแห่งชาติ จัดงานฉลอง 95 ปี “หอพรรณไม้ BKF” เปิดคลังสมบัติพฤ
  8. รวบแล้ว-นักโทษชายหนีเรือนจำนนทบุรี-หลังหลบหนีไปหาญาติที่อยุ-|-2025-08-24-08:55:00 รวบแล้ว นักโทษชายหนีเรือนจำนนทบุรี หลังหลบหนีไปหาญาติที่อยุ 2025-08-24 08:55:00
  9. รถพังยับ-หนุ่มอายุ-34-ปี-ขับรถเก๋งกำลังจะกลับบ้านที่บางปะกง-|-2025-08-25-00:01:00 รถพังยับ หนุ่มอายุ 34 ปี ขับรถเก๋งกำลังจะกลับบ้านที่บางปะกง 2025-08-25 00:01:00
  10. สาวไทยสุดฮอต สาวไทยสุดฮอต
  • No recent comments available.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend