สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ‘ทวี-ยุทธนา’ โดนร้องจงใจกลั่นแกล้งคดีฮั้วเลือก สว.

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติลงมติรับเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น กลุ่ม สว. ร้องเรียน ‘พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง' รมว.ยุติธรรม – ‘พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ' อธิบดีดีเอสไอ จงใจกลั่นแกล้งคดีฮั้วเลือก สว. ให้ได้รับความเสียหายถึงขั้นล้มล้างการปกครอง เผย 4 ขั้นตอน ถ้าไม่มีมูลโดนตีตก

จากกรณีกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดึเอสไอ) ตั้งข้อกล่าวหาฟอกเงินในการเลือก สว. หรือคดีฮั้ว สว. นำโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อดีตผู้บังคับการตำรวจภูมิธร จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมคณะสว. ประมาณ 10 คน ยื่นหนังสือถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) พิจารณาดำเนินการสืบสวนไต่สวนตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นการจงใจกลั่นแกล้ง ทำให้ สว.ได้รับความเสียหายและอาจถึงขั้นล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯนั้น

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 แหล่งข่าวจากสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา . ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้มีมติให้รับเรื่องที่กลุ่ม สว. ร้องเรียน พันตำรวจเอกทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา ไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในขั้นตอนการรับเรื่องไว้ไต่สวนของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนแรก คือ การรับเรื่องร้องเรียนซึ่งจะมีการพิจารณาว่าเรื่องที่ร้องเรียนมีมูลที่น่าจะรับเรื่องไว้ตรวจสอบหรือไม่ ถ้าไม่มีมูลก็ให้ตีตกไป

ขั้นตอนที่สอง หลังจากพิจารณาเรื่องร้องเรียนแล้ว ถ้าเห็นว่ามีมูลเพียงพอก็จะเสนอคณะกรรมการให้พิจารณาว่าจะมีมติรับเรื่องไว้ตรวจสอบเบื้องต้นหรือไม่

ขั้นตอนที่สาม เมื่อคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติให้รับเรื่องไว้ตรวจสอบเบื้องต้น ทางสำนักที่มีหน้าที่ในการดำเนินการ เช่น สำนักไต่สวนการเมือง ก็จะเข้าไปดำเนินการหากข้อเท็จจริง เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาไต่สวนให้ได้ข้อมูลประมาณ 70 – 80% ถ้าเห็นว่า ข้อมูลเพียงพอก็จะเสนอให้คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตั้งคณะขึ้นมาไต่สวน

ถ้าเป็นเรื่องสำคัญมีระดับรัฐมนตรี หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องมีกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ อย่างน้อยสองคนเป็นองค์คณะ หรือถ้าเรื่องสำคัญมาก คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทั้งคณะจะเป็นองค์คณะไต่สวนเอง ทั้งนี้ในการไต่สวนสามารถใช้ข้อเท็จจริงที่ได้จากตรวจสอบเบื้องต้นมาใช้ในสำนวนได้ด้วย

ขั้นตอนที่สี่ ถ้าการไต่สวน เห็นว่าข้อกล่าวหามูลก็จะแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและชี้แจงข้อกล่าวหา จากนั้นจะสรุปสำนวนเพื่อชี้มูลความผิดต่อไป