
รัฐบาล “อนุทิน” ทำอะไรบ้าง ก่อนประกาศ “วาระแห่งชาติ” ปราบปรามสแกมเมอร์
ที่มาของภาพ : THAI GOV
รัฐบาลไทยประกาศให้การปราบปรามการลวงลวงทางออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ (Scammer) เป็น “วาระแห่งชาติ” แต่ยังไม่มีการชี้แจงมาตรการที่เป็นรูปธรรมออกมา นอกจากการตั้งคณะกรรมการไปแล้ว 2 ชุด
ในระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงเช้าวันนี้ (21 ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และขอให้บรรจุเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์เป็น “วาระแห่งชาติ”
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คือผู้ออกมาแถลงเรื่องนี้ ทว่ายังไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการดำเนินการ
เขายังกล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่ โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบนายอนุทินในเช้าวันเดียวกันนี้ นายกฯ ได้ขอรับความร่วมมือจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะการแลกข้อมูลเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับ และนัดหมายกันว่าต้นเดือน พ.ย. จะมีทีมดูแลเรื่องสแกมเมอร์มาหารือกับนายกฯ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือด้านการปรามปรามอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ จะเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์การเจรจาคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (Classic Border Committee – GBC) ไทย-กัมพูชา และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Charge – JBC) ไทย-กัมพูชา นายอนุทินมีท่าทีชัดเจนว่าประเทศไทยยึดตามเงื่อนไข 4 ข้อ
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด
Cease of ได้รับความนิยมสูงสุด
“หากไม่มีการดำเนินการอย่างจริงใจจากกัมพูชา ข้อตกลงสันติภาพที่คาดหวังว่าจะเกิด ก็จะไม่เกิดขึ้นในมาเลเซีย” โฆษกรัฐบาลกล่าวอ้างคำพูดที่นายกฯ อนุทินบอกกับทูตสหรัฐฯ
1 ใน 4 เงื่อนไขในการพูดคุยสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาคือ การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Scam) อย่างเป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมา รัฐบาล “อนุทิน” ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ขบวนการฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์เมื่อ 16 ต.ค. เรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับ “ปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่การทำงานตามกระแส หรือหวังผลทางการเมืองและคะแนนนิยมเท่านั้น”
1 ใน 7 ข้อเสนอจากพรรค พท. คือให้ดำเนินมาตรการ “3 ตัด” คือ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดสแกมเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอาจพิจารณายกระดับจากโมเดลความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-จีน-เมียนมา ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
อนุทินแจงทำงานเต็มที่ แต่ “ขาดการประชาสัมพันธ์”
วานนี้ (20 ต.ค.) นายอนุทินเรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีครั้งแรก โดยมีรัฐมนตรีและผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กระทรวงการคลัง การกระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กระทรวงกลาโหม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
นายอนุทินเน้นย้ำให้ทุกหน่วยรับทราบว่าขณะนี้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาอาชญากรรมระดับโลก รัฐบาลต้องถือว่าเรื่องนี้เป็น “วาระแห่งชาติ” โดยทุกหน่วยงานจะบูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหานี้
ที่มาของภาพ : THAI GOV
ผู้นำรัฐบาลไทยได้รับทราบรายงานว่าหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ มีบันทึกการจับกุม ยึดทรัพย์สิน ยึดเงิน ดำเนินคดีผู้กระทำผิดจำนวนมาก มูลค่าเงินระดับหมื่นล้านบาท เพียงแต่ขาดการประชาสัมพันธ์ เพราะต่างคนก็ต่างทำงาน พร้อมยืนยันว่า “รัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่งเฉย จะดำเนินการสั่งให้เข้มข้นมากขึ้น”
นอกจากนี้นายอนุทินยังพูดถึง “ยาแรง” ที่จะใช้จัดการกับเครือข่ายสแกมเมอร์ว่าได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องรอ” เพื่อหยุดการให้บริการ หรือให้การสนับสนุน หรือหยุดซัพพลายของสิ่งที่จะไปทำให้คนทำผิดกฎหมายได้ทันที ทั้งนี้เลขาธิการ สมช. ยืนยันว่าสามารถตัดระบบหรือปิดสัญญาณที่เป็นการสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมายได้โดยไม่ต้องขอมติจาก สมช. อีก เนื่องจากมีมติเดิมครอบคลุมอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่พื้นที่ใด โดยบอกเพียงว่า “ตอนนี้หลัก ๆ ฝั่งขวาก่อน”
ทว่าโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ขยายความเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า มีการตัดสัญญาณที่ส่งไปยังเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ที่มีการเกิดสถานการณ์ชายแดน รวมถึงฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งมีการร้องเรียนเรื่องสแกมเมอร์
นายกฯ พูดถึง “เบน สมิธ” อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลอะไรที่นายกฯ ยังไม่เคยทราบและตกใจบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า มีผู้กระทำผิดที่ถือสัญชาติไทย แต่ก็ยังถือสัญชาติอื่นอยู่ด้วย “จำได้หรือไม่ที่ผม ไม่ยอมเซ็นสัญชาติให้ใคร เพราะเขาขณะนั้นยังถืออยู่หลายสัญชาติ ซึ่งได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครองไปดำเนินการเรื่องถือ 2 สัญชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาขอสัญชาติไทยแล้วยังถือสัญชาติอื่นอยู่ มันไม่ต้องไปดูพฤติกรรมอื่น ตรงนี้ถือว่าผิดอยู่แล้ว ฉะนั้นเราจะดำเนินการถอนสัญชาติเขา อันนี้แรงหรือยัง”
นายกฯ ยอมรับด้วยว่า บุคคลดังกล่าว “เชื่อมโยง” กับสแกมเมอร์และเครือข่าย
ส่วนกรณีที่ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน ออกมาเปิดเผยข้อมูลแผนผังว่ามีการเชื่อมโยงกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ เพื่อให้มีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้อ่าน และในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ แต่ย้ำว่า “ถ้าโยงถึงใคร คนนั้นก็โดน”
ก่อนหน้านี้เมื่อ 26 ส.ค. นายอนุทินเคยให้สัมภาษณ์ถึงการไม่ลงนามอนุมัติให้สัญชาติไทยแก่นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือที่รู้จักในชื่อ “เบน สมิธ” นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ ผู้เป็นนายหน้าขายเครื่องบินให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ขณะนั้นเอกสารหลักฐานยังไม่ครบ ขั้นตอนยังไม่ถึงมือ รมว.มหาดไทย เพราะเอกสารยังไม่สมบูรณ์ และต้องผ่านกรมการปกครอง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ก่อนที่จะถึงมือ มท.1 แต่พอสำนักงานปลัดเห็นว่าหลักฐานไม่ครบ ก็ไม่สามารถเสนอรัฐมนตรีได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนและวิธีการปกติ
นายกฯ คนที่ 32 ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่าเคยโดนสแกมเมอร์หรือไม่ โดยบอกว่า “ผมเคยโดนพวกที่เขาโทรศัพท์มาคุย ผมก็พูดคุยกับเขา เสียงหวานดี”
นายอนุทินไม่ใช่ผู้นำคนแรกที่ออกมาเปิดเผยว่าตนเองได้รับการติดต่อจากเครือข่ายลวงลวงออนไลน์ เพราะเมื่อ 15 ม.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ คนที่ 31 เคยเล่าเหตุการณ์ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เอไอปลอมเสียงเป็นผู้นำประเทศหนึ่งลวงให้โอนเงินบริจาคให้
“หากมีโอกาสจะมีการแถลงข่าว” วรภัคระบุ หลังมีชื่อโยงสแกมเมอร์
ที่มาของภาพ : STR/BBC Thai
กับกระแสข่าวการแต่งตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง เป็นประธานคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน แกะรอยหาความเชื่อมโยงถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มวิชาชีพ หรือเครือข่ายเงินทุนสีเทานั้น นายกฯ ปฏิเสธว่า “ยังไม่มีชื่อใครเลย” มอบหมายให้อธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการฯ ไปรวบรวมรายชื่อและยกร่างคำสั่งเพื่อให้นายกฯ ลงนามแต่งตั้งต่อไป
นายวรภัคถูกเชื่อมโยงว่าเป็น 1 ใน 7 นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในกัมพูชา ซึ่งเจ้าตัวตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อ 20 ต.ค. ว่า ไม่เคยทำงานหรือรับค่าตอบค่าตอบแทนใด ๆ กับบริษัท บีไอซีกรุ๊ป (BIC Team) กลุ่มทุนการเงินขนาดใหญ่ของกัมพูชา แต่ยอมรับว่าเคยพบกับนายยิม เลียก ประธานกรรมการบริษัท บีไอซีกรุ๊ป จริง เนื่องจากนายยิม เลียก ขอรับคำปรึกษาในการตั้งธนาคารในกัมพูชา ซึ่งเขาได้ให้คำปรึกษาเช่นเดียวกับสถาบันทางการเงินในต่างประเทศอื่น ๆ
“มีคนเคยพามาแนะนำว่า เขาจะตั้งแบงก์ ขอคำปรึกษา ผมก็ให้คำปรึกษาด้วยวาจาแค่นั้นเอง และผมเองตั้งแต่ออกจากธนาคารกรุงไทย แมคเคนซีก็ให้ผมเป็นที่ปรึกษา แบงก์ต่าง ๆ หลายแบงก์ ทั้งในอินโดนีเซีย ทั้งในเวียดนามก็มีเยอะแยะ” นายวรภัคกล่าว
ทั้งนี้ นายยิม เลียก ชายชาวกัมพูชา เป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีผู้จะถูกดำเนินการมาตรการคว่ำบาตรในร่างกฎหมายปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติของสหรัฐฯ
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ได้แชร์ข่าวการแต่งตั้ง รมช.คลัง เป็นประธานคณะทำงานปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ พร้อมระบุว่า “ถ้าข่าวนี้เป็นจริง บ้ามาก บ้าไปแล้ว นี่คือการตบหน้าประชาชนอย่างชัดเจน การกระทำแบบนี้ของรัฐบาลนายอนุทินไม่ต่างอะไรกับการให้ความช่วยแก๊งสแกมเมอร์ให้รอดพ้นจากการถูกกำจัด น่าผิดหวัง น่าผิดหวังจริง ๆ”
3 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลทำอะไรไปบ้าง
- 29 ก.ย. รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
- 30 ก.ย. 2 สส. พรรคประชาชน (ปชน.) นายรังสิมันต์ โรม และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อภิปรายชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างนักการเมืองในรัฐบาลทั้งในอดีตและปัจจุบัน กับที่ปรึกษาสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่ง สส. ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าชาวต่างชาติรายนี้มีส่วนพัวพันกับการฟอกเงินและเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา
- 15 ต.ค. นายกฯ ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยนั่งเป็นประธานเอง (คณะกรรมการชุดที่ 1)
- 17 ต.ค. กระทรวงการคลังตั้งทีม Join the Dots ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบที่มาแหล่งเงิน อุดช่องสกัดเงินเทา และสแกมเมอร์ข้ามชาติ (คณะกรรมการชุดที่ 2)
- 19 ต.ค. นายกฯ เปิดเผยว่า มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ตรวจสอบกรณีสื่อสังคมออนไลน์เปิดข้อมูลว่า 7 นักการเมืองไทยเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา
- 20 ต.ค. นายกฯ เรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนัดแรก ก่อนประกาศให้การปราบปรามสแกมเมอร์เป็น “วาระแห่งชาติ”
- 21 ต.ค. นายกฯ แจ้ง ครม. ขอให้บรรจุเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์เป็น “วาระแห่งชาติ”
ที่มา BBC.co.uk












