ยูนิเซฟเผย เยาวชนไทยยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล เรียกร้องการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ชี้เยาวชน 93% ได้รับผลกระทบ แต่ส่วนใหญ่ยังขาดการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2567 ยูนิเซฟเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ตัวแทนเยาวชนไทยได้ยื่นข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางสำคัญในการจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศต่อรัฐบาลไทย โดยข้อเสนอแนะนี้อ้างอิงจาก ผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ที่รวบรวมความคิดเห็นจากเยาวชนเกือบ 1,000 คนทั่วประเทศและการประชุมหารือกับตัวแทนเยาวชน ข้อมูลชี้ว่าร้อยละ 93 ของเยาวชนได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตใจของพวกเขา อีกทั้งร้อยละ 85 ของเยาวชนแสดงความพร้อมในการมีส่วนร่วมแก้ไขวิกฤตนี้ ทำให้ข้อเสนอของเยาวชนมุ่งเน้นให้มีมาตรการรับมือที่ชัดเจนและสร้างพื้นที่ให้เยาวชนมีบทบาทในการกำหนดนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศอย่างแท้จริง
โดยเยาวชนได้ยื่นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายนี้ต่อกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังการประชุม COP29 ณ สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำว่านโยบายด้านสภาพภูมิอากาศควรตอบสนองต่อความต้องการของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และจัดให้มีกลไกที่เปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางรับมือวิกฤตในอนาคต
นายสิปโปทัย เกตุจินดา เยาวชนวัย 23 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้แทนไทยในการประชุมCOP29 กล่าวว่า “วิกฤตสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อทุกคน แต่เด็กและเยาวชนต้องแบกรับผลกระทบหนักที่สุดในระยะยาว เราจึงต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และต้องการให้รัฐบาลแสดงเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน พร้อมสนับสนุนให้เยาวชนเป็นผู้นำโครงการด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อปกป้องอนาคตของพวกเรา”
การศึกษาของยูนิเซฟในปี 2566 แสดงให้เห็นว่า เด็กในประเทศไทยต้องเผชิญความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติมากขึ้น เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง และคลื่นความร้อน ในปีนี้เหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่มทั่วประเทศส่งผลกระทบเด็กหลายแสนคนและสร้างความเสียหายแก่โรงเรียนหลายแห่ง สิ่งเหล่านี้สะท้อนความจำเป็นในการกำหนดนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่มุ่งปกป้องสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเด็กเป็นสำคัญ
ข้อเสนอต่อรัฐบาลยังประกอบด้วยการยกระดับความรู้ด้านสภาพภูมิอากาศในและนอกระบบการศึกษา การจัดเวทีให้เยาวชนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทำกิจกรรมที่มีความหมาย สนับสนุนงบประมาณและการสนับสนุนวิชาการแก่โครงการด้านสภาพภูมิอากาศที่นำโดยเยาวชน รวมถึงการเพิ่มการลงทุนในการฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมเด็กในการรับมือกับภัยพิบัติจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยกล่าวว่า “เด็กและเยาวชนส่งสัญญาณชัดเจนว่าพวกเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความมุ่งมั่นและแนวคิดของพวกเขามีพลังมาก แต่พวกเขาต้องการการสนับสนุน ทรัพยากร และพื้นที่ในการลงมือทำจริง ข้อเสนอของเยาวชนเรียกร้องให้รัฐบาล ภาคธุรกิจ และทุกภาคส่วนร่วมมือกับพวกเขา เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะอนาคตของพวกเขาคือสิ่งที่กำลังอยู่ในความเสี่ยง และเราทุกคนต้องร่วมมือกันสนับสนุน”
การสำรวจและข้อเสนอแนะครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #CountMeIn “โลกรวน เด็กเดือดร้อน รับฟังเสียงเด็ก” โดยองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ที่มุ่งเสริมพลังของเยาวชนในการจัดการวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลจากกลุ่มตัวอย่างเยาวชนอายุ 14-24 ปี จำนวน 994 คนในเดือนกันยายน พบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพกายและจิตใจของพวกเขา รวมถึงรบกวนการศึกษา ความปลอดภัย และความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยร้อยละ 63 รายงานผลกระทบด้านสุขภาพ, ร้อยละ 56 ระบุถึงความลำบากในชีวิตประจำวัน และร้อยละ 41 ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพจิต แม้เยาวชนต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤตนี้ แต่ร้อยละ 59 ยังไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมด้านนี้มาก่อนเนื่องจากขาดทรัพยากร การสนับสนุน และข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางการมีส่วนร่วม
ยูนิเซฟยังได้สำรวจผ่าน U-File ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยมีเยาวชน 769 คนทั่วประเทศร่วมตอบ ซึ่งผลสอดคล้องกับสวนดุสิตโพล สะท้อนถึงผลกระทบและความต้องการให้เยาวชนมีบทบาทในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง
นางสาวอัซมานี เจ๊ะสือแม เยาวชนที่ได้เข้าร่วมงานประชุม COP28 เมื่อปี 2566 กล่าวว่า “เสียงของเราในวันนี้ คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของวันพรุ่งนี้ เยาวชนไม่ได้เป็นเพียงผู้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น แต่คือพลังขับเคลื่อนสู่การสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ดังนั้นการที่มีภาครัฐ และภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ไขวิกฤตนี้อย่างเร่งด่วน ผ่านนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความหวัง ความมั่นคง และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับเด็กและเยาวชนในรุ่นปัจจุบันและอนาคต”
ยูนิเซฟยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเข้าร่วมปฏิญญาว่าด้วยเด็ก เยาวชน และการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ (Declaration of Teenagers, Early life and Climate Motion) ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นระดับโลกในการให้ความสำคัญกับสิทธิเด็ก ความต้องการ และเสียงของเด็กและเยาวชนในการจัดทำนโยบายและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยปฏิญญานี้เปิดตัวครั้งแรกในที่ประชุม COP25 โดยรัฐบาลชิลี และเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเด็กและเยาวชนในฐานะตัวแทนแห่งการเปลี่ยนแปลง พร้อมเน้นว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศคือวิกฤตสิทธิเด็ก
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )