‘ทักษิณ’ ในฐานะวิทยากรพิเศษ เปิดใจบนเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทย ตำหนิพรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานด้วยกัน อะไรไม่เห็นด้วยบอกมา แต่เรื่องที่เป็นนโยบายรัฐบาลต้องช่วยกัน ชี้ถ้าไม่อยากอยู่บอกให้ชัด ปัดครอบงำ ‘นายกฯแพทองธาร’ ชี้พ่อ-ลูกสาวคนเล้กสนิทกันเป้นเรื่องปกติทุกครอบครัว
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 13 ธันวาคม 2567 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาภายใต้โครงการเสริมศักยภาพ สส.และบุคลากรทางการเมือง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการบรรยายพิเศษหัวข้อ สถานการณ์ทิศทางโลกและการปรับตัวว่า เมื่อ 2 วันก่อนมีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรคหลบ ป่วย อย่างนี้ไม่ใช่เลือดสุพรรณ ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกัน วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน
ต่อไปนี้ ถ้าใครหนีก็บอกว่าถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ส่วนตัวเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่าย ๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้รัฐมนตรีค่อย ๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา
นายทักษิณกล่าวต่อว่า ประเทศไทยแปลกอย่างหนึ่ง คนไม่มีอาชีพมีฐานะดีกว่าคนมีอาชีพ แสดงว่าคนไทยไม่อยากมีเรื่อง ใครหาเรื่องก็ปิดปาก ถ้าสรรพากรได้ยิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้ยิน ก็ไปตรวจสอบ บางคนเมีย 3 ลูก 5 ไม่ได้ทำอาชีพอะไร บางคนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ทั้งที่อาชีพไม่มี บางคนถึงเวลาต้องไปหยอดเหรียญ ถ้าไม่หยอดก็รวน พอได้แล้ว ร้องไปร้องมาทำให้คนไม่เชื่อมั่นประเทศไทย
นายทักษิณกล่าวอีกว่า ตอนที่ถูกร้อง นักลงทุนต่างประเทศมาพบก็ถามว่าวิตกหรือไม่ ก็บอกว่าเราเปิดช่องให้ใครก็ไม่รู้มาร้อง บางคนไม่เกี่ยวข้องก็มาร้อง คนไทยเรามันเจ้าคิดเจ้าแค้น 17 ปี โดนเล่นงาน มีคนมายกหูหา ก็บอกจบนะ จะจบก็ต้องจบ ไม่จบก็ไม่เป็นไร เตะกันคนละทีจะเป็นอะไร แล้วก็ไม่อยากเสียเวลายาว เพราะเสียมา 17 ปีก็มากพอแล้ว
“พรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกันจริง ๆ ตรงไปตรงมา มีอะไรไม่พอใจพูดกัน แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาลคือต้องทำ ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้วไม่เอาแล้ว รัฐบาลเป็นกลไกประชาธิปไตย มีหลายออปชั่น อยากส่งสัญญาณให้รู้ว่า วันนั้นไม่สวยเลย วันนี้ที่หายไปตอน พ.ร.ก.เข้า มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ให้รู้ว่าการทำงานร่วมกันง่ายมาก” นายทักษิณกล่าว
@ไม่ได้ครอบงำ ‘นายกฯ’
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ไม่ได้ครอบงำนายกรัฐมนตรี ใครมีลูกสาวจะรู้ว่าพ่อกับลูกสาวคนเล็ก มันแพ้ทางกันอยู่ ตนต่างหากที่ถูกใช้ นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) บอกว่า พ่อทำโน้น ทำนี่ให้หน่อย เงินเดือน 700 บาท เป็นผู้ช่วยหาเสียงได้วันละ 300 บาท แต่ช่วงนี้งานชุกหน่อย จ.ศรีสะเกษก็เตรียมตัวไว้ จ.เชียงใหม่มีเงินหรือไม่ ช่วงเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจจะรวยหน่อย
ส่วนประเด็นเอ็มโอยู 44 นายทักษิณกล่าวว่า ช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเซ็นร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยกับกัมพูชา เพื่อคุยกันถึงเรื่องที่เราไม่ได้คุยกัน คือเรื่องการลากเส้นเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศที่ไม่ตรงกัน ซึ่งต้องอ้างกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนเรื่องเกาะกูดที่คนบอกจะเอาไปให้เขา
“คนพูดอาจจะไม่ได้ดูเนื้อหาสาระ เกาะกูดเป็นของไทยมาตั้งนานแล้ว และอยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส มันชัดเจนแล้ว แต่วิธีลากเส้นของกัมพูชามันไม่ถูก เรามั่นใจวิธีว่าเราถูกกว่า แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอะไร เรามาคุยเรื่องที่เรายังไม่ตกลงว่าคืออะไรกันแน่ แค่วางกรอบ แต่วันนี้โวยวายกันใหญ่ ต้องถามว่าพลังงานที่อยู่ในทะเลอีกสัก 20 ปีใช้ไม่ได้แล้ว อีก 20 ปีจะทิ้งทรัพย์สินตรงนี้สัก 4 ล้านล้านบาท ถ้าตกลงกันได้ซึ่งมี 2 ส่วนคือผลประโยชน์ในทะเลและบนบกที่ไม่มีปัญหาทำให้ยังไม่จบต้องคุยกัน ซึ่งการปักปันเขตแดนทุกด้านมีปัญหาหมด แต่เราอยู่ร่วมกันอย่างนี้ เพียงแต่เรื่องเขตแดนมันไม่จบ ต้องคุยกันด้วยหลักสากล” นายทักษิณกล่าวอีก
นายทักาิณกล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้คือตกลงจะคุยเรื่องที่เรายังไม่ตกลง อย่าเพิ่งโวยวาย ไม่มีใครขายชาติหรอก ถ้าขายคนเฮงซวยพอคุยได้แต่คงไม่มีคนเอา ยืนยันเรื่องบนบกไม่ต้องเถียงกัน จบไปนานแล้ว เหลือแต่เส้นทางทะเล แต่วันนี้เถียงกันแทบตาย แต่คนที่ได้ประโยชน์คือคนที่ได้สัมปทานเดิม อย่างไรก็ตาม การเป็นเพื่อนดีกว่าเป็นศัตรู แต่หลักการประเทศต้องมาก่อน ไม่ใช่เป็นเพื่อนแล้วบอกยกประเทศให้เพื่อน อันนั้นมันควายแล้ว
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )