ประธานกสทช.ลุย 3 เป้าหมายท้าทายอนาคตโทรคมนาคม-ทีวีดิจิทัลยุค Ai

ประธานกสทช.ลุย 3 เป้าหมายท้าทายอนาคตโทรคมนาคม-ทีวีดิจิทัลยุค AI

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช. ได้วาง Roadmap ปฏิบัติการขับเคลื่อนกิจการสื่อสารโทรคมของประเทศไทยเต็มที่ หวังให้อยู่ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดอีก 3 ปีข้างหน้า ลุย 3 เป้าหมายภารกิจรับ 6G และ AI สร้างโอกาสเท่าเทียมเพื่อผู้บริโภค หนุนธุรกิจโทรคมนาคมเติบโตและทีวีดืจิทัลอยู่รอด แต่ยังห่วงปัญหาภายในองค์กรที่คลื่นใต้น้ำจะป่วนอีกหรือไม่

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้รับความสนใจจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกเข้ามาลงทุน และก้าวสู่การเป็น Tech Hub ของภูมิภาคอาเซียน ส่วนหนึ่งเกิดจากการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารโทรคมนาคมรองรับที่ดี ดังนั้นการยกระดับมาตรฐานเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องนับเป็นเรื่องสำคัญในระยะ 3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ประเด็นแรก มาตรฐาน 6G จะต้องถูกกำหนดชัดเจนว่าประเทศไทยจะอยู่ส่วนไหน เราไม่ต้องการเป็นแค่คนถูกบังคับซื้ออุปกรณ์ แต่อยากเป็นคนกำหนดเองได้ว่าเราจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้คลื่นควาถี่ 6GHz เพื่อ WiFi จะทำให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยี AR/VR หรือ AI ได้ในราคาถูกกว่า ระบบโทรคมนาคมไร้สายที่ต้องจ่ายค่าบริการแบบ Air Time หรือไม่ เป็นต้น รวมถึงการเข้ามาของดาวเทียมวงโคจรต่ำที่จะมา Disrupt อุตสาหกรรมบางส่วนด้วย

– อนาคตทีวีดิจิทัลหลังหมดสัญญา

ประธาน กสทช. ยังให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในเรื่องใบอนุญาตทีวีดิจิทัลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติที่จะหมดอายุลงในปี 2572 เพื่อให้การอนุญาตและกำกับดูแลประกอบกิจการโทรทัศน์ของประเทศมีความชัดเจน สามารถจะก้าวข้ามอุปสรรคปัญหาต่างๆไปได้อย่างยั่งยืน

โดยตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ทีวีดิจิทัลมีบทบาทพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจทุกด้าน กสทช.ได้ส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบกิจการให้เข้มแข็ง แต่ความท้าทายใหม่ทั้งโซเชียลมีเดีย AI นวัตกรรมและเทคโนโลยี กระทบต่อผู้เล่นหลายรายต้องทยอยออกไปจากตลาด ระบบกระจายภาพและเสียงแบบวงกว้างใกล้หมดยุค ความต้องการน้อยลงแต่เรายังมีผู้ประกอบการอยู่ และการเข้าถึงการบริการภาพเหล่านี้ยังถูกที่สุด แลกกับการดูโฆษณา ซึ่งทั้งโฆษณาและผู้ผลิตขณะนี้ล้มหายเสียชีวิตจากกับไป เพราะต้นทุนอุปสงค์และอุปทานอาจไม่สอดคล้องกัน ระบบกระจายภาพและเสียงจึงกลายเป็นบริบทของ Availability หรือการคงไว้เพื่อเข้าถึง เราต้องปรับโครงสร้างตรงนี้ให้อุตสาหกรรมและต้องให้แนวทางเพื่อการตัดสินใจ

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช.

– โทรคมนาคมไทยถูกท้าทายโดย AI

ศาสตราจารย์คลินิกนพ.สรณ กล่าวว่า อีกหนึ่งวาระสำคัญคือเทคโนโลยี AI เข้ามาพลิกโฉมหน้าโทรคมนาคมไทย กสทช.จะต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของระบบ ขณะนี้เรากำกับดูแลให้ผู้ให้บริการไร้สายต้องลงทะเบียนและกรองการเข้าใช้ รวมถึงกรองการเข้ามาใช้บริการของอาชญากรผ่านระบบการยืนยันต่างๆ เพื่อให้ตำรวจตามจับผู้กระทำผิดได้

“เรากำลังวางกรอบนโยบายป้องกันโครงข่ายจากการโจมตีทางไซเบอร์ การเข้าขโมยข้อมูลส่วนบุคคล หรือ การใช้ AI เพื่อเข้ามาแทรกแซงโครงข่ายหรือการทำ deepfake ด้วยภาพและเสียง”

นอกจากนั้น การเข้าถึง AI ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ นั่นคือการเชื่อมต่อ (Connectivity) และ ฐานข้อมูล (Immense knowledge) ซึ่งในฐานะประธาน กสทช.ได้ให้นโยบายว่าต้องบริการเชื่อมต่อให้ทั่วถึงและเท่าเทียม นั่นหมายความว่า คุณภาพต้องดี ราคาต้องถูก หรือต้องมีทางเลือกในการเชื่อมต่อ เช่น แบบไร้สาย หรือ เคเบิล ที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ในส่วนของข้อมูล

– มั่นใจศักยภาพทีมผู้บริหาร

การบริหารองค์กร ก็เป็นอีกภารกิจสำคัญ ศาสตราจารย์คลินิกนพ.สรณ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อในการทำงานกันเป็นทีม เลือกคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และประสบการณ์ เช่น คุณพชร นริพทะพันธุ์ ผู้เคยร่วมเขียนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลให้พรรคเพื่อไทย และยอมออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มาช่วยดูเรื่องเทคโนโลยีนวัตกรรม เศรษฐศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ช่วยขับเคลื่อนระบบ Cell Broadcast และต่อสู้กับภัยไซเบอร์ และ Name Center นอกจากนั้น ยังมี พันตำรวจเอกประเวศน์ มูลประมุข อดีตเลขาธิการปปท. ที่เข้ามาดูเรื่องระเบียบและกฎหมาย ไม่ให้เกิดการกระทำผิดหรือคอรัปชั่นในองค์กรและยังมีอีกหลายคนที่เชี่ยวชาญในหลายๆด้าน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประธานกสทช.ถูกคลื่นใต้น้ำปล่อยข่าวโจมตีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ เชื่อว่า อำนาจเป็นขององค์กรไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ที่สำคัญคือความถูกต้องโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ส่วนตัวไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ ไม่ใช่ข้าราชการมืออาชีพ แต่เป็นมืออาชีพที่ต้องทำงานให้สำเร็จ เพราะช่วยชีวิตคนมาโดยตลอด การทำหน้าที่ประธานกสทช. ตั้งใจเข้ามารับใช้ประชาชน และชาติบ้านเมือง จึงไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆ นอกจากทำให้ประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด