เหตุใดเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมจึงยกเลิกการใช้เครื่องมือตรวจสอบความจริง
Article data
- Author, ลิฟ แมคมาฮอน, โซอี้ ไคลน์แมน, คอร์ตนีย์ ซูบรามาเนียน
- Function, บีบีซีนิวส์ กลาสโกลว์และวอชิงตัน
บริษัทเมตา (Meta) ประกาศเตรียมยกเลิกการใช้บริการตรวจสอบความจริงจากบริษัทภายนอกบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม โดยจะนำวิธีการแบบแพลตฟอร์ม “เอ็กซ์” (ทวิตเตอร์เดิม) มาใช้ นั่นคือการใช้ “หมายเหตุชุมชน” ที่การแสดงความคิดเห็นต่อความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลจะเป็นหน้าที่ของผู้ใช้งาน
ในวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ร่วมกันกับบล็อกโพสต์ขอบริษัทเมตา เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเมตา กล่าวว่า ผู้ตรวจสอบจากภายนอกนั้น “มีความลำเอียงทางการเมืองมากเกินไป” และมัน “ถึงเวลาที่จะกลับไปสู่รากเหง้าของการแสดงออกอย่างมีอิสระ”
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยามของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ในความพยายามที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่งในช่วงปลายเดือนนี้
โจเอล คาปลาน สมาชิกพรรครีพับลิกันที่มีชื่อเสียง ผู้ซึ่งเข้ามาแทนที่ เซอร์ นิค เคลกก์ ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกิจการทั่วโลกของบริษัทเมตา (Meta's world affairs chief) เขียนไว้ว่า การใช้บริการของผู้ตรวจสอบอิสระนั้นมาจากความตั้งใจที่ดี แต่บ่อยครั้งที่มันส่งผลให้เกิดการปิดบังข้อมูล
ทรัมป์และพันธมิตรในพรรครีพับลิของเขาวิจารณ์บริษัทเมตา เกี่ยวกับนโยบายตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการเซ็นเซอร์เสียงของฝ่ายขวา
หลังจากที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ถูกประกาศออกไป ทรัมป์ได้กล่าวในการแถลงข่าวว่าเขาประทับใจกับการตัดสินใจของซักเคอร์เบิร์ก และบริษัทเมตา “ได้เดินทางมาไกล”
ผู้รณรงค์ต่อต้านคำพูดที่แสดงความเกลียดชังในพื้นที่ออนไลน์ได้แสดงความผิดหวังต่อการเปลี่ยนแปลงและกล่าวหาว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้น จริง ๆ แล้วมีแรงจูงใจเพื่อที่จะได้อยู่ฝ่ายเดียวกับทรัมป์
“การประกาศของซักเคอร์เบิร์กเป็นความพยายามอย่างโจ่งแจ้งที่จะเอาใจรัฐบาลทรัมป์ที่กำลังจะเข้ามาใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับความหมายโดยนัยที่อันตราย” เอวา ลี จากกลุ่มโกลบอล วิทเนส (Worldwide Behold) กลุ่มรณรงค์ที่ระบุว่ากำลังพยายามเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ กล่าว
“การอ้างว่าจะหลีกเลี่ยง ‘การปิดบังข้อมูล' (Censorship) เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการรับผิดชอบต่อความเกลียดชังและข้อมูลที่บิดเบือนซึ่งแพลตฟอร์มสนับสนุนและอำนวยความสะดวก” เธอกล่าวเสริม
การเลียนแบบแอปพลิเคชัน “เอ็กซ์” (X)
โปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงปัจจุบันของเมตาที่เปิดตัวในปี 2016 จะดำเนินการส่งโพสต์ที่ดูเหมือนจะมีข้อมูลที่เป็นเท็จหรืออาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปยังองค์กรอิสระเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของมัน
โพสต์ที่ถูกระบุว่าไม่ถูกต้องจะมีการติดป้ายกำกับเพื่อเสนอให้ผู้ชมได้รับข้อมูลเพิ่มเติม และจะถูกย้ายไปที่ด้านล่าง ๆ ของฟีดผู้ใช้งาน สิ่งนี้จะถูกแทนที่ด้วยหมายเหตุของชุมชน “ในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับแรก”
เมตากล่าวว่า “ไม่มีแผนในทันที” ที่จะยกเลิกการใช้บริการผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากบุคคลที่สามในสหราชอาณาจักรหรือสหภาพยุโรป
ระบบหมายเหตุของชุมชนใหม่นี้ถูกลอกเลียนแบบมาจากแอปพลิเคชัน “เอ็กซ์” ซึ่งเปิดตัวหลังจากถูกซื้อกิจการและเปลี่ยนชื่อโดยอีลอน มัสก์
ระบบหมายเหตุชุมชนอนุญาตให้ผู้คนที่มีมุมมองแตกต่างกันมาเพิ่มบริบทหรือชี้แจงเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในโพสต์ที่เป็นข้อถกเถียงในวงกว้าง
“เจ๋งดี” อีลอน มัสก์ กล่าวถึงกรณีที่เมตานำกลไกที่คล้ายคลึงกับ “เอ็กซ์” มาใช้งาน
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิมอลลีโรสของสหราชอาณาจักร กล่าวว่าการประกาศดังกล่าวนับเป็น “ข้อกังวลครั้งใหญ่ในเรื่องความปลอดภัยทางออนไลน์”
เอียน รัสเซลล์ ประธานมูลนิธิกล่าวว่า “เรากำลังรีบเร่งหาความชัดเจนต่อขอบเขตของมาตรการเหล่านี้ รวมถึงว่าเครื่องมือนี้จะถูกนำไปใช้กับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตาย การทำร้ายตัวเอง และเนื้อหาที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือไม่”
“การดำเนินการเหล่านี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อเด็กและคนหนุ่มสาวจำนวนมาก”
ด้านเมตา บอกกับบีบีซีว่าเนื้อหาที่ละเมิดกฎ เนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย และการทำร้ายตัวเองเป็นการละเมิด “ระดับรุนแรง” และจะต้องอยู่ภายใต้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติ
ฟูลแฟ็ค (Plump Fact) องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เข้าร่วมในโครงการตรวจสอบโพสต์ของเฟซบุ๊กในยุโรป ระบุว่าองค์กร “ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องความอคติ” ตามที่ถูกกล่าวหา
คริส มอร์ริส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารขององค์กรได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า “น่าผิดหวังและเป็นการเดินถอยหลัง ซึ่งเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบร้ายแรงไปทั่วโลก”
‘คุกเฟซบุ๊ก'
นอกจากผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง (reality checkers) จะเป็นผู้ควบคุมตรวจสอบเนื้อหาแล้ว บางครั้งยังเรียกตัวเองว่าเป็นบริการฉุกเฉินของอินเทอร์เน็ต ทว่าผู้บริหารของเมตา มองว่าผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเข้ามาแทรกแซงมากเกินไป
“เนื้อหาที่ไม่เป็นอันตรายถูกเซ็นเซอร์มากเกินไป ผู้คนจำนวนมากพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ใน ‘คุกเฟซบุ๊ก' อย่างไม่ถูกต้อง และเรามักจะตอบสนองช้าเกินไปเมื่อพวกเขาถูกกระทำเช่นนั้น” โจเอล คาปลาน หนึ่งในผู้บริหารเฟซบุ๊ก ระบุเมื่อวันอังคาร
อย่างไรก็ดี เมตาก็ดูเหมือนจะยอมรับว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้าง ซักเคอร์เบิร์กกล่าวในวิดีโอของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะหมายถึง “การแลกไปซึ่งบางอย่าง”
“มันหมายความว่าเราจะตรวจจับสิ่งที่ไม่ดีได้น้อยลง แต่เราก็จะลดจำนวนโพสต์และบัญชีของผู้บริสุทธิ์ที่เราลบทิ้งโดยความผิดพลาด” เขากล่าว
แนวทางดังกล่าวยังขัดแย้งกับกฎระเบียบล่าสุดของสหราชอาณาจักรและยุโรป ซึ่งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ถูกบังคับให้รับผิดชอบเนื้อหาที่บริษัทนำเสนอมากขึ้น มิฉะนั้นอาจต้องรับบทลงโทษที่รุนแรง
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่การเปลี่ยนแปลงด้านการควบคุมเนื้อหานี้จะเกิดขึ้นเพียงแค่ที่สหรัฐฯ เท่านั้นในเวลานี้
‘การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่'
โพสต์บล็อกของเมตายังระบุด้วยว่าจะ “ลบล้างภารกิจลุกล้ำ” ของกฎและนโยบาย
“เป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่สิ่งต่าง ๆ สามารถพูดได้ทางโทรทัศน์หรือในห้องประชุมของรัฐสภา แต่กลับพูดไม่ได้บนแพลตฟอร์มของเรา”
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งรวมทั้งกลุ่มผู้บริหารกำลังเตรียมการสำหรับการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค.
ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีหลายคนได้แสดงความยินดีอย่างเปิดเผยต่อการกลับมาของทรัมป์ ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้เดินทางไปที่มาร์ลาโก ฟลอริดา ซึ่งเป็นที่พักของทรัมป์เพื่อพบกับประธานาธิบดีคนใหม่
หนึ่งในนั้นก็คือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซึ่งเดินทางไปพบทรัมป์เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว นอกจากนี้ เมตา ยังได้บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับกองทุนเพื่อพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์อีกด้วย
“การเลือกตั้งครั้งล่าสุดยังรู้สึกเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่นำไปสู่การให้ความสำคัญกับเสรีภาพในการการแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง” ซักเคอร์เบิร์กกล่าวในวิดีโอเมื่อวันอังคาร
ตามรายงานของนิวยอร์กไทมส์ระบุว่า เมตาได้แจ้งให้ทีมงานของทรัมป์ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายก่อนที่จะมีการประกาศดังกล่าว
การที่คาปลานเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของ เซอร์ นิค เคลกก์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จากพรรคเสรีประชาธิปไตย ในตำแหน่งประธานฝ่ายกิจการทั่วโลกของบริษัทเมตา ยังถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวทางของบริษัทในการควบคุมเนื้อหาและลำดับความสำคัญทางการเมืองที่เปลี่ยนไป
เมตายังประกาศเมื่อวันจันทร์ด้วยว่า ดานา ไวท์ พันธมิตรคนใกล้ชิดของทรัมป์และประธานของ Closing Struggling with Championship จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของบริษัท
เคท คลอนิก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่ “ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ที่ อีลอน มัสก์ ได้เข้าครอบครองเอ็กซ์”
เธอให้สัมภาษณ์กับบีบีซีนิวส์ว่า “การกำกับดูแลการพูดคุยในแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ”
ก่อนหน้านี้ บริษัทต่าง ๆ ต้องเผชิญกับแรงกดดันให้สร้างกลไกความไว้วางใจและความปลอดภัยเพื่อจัดการกับปัญหาต่าง ๆ เช่น การคุกคาม การแสดงความเกลียดชัง และข่าวปลอม แต่ขณะนี้กำลังเกิด “การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในทิศทางตรงกันข้าม” เธอกล่าวเสริม
ที่มา BBC.co.uk